ตอนที่ 52 ทำคลอด
เตรียมจัดงานศพหรือ

เฉียวเวยสงสัยว่าตนเองฟังผิด สะใภ้ของป้าหลัวคือชุ่ยอวิ๋น ก่อนช่วงวันตรุษนางก็ยังเจออีกฝ่ายอยู่ ท้องของนางไม่ใหญ่มากนัก สภาพครรภ์ก็ปกติดี เหตุไฉนจึงต้องเตรียมจัดงานศพเล่า

ป้าหลัวดึงตัวนางไว้ไม่ยอมปล่อย “เจ้าลองช่วยนางอีกครั้งเถิด! นางยังมีแรงอยู่! นางคลอดได้!”

ป้าหวังแกะนิ้วมือของป้าหลัวออก “เจ้าจำม่ายซุ่ยเอ๋อร์ของหมู่บ้านพวกเจ้าได้หรือไม่ ลูกสะใภ้ของเจ้าเป็นเช่นเดียวกับนาง!”

ป้าหลัวจำม่ายซุ่ยเอ๋อร์ได้ นางอายุเท่าลูกชายคนโตของนาง แต่งงานเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว หนึ่งปีให้หลังก็ตั้งครรภ์ เพราะครอบครัวสามีของนางมีลูกคนเดียวมาแล้วสามชั่วรุ่น ทุกคนในครอบครัวจึงยินดียิ่งนัก แต่เมื่อถึงวันคลอด ไม่ว่าจะทำอย่างไรม่ายซุ่ยเอ๋อร์ก็คลอดลูกไม่ได้

ป้าหวังพยายาม ‘ช่วยชีวิต’ อย่างเต็มที่ถึงสามวันสามคืน แต่ก็ไม่สามาถเปลี่ยนชะตากรรมหนึ่งศพสองชีวิตได้

ครอบครัวฝั่งมารดาของม่ายซุ่ยเอ๋อร์โทษว่าเป็นความผิดของป้าหวัง ทุบตีนางจนต้องนอนซมติดเตียงสามเดือนกว่าจะได้ลงจากเตียง

หลังจากนั้นป้าหวังไม่กล้ารับทำคลอดอีกเป็นเวลานาน

ยามนี้ชุ่ยอวิ๋นตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับม่ายซุ่ยเอ๋อร์ ป้าหวังย่อมไม่อยากหาเหาใส่หัวอีก “พวกเจ้าไปเชิญท่านหมอในเมืองมาดีกว่า!”

ป้าหลัวอ้อนวอน “ยังไม่ผ่านช่วงขึ้นปีใหม่ ข้าจะไปหาหมอจากที่ใด เจ้าไปดูชุ่ยอวิ๋นหน่อยเถิด! ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ ข้าจะไม่โทษเจ้า!”

“พูดจาน่าฟังนักนะ หากนางเป็นอันใดไปจริงๆ พวกเจ้าก็โทษข้ากันหมด!” ป้าหวังผลักป้าหลัวออกอย่างไม่ไว้หน้า ป้าหลัวยืนไม่มั่นคงจึงเซล้มมาข้างหลัง โชคดีผู้คนที่มุงดูอยู่ช่วยประคองนางไว้

นางทรุดนั่งบนพื้น ร้องไห้ฟูมฟาย

ป้าหวังฉวยโอกาสเดินหนี!

หลัวหย่งเหนียนพุ่งเข้ามาคว้าคอเสื้อของนางอย่างดุร้าย “หากเจ้ากล้าไป ข้าจะหักขาของเจ้า!”

ก่อนหน้านี้หลัวหย่งเนียนเคยเป็นอันธพาลในหมู่บ้าน ทุกคนค่อนข้างกลัวเขาอยู่แล้ว ยามนี้เขาท่าทางเหมือนจะฆ่าคน ยิ่งทำให้ป้าหวังกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ “เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าไม่มีเหตุผลหรือไร ข้าทำคลอดไม่ได้ยังจะมาบีบบังคับให้ข้าทำอีก มิใช่ว่าข้าตั้งใจไม่เหลียวแลนาง แต่ข้าจนปัญญาจริงๆ!”

