ตอนที่ 127 พบหนุ่มหล่อ

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนแรกเริ่มหมีควายตัวนั้นยังไม่เห็นนาง มันยังคว้าเด็ดบลูเบอร์รี่ป่ากำใหญ่เข้าปาก ส่วนหลินเว่ยเว่ยก็ประหลาดใจที่พบว่าเวลานี้มีลูกหมีน้อยไร้เดียงสาตัวหนึ่งกำลังเล่นอยู่ข้างเท้าของมันอย่างสนุกสนาน

กล่าวกันว่าการปกป้องลูกของแม่สัตว์เป็นสิ่งที่รับมือยากที่สุด ในขณะที่หลินเว่ยเว่ยกำลังจะออกจากบริเวณนั้นเพื่อสละผืนป่าบลูเบอร์รี่ให้แม่หมี มันก็สังเกตเห็นร่องรอยของนางเสียก่อน

หมีควายค้ำยันร่างของมันขึ้นด้วยสองขาหลัง ท่าทางคว้าบลูเบอร์รี่เข้าปากของมันเหมือนโดนกดปุ่มหยุดค้างเอาไว้ ในดวงตาดำทมิฬคู่นั้นเผยให้เห็นความหวาดกลัวที่ฝังลึกถึงแกนกระดูก

หลินเว่ยเว่ยลูบปลายจมูก มันเห็นนางแล้วหรือ ? เอาเถิด เช่นนั้นก็เตรียมตัวสู้แล้วกัน ! หลินเว่ยเว่ยออกมาจากพุ่มไม้พลางสะบัดเท้า หมุนคอไปมาแล้วกำหมัดพร้อมสู้

หมีควายตัวนั้นเซถอยหลังไปสองก้าว แต่ทันใดนั้นเท้าทั้งสี่ข้างก็เหมือนจะงอกเพิ่มขึ้นมาทันที เพราะมันกระโจนเข้าพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนลูกหมีควายก็โดนแม่ที่กระโจนหนีถีบจนตีลังกากลับหลัง มันจึงนั่งอยู่กับพื้นด้วยความงุนงง…หืม ? นี่คือเรื่องอันใด ? มันโดนถีบหนึ่งครั้งและพอกลับมาตั้งหลักได้แม่ก็หายไปแล้ว

มันจึงกรีดร้องด้วยความโง่งม แต่แล้วดวงตาคู่น้อยก็เป็นประกายเมื่อหันมาเห็นหลินเว่ยเว่ย มันจึงเอียงหัวพลางมองสำรวจตัวหลินเว่ยเว่ยด้วยความสงสัย มันดูมีอายุแค่หนึ่งเดือนกว่า ๆ ยังตัวเท่าลูกสุนัขเท่านั้น เจ้าตัวน้อยไม่กลัวมนุษย์ ตรงกันข้ามมันยังคลานมาหาหลินเว่ยเว่ยด้วย

หลินเว่ยเว่ยก้มมองเจ้าตัวน้อยที่กลิ้งอยู่บนรองเท้าของนาง จากนั้นนางก็ย่อตัวลงแล้วจับที่ใต้รักแร้ของมันเพื่ออุ้มตัวมันขึ้นมา เจ้าตัวน้อยไม่ดิ้นแต่อย่างใด ดวงตาเหมือนเมล็ดถั่วของมันกะพริบไปมาพร้อมกันนั้นก็ร้องเสียงออดอ้อนใส่นางด้วย

หลินเว่ยเว่ยนำลูกท้อออกมาจากมิติน้ำพุวิญญาณหนึ่งผลแล้วยัดใส่อุ้งเท้าของลูกหมีควาย ส่วนเจ้าตัวน้อยก็อยู่ในอ้อมแขนของหลินเว่ยเว่ยอย่างสบายอารมณ์ มันใช้ฟันน้ำนมกัดกินอย่างออกรส ลูกท้อที่ผ่านการล้างจากน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณแล้วจะมีรสหวานหอมกว่าเดิม มันจึงกินไม่หยุดปากเลยทีเดียว !

“เจ้าตัวน้อยผู้น่าสงสาร แม่เจ้าทิ้งไปแล้วนะ ! กลับบ้านกับข้าดีหรือไม่ ? ” เจ้าตัวน้อยยังเด็กเกินไป หากทิ้งมันไว้ในหุบเขาหรือแม่หมีไม่กลับมาหามัน เจ้าตัวน้อยจะไม่มีทางอยู่รอดได้ด้วยตัวมันเลย นี่คือธรรมชาติของผืนป่า !

แต่นางก็ยังหวังว่าแม่หมีที่ไม่ได้เรื่องจะนึกถึงลูกที่ลืมทิ้งไว้และกลับมาหาลูกหลังจากเอาชนะความกลัวได้แล้ว บาปกรรม บาปกรรม นางสร้างบาดแผลทางจิตใจให้หมีควายตัวนั้นเอง !

