ตอนที่ 132

The simple life of the emperor

วันเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าแน่นอนว่าชีวิตปกติของเทียนหลางก็ยังคงวนเวียนอยู่กับการใช้ชีวิตในมหาลัยและการนอนเฉยๆอยู่ที่บ้าน

เรื่องของเผ่ามารนั้นเทียนหลางยกหน้าที่เหล่านี้ให้กับศิษย์ของเขาไปจัดการ เพราะเทียนหลางคาดว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้คงไม่จำเป็นจะต้องลงมือจัดการเอง เพราะถึงยังไงมารเหล่านั้นก็เป็นเพียงมารระดับต่ำการจัดการพวกมันจึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับศิษย์ของเขา
ช่วงนี้เทียนหลางนั้นมีกิจกรรมแก้เบื่ออันใหม่คือการออกแบบเครื่องประดับให้กับร้านของตัวเอง ในขณะที่เทียนหลางกำลังเอนหลังอยู่ภายในสวนพร้อมกับหลอมเครื่องประดับไปด้วยอยู่นั้นมือถือของเขาก็ดังขึ้น
เมื่อมองดูก็พบว่าเป็นเลขาไป๋กำลังโทรมา
“หวัดดีครับเลขาไป๋”
เทียนหลางกล่าวทักทายออกไป เลขาไป๋ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
[ ต้องขอบคุณเธอจริงๆเลยนะเทียนหลาง ]
เทียนหลางที่ได้ยินคำพูดของเลขาไป๋เขาก็ถึงกับสงสัยเล็กน้อยก่อนจะถามกลับไปว่า
“ขอบคุณเรื่องอะไรงั้นเหรอครับ ?”
เลขาไป๋ที่ได้ยินคำสงสัยของเทียนหลาง เขาก็หัวเราะออกมาเล็กน้อยพร้อมกับอธิบายให้กับเทียนหลางได้ฟัง
[ ก็ที่เธอได้ช่วยเหลือองค์กรวาติกันของทางอิตาลียังไงล่ะ ทางนั้นได้กล่าวขอบคุณมากทางเราอย่างจริงใจและยังบอกอีกด้วยว่าถ้าหากหน่วยของเรานั้นต้องการความช่วยเหลืออะไรก็สามารถพูดคุยกับทางเขาได้อีกด้วย นี่เรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมสัมพันธ์อันดีกับองค์กรลับของต่างประเทศเชียวนะ แถมทางเรายังได้ประโยชน์อีกมากมายเชียวล่ะ ]
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวกับเลขาไป๋ไปว่า
“ถ้างั้นก็ยินดีด้วยครับ”
[ ฮ่าๆ… ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ]
“ว่าแต่คุณคงไม่ได้โทรมาหาผมเพราะแค่จะมาแจ้งเรื่องนี้ใช่ไหมครับ ?”
[ ใช่แล้วล่ะ อันที่จริงที่ฉันโทรมาหาเธอก็เพราะเรื่องของงานชุมนุมกองทัพนั่นแหละ ]
“งานชุมนุมกองทัพ ?”
เทียนหลางถามออกไปด้วยความสงสัย
[ ใช่แล้วเธอยังจำที่ฉันเคยบอกไปก่อนหน้านี้ได้ไหมว่าจะมีงานชุมนุมกองทัพเกิดขึ้น ]
เทียนหลางคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
”จำได้ครับ”
[ แต่เป็นเพราะเหตุการณ์ของการบุกโจมตีศูนย์วิจัยที่ขั้วโลกเหนือ จึงทำให้งานชุมนุมนั้นต้องเลื่อนออกไปจนกว่าการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น ]
“งั้นก็แปลว่าตรวจสอบเกี่ยวกับศูนย์วิจัยนั่นเรียบร้อยแล้วงั้นเหรอครับ ?”
[ ก็ยังหรอกแต่เป็นเพราะว่าไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเลย เบื้องบนนั้นจึงได้พับเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อนและให้หน่อยลับอื่นๆสืบหาข้อมูลกันอย่างลับๆ จากนั้นเบื้องบนก็เลยหันมาให้ความสนใจกับการจัดงามชุมนุมแทน ]
“งั้นเหรอครับ… แล้วงานจะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะครับ ?”