หลัวหย่งเหนียนรู้ว่านางไม่ได้โกหก นางไม่สามารถช่วยอะไรได้จริงๆ แต่เขาทำใจไม่ได้ พี่ชายคนโตกับพี่สะใภ้ของเขารักกันมากเช่นนี้ พวกเขารอมาห้าปีกว่าจะมีลูกคนนี้ จะให้เขาเฝ้ามองพวกเขาตายโดยไม่ทำอันใดได้เช่นไร

“หย่งเหนียน” เฉียวเวยจูงเด็กๆ ลงมาจากรถม้า

เด็กๆ เพิ่งตื่นจึงยังสะลึมสะลือ พวกเขายืนพิงตัวนางพลางอ้าปากหาวหวอด

การปรากฏตัวของสามแม่ลูกทำให้ผู้คนที่ล้อมมุงอยู่แยกย้าย ทุกคนต่างมองนางอย่างหวาดกลัว กลัวว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับนางแม้เพียงเล็กน้อย

หลัวหย่งเหนียนปล่อยป้าหวังแล้วเดินมาหานาง เอ่ยเรียกอย่างเศร้าสร้อย “ท่านพี่”

เฉียวเวยยกมือขึ้นหยิบเศษใบไม้บนบ่าของเขาออก “พาข้าไปหาชุ่ยอวิ๋น”

หลัวหย่งเนียนคิดว่าเฉียวเวยจะไปพบหน้าชุ่ยอวิ๋นเป็นหนสุดท้าย เขาสะอื้นพลางพยักหน้า “ตามข้ามา”

หลัวหย่งเนียนพาเฉียวเวยกลับมาที่บ้านของตน

แม้ชุ่ยอวิ๋นกับหลัวหย่งจื้อจะปลูกเรือนหลังใหม่อยู่ในหมู่บ้าน แต่วันเทศกาลต่างๆ พวกเขาก็ยังกลับมาบ้านสกุลหลัว ตอนชุ่ยอวิ๋นเจ็บท้องคลอด นางก็อยู่ที่บ้านสกุลหลัว

ลุงหลัวและหลัวหย่งจื้อต่างกำลังลองไปเสี่ยงโชคที่หมู่บ้านอื่น ชุ่ยอวิ๋นนอนอ่อนระโหยโรยแรงอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ท่าทางเจ็บปวดเหลือประมาณ

ตอนเห็นเฉียวเวยเดินเข้ามา นางไม่มีแรงแม้แต่จะเอ่ยปากพูด เพียงหลั่งน้ำตาอย่างสิ้นหวัง

เฉียวเวยหยิบผ้าด้านข้างขึ้นมาซับเหงื่อบนใบหน้านาง แล้วปลอบเบาๆ “อย่าเพิ่งท้อ ข้าจะตรวจให้ท่านเอง”

ชุ่ยอวิ๋นมองเฉียวเวยอย่างมึนงง

เฉียวเวยหันไปเลิกผ้าห่มของชุ่ยอวิ๋น น้าหลิวก้าวพรวดเข้ามา “เจ้าจะทำอะไร”

“ทำคลอด”

น้าหลิวหัวเราะเยาะ “ทำคลอด? เจ้าทำคลอดเป็นด้วยหรือ ไม่บอกว่าเจ้ารักษาโรคได้ด้วยเลยเล่า! เจ้าเป็นเทพเซียนหรือไร!”

“นางรักษาคนได้จริงๆ! ข้าเห็นกับตา! ครั้งก่อนมีคนเกือบตายแต่นางช่วยชีวิตกลับมาได้!” ทันใดนั้นเสียงของตาเฒ่าซวนจื่อก็ดังมาจากนอกบ้าน “หลิวชุ่ยฮวา เจ้าปล่อยนางตรวจอาการชุ่ยอวิ๋น! เจ้าออกมาเสีย! อย่าอยู่ก่อกวน!”

