“คุณจะรับผิดชอบฉันเหรอ?”
เฟิงหานชวนมองไปที่ผู้หญิงขี้อายตรงหน้าเขา มีแสงสลัวๆส่องผ่านเข้ามาในดวงตาของเขา เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มๆ: “คืนนั้นผมบอกไปแล้วว่าจะรับผิดชอบ”
“อ่า…..”หลิ่วเยว่เอ่อร์อุทาน
เฉินฮวนฮวนไม่เคยบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยและเธอไม่คิดว่าเฟิงหานชวนจะพูดมันออกมา!
กล่าวอีกนัยหนึ่งถ้าหากเธอแค่พยักหน้าตอบรับไป เธอจะสามารถแต่งงานกับเฟิงหานชวนและกลายเป็นภรรยาของคุณชายเฟิงได้หรือเปล่า?
หลิ่วเยว่เอ่อร์แทบจะบ้าคลั่งเพราะความตื่นเต้นของตัวเอง!
“คุณลืมแล้วเหรอ?”พอเห็นท่าทางที่ดูประหลาดใจของหลิ่วเยว่เอ่อร์ มันทำให้เฟิงหานชวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไม่ ไม่ใช่ ตอนนั้นฉันไม่ได้สนใจประโยคที่คุณพูดเลย เพราะว่าคืนนั้นฉันกลัวมาก ฉันจำอะไรไม่ได้เลย… ” หลิ่วเยว่เอ่อร์กำมือตัวเองแน่นและแกล้งทำเป็นตกใจ
“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้คุณคิดอย่างไร?”เฟิงหานชวนพูดตรงๆ
“ฉัน…..”หลิวเยว่เอ่อร์เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เฟิงหานชวน เธอแสร้งทำเป็นเขินและพูดว่า: “คุณชายสามฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ฉันกลัวว่าฉันจะไม่คู่ควรกับคุณ … ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าพูด เฟิงหานชวนก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง
“เพราะคุณช่วยผมไว้ ถ้าคุณต้องการอะไรก็ขอผมมาเลย”
หลิ่วเยว่เอ่อร์มองไปที่เฟิงหานชวนและสังเกตการแสดงออกของเขาอย่างระมัดระวัง เธอรู้สึกว่าเฟิงหานชวนดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเธอสักเท่าไหร่?
เธอแสดงได้แย่ไปหรือเปล่า?
บอกว่าจะรับผิดชอบ แต่ดูๆแล้วความต้องการที่อยากจะรับผิดชอบเธอก็ดูเหมือนจะไม่มีเลยสักนิด เหมือนเขาอยากจะแค่จ่ายเงินให้เธอและส่งๆเธอออกไปอย่างนั้นแหละ?
ในเมื่อถ้าเธอสามารถแกล้งเนียนทำเป็นเฉินฮวนฮวนได้อยู่ เธอจะไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆแน่นอน
“คุณชายสาม ฉันรู้ว่าฉันไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้คุณรับผิดชอบ สัญญาห้องที่ฉันเช่าอยู่ก็ใกล้จะหมดแล้ว ดังนั้น … “หลิ่วเยว่เอ่อร์ลังเลที่จะพูดออกไป
เธอเว้นประโยคไว้เพื่อให้เฟิงหานชวนคิดเอง
เนื่องจาก “พวกเขา” มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นเฟิงหานชวนจะพาเธอกลับบ้านไปด้วยหรือเปล่า?
หรือจะให้เธอไปอยู่ที่พักส่วนตัวของเขา?