จากนั้นหลินเว่ยเว่ยยังเก็บบลูเบอร์รี่ป่าต่อไป ฝั่งนี้อยู่ในส่วนภูเขาลึกจึงทำให้บลูเบอร์รี่สุกค่อนข้างเร็ว บ้างก็สุกจนร่วงหล่นลงกับพื้น น่าเสียดายมาก ! นางจะพยายามเก็บให้ได้มากที่สุด เพราะแม้การทำบลูเบอร์รี่อบแห้งหรือแยมบลูเบอร์รี่จะลำบากมากหน่อย แต่ของพวกนี้ก็ทำเงินให้ไม่น้อย !

ส่วนลูกหมีควายก็นั่งเล่นไม่ไกลจากเท้าของนางอย่างเชื่อฟัง ในบางครั้งยังชูอุ้งเท้าน้อย ๆ ขึ้นมาเพื่อขอของกินจากนาง แม้มันจะดูโง่เขลาแต่ก็รู้จักเลือกกิน บลูเบอร์รี่ที่เด็ดจากต้นสด ๆ จะไม่ยอมกิน จำเป็นต้องผ่านการล้างจากน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณก่อนถึงจะกิน

ขณะที่บลูเบอร์รี่ในแถบนี้ถูกเก็บได้พอสมควรแล้ว หลินเว่ยเว่ยกำลังจะพาลูกหมีลงจากเขาก็มีเสียงการเคลื่อนไหวบางอย่างดังมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก หัวสีดำโผล่ออกมาจากพุ่มไม้อย่างระแวดระวัง เมื่อพบว่าหลินเว่ยเว่ยกำลังมองมันอยู่ มันก็รีบหดหัวลงไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปไม่นาน อุ้งเท้าที่มีขนดกก็ยื่นออกมาจากพุ่มไม้และตรงอุ้งเท้ายังมีรังผึ้งขนาดใหญ่ติดมาด้วย รังผึ้งมีน้ำผึ้งไหลลงมาเรื่อย ๆ ดีเหลือเกิน ! ไม่รู้ว่าเจ้าหมีควายไปปีนเอารังผึ้งมาจากที่ใด หืม ? นี่มัน…คิดจะเอารังผึ้งมาแลกกับลูกเช่นนั้นหรือ ?

หลินเว่ยเว่ยยก ‘ตัวประกัน’ ไปทางหมีควายตัวนั้นแล้วก็ชี้ไปที่รังผึ้งในมือของมันเพื่อส่งสัญญาณว่า…ตกลง ! นางไม่ต้องช่วยแม่หมีเลี้ยงลูก แถมยังได้รังผึ้งขนาดใหญ่มาอีก เหตุใดนางจะไม่ตอบตกลง ?

ดูเหมือนแม่หมีจะเข้าใจความหมายของนางดี ดวงตาเล็กสีดำเปล่งประกายในทันที มันลองก้าวมาข้างหน้าสองสามก้าวเพราะไม่กล้าเข้าใกล้หลินเว่ยเว่ยมากเกินไป มันวางรังผึ้งไว้บนก้อนหินที่กั้นระหว่างทั้งสอง จากนั้นก็รีบถอยออกไปหลายก้าวแล้วจับจ้องมาที่ลูกหมีตัวน้อยในมือของหลินเว่ยเว่ย

หลินเว่ยเว่ยไม่ได้สร้างความลำบากให้มันแต่อย่างใด นางก้าวเท้าไปข้างหน้าหลายก้าวแล้วนำตัวลูกหมีวางไว้บนก้อนหิน หลังหยิบรังผึ้งมาแล้ว นางก็ก้าวถอยหลังออกมาทันที แต่ข้อเท้าของนางกลับโดนลูกหมีจับไว้นอกจากนี้เจ้าตัวน้อยยังยื่นอุ้งเท้าเล็ก ๆ ออกมาเพื่อขอของอร่อยจากนาง

เป็นอันใดไปเล่า ยังอยากอยู่กับข้าอีกหรือ ! แม่ของเจ้ามารับแล้วก็รีบตามแม่ไปเถิด ! หลินเว่ยเว่ยยัดลูกท้อใส่อุ้งเท้าเจ้าตัวน้อยแล้วดึงขาออกมา จากนั้นก็แบกกระบุงที่บรรจุบลูเบอร์รี่ลงจากเขาทันที

อีกด้านหนึ่ง แม่หมีควายก็รีบออกมาคว้าลูกหมีที่กำลังเดินโซซัดโซเซตามหลังหลินเว่ยเว่ย จากนั้นมันก็รีบวิ่งเข้าไปในส่วนลึกของป่าอย่างไม่คิดชีวิต ส่วนลูกหมีก็จับลูกท้อที่หลินเว่ยเว่ยให้ไว้ไม่ยอมปล่อย…