ดวงตาหม่นหมองของชุ่ยอวิ๋นพลันมีประกายกลับคืนมา “เจ้า…เจ้าทำคลอดได้จริงหรือ”

เฉียวเวยพยักหน้า

ยามคนจมน้ำ สัญชาตญาณจะสั่งให้พวกเขาคว้าแม้กระทั่งเส้นฟาง เช่นเดียวกับที่ชุ่ยอวิ๋นคว้าเฉียวเวยเอาไว้ “น้าหลิว ท่านออกไปก่อน ให้เสี่ยวเวยตรวจข้า”

น้าหลิวถลึงตาใส่นาง “เจ้านี่นะ! หลงเชื่อคำพูดไร้สาระของนางได้เช่นไร ระวังเถิดจะตายด้วยน้ำมือนาง!”

นางกล่าวจบก็กลอกตาใส่เฉียวเวย แล้วเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ

เฉียวเวยคลำท้องของชุ่ยอวิ๋น ดวงตาทอประกายวูบหนึ่ง ท่าก้นจริงๆด้วย!

ท่าก้นเป็นท่าผิดปกติของทารกในครรภ์ที่พบมากที่สุด มักเกิดขึ้นก่อนสัปดาห์ที่สามสิบของการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่ทารกจะค่อยๆ เปลี่ยนตำแหน่งศีรษะเองได้ แต่บางส่วนก็เปลี่ยนตำแหน่งเองไม่ได้ ซึ่งชุ่ยอวิ๋นอยู่ในกลุ่มหลัง

ทารกในครรภ์ของชุ่ยอวิ๋นยังเอาเท้าออกมาก่อน นั่นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ไม่น่าแปลกใจที่ป้าหวังจะกลัวจนหนีไป

สมัยโบราณไม่มีการผ่าคลอดและมีข้อจำกัดในการทำให้สภาพแวดล้อมปลอดเชื้อ การคลอดทารกท่าก้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

“เตรียมต้มน้ำ ก้อนสบู่ ผ้าฝ้ายสะอาด กรรไกร สุรา น้ำแกงไก่ น้ำต้มน้ำตาลทรายแดง หมั่นโถว…ยิ่งเร็วยิ่งดี”

น้ำแกงไก่กับน้ำต้มน้ำตาลทรายแดงเอาไว้บำรุงกำลังของชุ่ยอวิ๋น ส่วนหมั่นโถวเอาไว้ให้ตัวนางกิน เพราะนางตัดใจกินขนมที่หมิงซิวให้ไม่ลง ตอนนี้ท้องจึงยังหิวอยู่

ป้าหลัวรีบนำข้าวของเข้ามา

เฉียวเวยกับชุ่ยอวิ๋นต่างกินกันคนละหน่อย

ขั้นตอนที่สำคัญมากในการคลอดท่าก้นคือการดันก้นทารก นั่นก็คือการดันตัวทารกไว้เพื่อรอให้ปากมดลูกเปิดเต็มที่ก่อน ค่อยคลอดตามธรรมชาติ

การทำเช่นนี้ใช่ว่าจะปราศจากความเสี่ยงอย่างสิ้นเชิง ถ้าศีรษะใหญ่จนติดหรือสายสะดือหย่อน ทารกก็อาจขาดอากาศได้ง่าย

โชคดีที่สภาพของชุ่ยอวิ๋นดีมากและเจ้าตัวเล็กก็ให้ความร่วมมือดี จึงไม่มีภาวะวิกฤตใดๆ

ครึ่งชั่วยามต่อมาก็มีเสียงร้องไห้อุแว้ๆ ดังมาจากในบ้าน ดั่งเสียงแตรแห่งอรุณรุ่ง เรียกขวัญกำลังใจของทุกคนให้ฟื้นกลับมา!