“ตอนนี้คุณเป็นนักเรียนใช่หรือเปล่า?” เฟิงหานชวนยังคงนิ่งเฉยและเอ่ยออกมาเบาๆว่า: “คุณทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่แสดงว่าคุณน่าจะยังเรียนไม่จบสินะ”
“ค่ะ ฉันเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย A และฉันทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่”หลิ่วเยว่เอ่อร์พยักหน้าซ้ำ ๆ และอธิบายว่า: “หลังจากเลิกงานที่นี่ก็ดึกแล้ว จะกลับไปหอพักในมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว ฉันเลยต้องเช่าห้องอยู่ข้างนอก”
“มหาวิทยาลัย A…”เฟิงหานชวนบ่นพึมพำพูดกับตัวเอง
“ใช่ ฉันเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย A ปีนี้ขึ้นปีสองแล้ว”หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดอย่างภูมิใจ
เนื่องจากมหาวิทยาลัย A อยู่ในเมืองเป่ยเฉิง มหาวิทยาลัยนี้จึงเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีมาก ช่วงที่เธอสอบแอดมิดชั่นนั้นเธอทำมันออกมาได้ดีเลยทีเดียวและตัวเธอเองก็อยากมาอยู่เมืองใหญ่อย่างเมืองเป่ยเฉิงอยู่แล้วด้วย สุดท้ายเธอก็ได้ตัดสินใจเข้าเรียนที่วิทยาลัยในเมืองเป่ยเฉิงโดยไม่สนด้วยซ้ำว่าพ่อของเธอจะขัดขวางเธอหรือไม่
ใช่แล้ว เธออยู่ในครอบครัวที่มีพ่อเลี้ยงเธอมาคนเดียวเพราะแม่ของเธอจากไปก่อนในวัยอันควร เป็นเพราะภูมิหลังของครอบครัวที่คล้ายคลึงกันทำให้เธอและเฉิงฮวนฮวนคบกันและกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
“ซูอวี่ พาคุณหลิ่วไปที่คฤหาสน์อีกหลังหนึ่งของฉันที่ชานเมืองทางตะวันตก แล้วให้แม่บ้านมาดูแลเธอ”
เฟิงหานชวนออกคำสั่งกับซูอวี่ที่ยืนอยู่ตรงประตูและพูดกับหลิ่วเยว่เอ่อร์ว่า: “ผมมีธุระ ขอตัวก่อน”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็เดินออกจากห้องส่วนตัวไป
ขณะที่กำลังขึ้นลิฟต์เฟิงหานชวนก็ต่อสายโทรหาแม่บ้านหลี่และถามว่า: “แม่บ้านหลี่ เฉินฮวนฮวนกลับมาแล้วหรือยัง?”
“ฮวนฮวนยังไม่กลับมาเลยค่ะ ทำงานจนดึกจนดื่นขนาดนี้ได้ยังไง” แม่บ้านหลี่พึมพำ
“คุณพูดว่าอะไรนะ!”การแสดงออกของเฟิงหานชวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
……
ในขณะเดียวกันภายในห้องส่วนตัว
คฤหาสน์อย่างนั้นเหรอ?
หลิ่วเยว่เอ่อร์ทวนคำพูดของเฟิงหานชวนในใจอีกครั้ง
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือคืนนี้เธอจะได้พักอยู่ที่คฤหาสน์!
อย่างไรก็ถึงเธอจะตื่นเต้นแต่เธอไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่ดีสักเท่าไหร่
เพราะว่าตอนนี้เฟิงหานชวนดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเธอมากนัก เขาออกไปหลังจากที่คุยกับเธอเพียงแค่ไม่กี่คำ แม้ว่าจะมีคฤหาสน์ให้สำหรับเธอแต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้ต้องการเธอสักเท่าไหร่
“คุณชายสามให้เกียรติ์ฉันมากจริงๆ ที่จริงแล้วฉันอยู่แค่คนเดียว ฉันไม่ต้องการคฤหาสน์อะไรขนาดนั้นหรอก ฉันต้องการแค่คอนโดเล็กๆเพียงเท่านั้น”หลิ่วเยว่เอ่อร์รู้ว่าซูอวี่เป็นคนสนิทของเฟิงหานชวน ดังนั้นเธอจึงจงใจพูดสิ่งเหล่านี้ต่อหน้าซูอวี่
เธอหวังว่าซูอวี่จะไปเล่าเรื่องนี้ให้เฟิงหานชวนฟังบ้าง ถึงตอนนั้นเขาจะได้คิดว่าเธอไม่ได้เรียกร้องอะไรกับเขามากเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้นเธอเน้นคำว่า “อยู่คนเดียว”เป็นพิเศษ ประการแรกก็เพื่อบ่งบอกว่าเธอนั้นโสดและประการที่สองก็เพื่อสื่อความหมายเป็นนัยๆให้เฟิงหานชวนได้รับรู้
เรื่องนี้เธอยังไม่ต้องรีบร้อนสักเท่าไหร่ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปน่าจะดีกว่า
อย่างน้อยเธอก็สามารถเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์ของเฟิงหานชวนได้แล้วและเรื่องนี้มันก็จะเป็นปัญหาเล็กน้อยเท่านั้นที่จะเอาชนะใจเฟิงหานชวนในอนาคตได้
“คุณหลิ่ว คุณชายสามไม่มีคอนโดเล็กๆหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคฤหาสน์ทั้งหมด”หลังจากที่ซูอวี่ตอบเธอ เขาก็ทำท่าทาง “เชิญ” และพูดว่า: “คุณหลิ่วครับ ผมจะพาคุณไปที่คฤหาสน์ชานเมืองทางตะวันตกนะครับ?”