[ วันที่ 7 เดือนหน้าน่ะที่ฐานทัพของเมืองเรานี่แหละ เธอก็ต้องมาเข้าร่วมด้วยในฐานะคนของหน่วยหมาป่า ]
“โอเคครับ ขอบคุณที่มาแจ้ง”
หลังวางสายจากเลขาไป๋เทียนหลางก็กลับมานอนสร้างเครื่องประดับต่อ ในจังหวะที่เทียนหลางกำลังทำการตัดเพชรให้เป็นรูปร่างอยู่นั้นเฟิงหยวนก็เดินออกมาจากบ้านด้วยชุดกระโปงยาวสีดำและตรงมาหาเขาก่อนจะพูดออกมาสั้นๆว่า
“คุณไปส่งฉันหน่อยสิ”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็หันกลับมาด้วยท่าทีสงสัยก่อนจะเอ่ยถามกลับไปว่า
“ไปส่ง ? คุณจะไปไหนงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น
“เดียวไปคุยกันบนรถแล้วกันนะ”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะลุกไปหยิบกุญแจรถภายในบ้านออกมาและขับออกไปส่งเฟิงหยวน ระหว่างทางเทียนหลางก็ถามกับเฟิงหยวนว่า
“คุณจะให้ผมไปส่งที่ไหนงั้นเหรอ ?”
“ตึกฟูเฉียนน่ะ”
เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามอีกว่า
“แล้วคุณไปทำอะไรที่นั่นงั้นเหรอ ?”
เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ฉันเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าก่อนที่จะมาเจอคุณฉันเคยทำงานเป็นนางแบบมาก่อน”
เทียนหลางพยักหน้าหงึกๆ เฟิงหยวนจึงอธิบายต่อว่า
“หลังจากที่ฉันเจอคุณ ฉันก็คิดว่าจะเลิกทำงานเป็นนางแบบแต่เจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าผู้จัดการกลับไม่ยอมและยังคอยโทรมาหาให้ฉันไปถ่ายงานด้วยอยู่เป็นประจำ”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับร้องอ๋อออกมา เพราะในตอนแรกเขานั้นก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเหตุใดจึงไม่เห็นเฟิงหยวนใช้โทรศัพมือถือเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะหากเฟิงหยวนอยากจะคุยกับเขาถ้าหากไม่คุยกันผ่านทางจิตก็จะเดินมาหาเพื่อพูดคุยเท่านั้น ดังนั้นก่อนหน้านี้เทียนหลางจึงคิดสงสัยอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
มาในตอนนี้เทียนหลางนั้นรู้แล้วว่าเหตุใดเฟิงหยวนจึงไม่ใช้โทรศัพเลยคงเพราะรำคาญเจ้าผู้จัดการนั่นเป็นแน่
“แล้วในเมื่อคุณจะเลิกทำอาชีพนี้ แล้วทำไมต้องให้ผมไปส่งคุณที่นั่นด้วยล่ะ”
“เมื่อตอนที่คุณไปอิลาตีจู่ๆเจ้าผู้จัดการนั่นก็มาหาฉันถึงบ้านพร้อมกับมาคุกเข่าขอร้อง ขอให้ฉันไปถ่ายงานสุดท้ายให้กับเขาน่ะ และเขายังบอกอีกว่าถ้าหากงานชิ้นนี้ผ่านไปได้ด้วยดีเขาก็จะยกเลิกสัญญาทั้งหมดของฉันให้”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะไม่ได้ถามอะไรอีก แม้ภายนอกเฟิงหยวนจะดูค่อนข้างเย็นชาเล็กน้อยแต่เธอก็เป็นคนจิตใจดี ถ้าหากเจ้าผู้จัดการนั่นไม่ได้มาคุกเข่าของร้องเฟิงหยวนแล้วล่ะก็ เทียนหลางคิดว่าเฟิงหยวนคงไม่มีทางกลับมาถ่ายงานให้กับเจ้านั่นอีกแน่
สำหรับเทียนหลางแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับงานนี้ของเฟิงหยวน เพราะเขาเชื่อว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธออย่างแน่นอนถึงแม้จะมีก็ทำอะไรเธอไม่ได้ เพราะถ้าหากไม่นับตัวของเทียนหลางเองแล้วบนโลกนี้ก็คงไม่มีใครทำอะไรเฟิงหยวนได้อย่างแน่นอน