“แม่ลูกปลอดภัย” เฉียวเวยตะโกนออกมาข้างนอก

ป้าหลัวเข้าไปในห้องคนแรก นางมองชุ่ยอวิ๋นผู้กำลังร่ำไห้ด้วยความปิติ จากนั้นมองหลานชายตัวน้อยที่เฉียวเวยอุ้มอยู่ในอ้อมแขน นางตื้นตันใจจนพูดไม่ออก

ป้าหวังพิพากษาความตายให้ลูกสะใภ้กับหลานชายของนาง แต่ตอนนี้ พวกเขายังมีชีวิตอยู่! มีชีวิตทั้งสองคน!

เฉียวเวยเหลือบมองนาง แล้ววางทารกที่ทำความสะอาดเรียบร้อยในอ้อมแขนของชุ่ยอวิ๋น จากนั้นหันหลังเดินออกมาจากบ้าน

ป้าหลัวไล่ตามมา นางเอ่ยเรียกเสียงสั่นเครือ “เสี่ยวเวย!”

มือของเฉียวเวยที่จูงลูกน้อยอยู่ชะงัก จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูมองป้าหลัวอย่างงุนงง

ป้าหลัวอยากจะตบตัวเองสักฉาดสองฉาดจริงๆ นางคงกินมันหมูจนสมองเลอะเลือนแล้วถึงทำเช่นนั้นกับเฉียวเวย นางยอมรับเป็นแม่บุญธรรมแล้ว เฉียวเวยย่อมเป็นลูกของนาง แต่เพราะความหวาดกลัวชั่วขณะ นางกลับตีตัวออกห่างเฉียวเวย

นางมันไม่ใช่มนุษย์!

สวรรค์คงมิอาจทนมองได้ บาปกรรมจึงมาตกกับชุ่ยอวิ๋น

หากมิใช่เฉียวเวยยอมช่วยชุ่ยอวิ๋นโดยไม่ถือสาความขุ่นเคืองก่อนหน้า นางคงไม่มีวันได้เห็นชุ่ยอวิ๋น ไม่มีวันได้เห็นหลานชายของนางอีก!

“เสี่ยวเวย…ข้า…ข้าช่างเลอะเลือน!” หยดน้ำตาของนางไหลพร่างพรู

วั่งซูถามอย่างงุนงง “ท่านยาย ท่านร้องไห้ทำไมเล่า ท่านไม่ชอบน้องชายหรือเจ้าคะ”

ป้าหลัวยกแขนเสื้อปาดน้ำตา แล้วนั่งลงมา “ยายทำผิดต่อพวกเจ้า ไม่มีหน้าจะพบพวกเจ้าแล้ว…”

วั่งซูไม่เข้าใจ นางหันมามองมารดาตาแป๋ว

เฉียวเวยไม่ขยับ

แต่จิ่งอวิ๋นเข้าใจ ท่านยายก็เหมือนพวกคนเลวในหมู่บ้านพวกนั้น หลบหน้าท่านแม่เหมือนกัน

เขาขุ่นเคืองท่านยายอยู่บ้าง แต่…เขาก็คิดถึงท่านยายอยู่เล็กน้อย

ท่านยายอาบน้ำให้เขากับน้องสาว ท่านยายทานอาหารกับพวกเขา ท่านยายคอยดูแลท่านแม่ตอนเขาไม่อยู่

เขาชอบท่านยายผู้เป็นเช่นนั้น

“ต่อไปท่านยังจะหลบหน้าพวกเราหรือไม่” เขาถามเสียงใส หากยังหลบหน้าอยู่ เขาจะไม่ยกโทษให้นาง ต่อให้ชอบมากอีกเท่าใดก็จะไม่ยกโทษให้

ป้าหลัวส่ายศีรษะ น้ำตาคลอเบ้า “ท่านยายไม่ทำแล้ว ไม่มีวันทำอีกแล้ว!”