“ค่ะ รบกวนคุณผู้ช่วยซูอวี่ด้วย”หลิ่วเยว่เอ่อร์ยิ้มและพูดกับซูอวี่ด้วยน้ำเสียงที่วางท่า
ทำตัวเหมือนเป็นนายหญิง
ซูอวี่มองไปที่ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดตรงหน้าของเขา ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกขนลุกแปลกๆ
เพราะคุณชายสามบอกว่าเขาต้องรับผิดชอบผู้หญิงคนนี้
แต่หลิ่วเยว่เอ่อร์คนนี้จะไว้ใจได้จริงๆหรือ?
……
เมื่อรถเมล์หยุดเฉินฮวนฮวนก็ตื่นขึ้นมาทันที
เธอขยี้ตาด้วยความงุนงงและมองออกไปนอกรถเมล์ ซึงตอนนี้รถเมล์จอดที่ป้ายซึ่งเป็นป้ายก่อนที่จะถึงป้ายสุดท้าย
ป้ายต่อไปเธอก็ต้องลงแล้ว
ในขณะเดียวกันก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนรถเมล์ เขามองไปรอบๆรถเมล์แล้วเดินตรงไปที่เฉินฮวนฮวน
เฉินฮวนฮวนรู้สึกตกใจและรู้สึกแปลกๆ หลังจากนั้นชายคนนั้นก็มานั่งลงที่เบาะข้างๆเธอ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้เธอตกใจมากขึ้นไปอีก
ตอนนี้ในรถมีแค่สองคนเอง ที่ว่างตั้งเยอะแยะทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต้องมานั่งใกล้ๆเธอด้วย
ไม่ใช่โรคจิตใช่ไหม?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฉินฮวนฮวนก็รู้สึกกลัว เธอลุกขึ้นยืนทันทีและพูดกับชายคนนั้นอย่างสุภาพว่า: “สวัสดีค่ะ ขอทางหน่อยนะคะฉันกำลังจะลงป้ายถัดไปค่ะ”
ชายคนนั้นแอบมองเธอนิดหน่อย หลังจากนั้นก็ก้าวออกไปจากที่นั่งข้างๆเฉินฮวนฮวนและออกไปยืนอยู่ที่หน้าประตูรถ
ระหว่างทางถึงป้ายสุดท้าย เฉินฮวนฮวนจ้องมองไปที่ทิวทัศน์นอกหน้าต่างด้วยความสับสน
วันนี้เป็นวันที่เลวร้ายเพราะเธอถูกเข้าใจผิดโดยเฟิงหานชวนอีกครั้ง
เธอไม่รู้ว่าทำไมเฟิงหานชวนถึงได้ต่อต้านเธอมากขนาดนี้ เพราะเธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่เลวร้ายเลยนะ!
ในขณะที่เธอกำลังลูบผมของเธออยู่ สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นว่าชายคนนั้นกำลังจ้องมองมาที่เธอ
เฉินฮวนฮวนรู้สึกกลัวมากกว่าเดิม เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็นมันและหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาจากกระเป๋าของเธอ แล้วแสร้งทำเป็นกดเล่นโทรศัพท์มือถือ แต่ก็ดันเห็นข่าวหน้าฟีดพอดี
ดวงตาของเธอเบิกกว้างอย่างกะทันหัน เหงื่อของเธอเริ่มไหลออกมา เธอมองไปที่ชายคนนั้นด้วยความกลัว
คือเขา!
เขาคนนั้น!
เธอจะโชคร้ายขนาดนี้ได้ยังไงถึงต้องบังเอิญมาเจอกับคนโรคจิตบนรถเมล์คนนั้น
เฉินฮวนฮวนกลัวมากจนมือของเธอสั่น ทำไมเวลามันช่างนานเสียเหลือเกินกว่าจะมาถึงป้ายสุดท้าย เธอรีบตะโกนบอกคนขับรถไปทันที: “คุณลุงคะ ชายคนนี้เป็นโรคจิตที่เป็นข่าว! รีบแจ้งตำรวจเลยค่ะ!”
หลังจากพูดแล้วเธอก็รีบวิ่งออกไปทันที
เฉินฮวนฮวนวิ่งไปจนสุดแรงเกิดและวิ่งเข้าไปในถนนที่มีต้นไม้เรียงรายตรงบริเวณรอบๆคฤหาสน์ เธอหยุดวิ่งแล้วเธอหันไปชำเลืองมองและเธอก็ช็อคไปทันที
เพราะว่าชายคนนั้นวิ่งตามเธอมา