“บรู…” เสียงคำรามหอนที่ลากยาวดังขึ้นจากบริเวณนั้น นี่คือเสียงของเจ้าเทาที่เสียงก้องกังวานและน่าเกรงขาม

หลินเว่ยเว่ยจึงเดินไปทางต้นเสียง ผ่านไปไม่นานนางก็ได้พบกับฝูงหมาป่า

“เจ้าเทา เหตุใดพวกเจ้าต้องล้อมตรงนี้ไว้ ? จับสัตว์ใหญ่ได้หรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยชะโงกหน้าไปมองด้วยความสงสัย

ทันใดนั้นฝูงหมาป่าก็เบี่ยงตัวเป็นทางพอที่จะให้มนุษย์คนนึงผ่านได้ ส่วนหมาป่าสีเทาที่อยู่ตรงกลางฝูงก็หันมามองนางแล้วหันกลับไปมองยังทิศทางเดิมด้วยสายตาหวาดระแวง

หลินเว่ยเว่ยมองตามทิศทางสายตาของมัน แต่นั่นคือสัตว์ป่าที่ไหนกันเล่า นั่นเป็นมนุษย์คนหนึ่ง…ไม่ถูกสิ ถ้ากล่าวให้แน่ชัดก็คือคนที่ใกล้จะหมดลมหายใจแล้วต่างหาก

คนผู้นี้ใส่อาภรณ์สีดำ ในมือกำด้ามกระบี่เล่มยาวเอาไว้ บนคมกระบี่ยังมีรอยเลือดหลงเหลืออยู่ บนร่างกายของเขาก็มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง รู้แล้วว่าเหตุใดจึงดึงดูดฝูงหมาป่ามาที่นี่ได้ โชคดีที่เขามาเจอกับฝูงของเจ้าเทาเพราะพวกมันจะไม่โจมตีมนุษย์ทันที ถ้าเปลี่ยนเป็นสัตว์ชนิดอื่นล่ะก็ ตอนนี้เขาคงเหลือแต่โครงกระดูกแล้ว

บุรุษผู้นี้มีคิ้วเรียวยาวคมเข้ม ใบหน้าซีดขาวไร้เลือดฝาด คราบเลือดตรงมุมปากยังไม่แห้งดีส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลาดูปวดร้าวยิ่งกว่าเดิม แต่ในเวลาเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเหมือนพระเอกในเรื่อง ‘ซานเหอลิ่ง’ ที่นางเคยดูก่อนจะทะลุมิติมาที่นี่

แฮะแฮะ ! เมื่อชาติก่อนนางเป็นชิปเปอร์ตัวยงของนักแสดงนำเรื่องนี้เชียวล่ะ !

เมื่อบุรุษผู้นั้นสังเกตเห็นนางแล้วแววตาประหลาดใจก็เผยออกมาทันที ขณะเดียวกันร่างกายที่หดเกร็งของเขาก็ผ่อนคลายขึ้นด้วย

“เจ้า…” ขณะกำลังจะถามถึงที่มาที่ไปของอีกฝ่าย หลินเว่ยเว่ยก็เห็นชายชุดดำหมดสติไปเสียแล้ว

หลินเว่ยเว่ยจึงเดินเข้าไปแล้วใช้เท้าสะกิดชายชุดดำเบา ๆ เมื่อไม่มีการเคลื่อนไหวใดกลับมา นางจึงย่อตัวลงอย่างระมัดระวังแล้วยื่นมือไปกดที่ร่องใต้จมูกของเขา ทันใดนั้นมือแกร่งข้างหนึ่งก็คว้าข้อมือของนางเอาไว้…ให้ตายเถิด ! จะตายอยู่แล้วยังแกล้งสลบได้อีก !

“ไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้คิดร้าย ! ” หลินเว่ยเว่ยไม่ขัดขืน นางชี้ไปที่กระบุงบนหลัง “ข้าเป็นชาวบ้านที่อยู่แถวเชิงเขาและขึ้นมาเก็บผลไม้ป่า”

ดวงตาของชายผู้นั้นจับจ้องไปที่ฝูงหมาป่าด้านหลังของนาง…เด็กสาวชาวบ้านคนหนึ่งหรือ ? แล้วเรื่องเหล่านี้เจ้าจะอธิบายอย่างไร ?

“ข้าเคยช่วยชีวิตของจ่าฝูงหมาป่าเอาไว้ มันเคยอยู่รักษาบาดแผลกับข้าระยะหนึ่งจึงยอมรับข้าเป็นนาย เช่นนั้นเด็กสาวชาวบ้านตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีแรงแม้แต่มัดขาไก่เช่นข้าจะกล้าขึ้นเขามาคนเดียวได้อย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยโบกมือเรียกจ่าฝูงหมาป่า จากนั้นเจ้าเทาก็เดินเข้ามาหมอบลงที่ด้านข้างของนาง

ตอนต่อไป