ตอนที่ 273 พี่ฮวา (2) ตอนที่ 274 พี่ฮวา (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 273 พี่ฮวา (2)

เฉียวฉู่กระแอมอย่างกระอักกระอ่วน “พี่ฮวา ท่านก็ไม่เชื่อใจข้ามากเกินไปแล้ว ข้าบังเอิญพบกับจวินเสียตอนที่เข้ามาสมัครเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นพอดี และมีโอกาสได้เข้ามายังยอดเขาเร้นเมฆาพร้อมๆ กัน ดึกดื่นเช่นนี้ ท่านก็น่าจะรู้นี่ว่าสถานที่แห่งนี้นั้นมันอันตรายมากขนาดไหน ทิ้งให้เขาอยู่ในยอดเขาเร้นเมฆาเพียงลำพัง นั่นไม่ยิ่งอันตรายกว่าหรือ”

คิ้วของชายหนุ่มรูปงามขมวดเล็กน้อย เขาหันมามองจวินอู๋เสียแล้วพูดว่า “ข้าชื่อฮวาเหยา ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเจ้าโง่เฉียวเล่าเรื่องของเจ้าให้ฟังมาบ้าง คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสได้มาพบเจ้าที่นี่ น่าเสียดายที่เวลาและสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ไม่อย่างนั้นข้าคงจะไม่พูดกับเจ้าแบบนี้”

น้ำเสียงของฮวาเหยานั้นไพเราะมาก ไม่ช้าและไม่เร็วจนเกินไป ทั้งยังนุ่มนวลชวนให้ใจสั่น ใบหน้าที่งดงามของเขา แม้ว่าจะมีเสน่ห์และทำให้ผู้คนหลงใหลได้ง่าย แต่ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยความเฉยเมยและเย็นชา

“ถ้าหากว่าเจ้าเป็นเหมือนกับที่เจ้าโง่เฉียวพูดมาก่อนหน้านี้ คิดว่าจุดประสงค์ของเจ้าในการมาเยือนสำนักชิงอวิ๋นคงไม่ได้ง่ายดายอย่างเช่นเพียงแค่ต้องการมาศึกษาวิชาการแพทย์จากสถานที่แห่งนี้เท่านั้นกระมัง ยอดเขาเร้นเมฆาไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัย แม้จะไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของเจ้านั้นคืออะไร แต่อยากให้เจ้าจำไว้อย่างหนึ่ง จงอยู่ให้ห่างจากเคอฉังจวีให้มากที่สุด ยิ่งไกลยิ่งดี และอย่าได้ไปสนใจคำขอร้องของศิษย์พี่ศิษย์น้องคนไหน อย่ากินเม็ดยาที่ไม่รู้จัก…ยิ่งถ้าเป็นไปได้ แม้แต่น้ำหรืออาหารจากพวกเขาก็อย่าได้ดื่มกิน” ฮวาเหยาขมวดคิ้วแน่นขึ้น

เมื่อตอนที่เฉียวฉู่เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มที่ได้พบเจอในเมืองผีให้ฟัง พวกเขาก็คาดหวังและอยากจะเจอหน้าเด็กหนุ่มคนนี้สักครั้ง อยากจะรู้ว่าเขาพอจะสามารถหลอมเม็ดยาที่พวกเขาต้องการออกมาให้ได้หรือไม่

วันนี้เมื่อได้เจอคนแล้ว แต่สถานการณ์กลับไม่เอื้ออำนวยเสียเหลือเกิน นี่ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่พวกเขาจะมานั่งพูดคุยกัน

เวลานี้พวกเขายังมีภารกิจสำคัญอื่นที่ต้องทำในสำนักชิงอวิ๋นแห่งนี้ พวกเขาไม่สามารถพาจวินอู๋เสียไปด้วยได้ ก่อนหน้าที่งานของพวกเขาจะจบลง พวกเขาจึงทําได้เพียงช่วยลดความเสี่ยงให้กับจวินอู๋เสีย ทำให้นางพบเจอกับอันตรายน้อยที่สุดเท่านั้น

“คนที่อยู่ข้างนอกพวกนั้น ล้วนเป็นศิษย์ที่เคอฉังจวีลอบนำเข้ามาในยอดเขาเร้นเมฆาอย่างลับๆ พวกเขาไม่ได้รับการบันทึกชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะตายไปแล้วก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับยอดเขาเร้นเมฆาแห่งนี้ พวกเขาทั้งหมดจะถูกนำมาเป็นตัวทดลองให้กับเคอฉังจวี และตายอยู่ในห้องใต้ดินแห่งนี้ในท้ายที่สุด หากว่าข้าจำไม่ผิด ในคืนแรกที่พวกเจ้าเข้ามายังยอดเขาเร้นเมฆา พวกเขาก็จะเริ่มทรมานพวกเจ้า” ฮวาเหยากล่าว

“ถูกต้องเลยพี่ฮวา! ไอ้เจ้าอัปลักษณ์นั่นมันให้ทุกคนอดน้ำอดอาหารแล้วไปแบกน้ำไกลกว่าห้าลี้เพื่อมาเติมให้เต็มโอ่ง!” เฉียวฉู่พยักหน้าหน้าซ้ำๆ เห็นได้ชัดว่าการเตรียมการมาอย่างดีของเขาก่อนหน้านี้ล้วนเป็นข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยมาจากฮวาหยาทั้งหมด

ริมฝีปากบางของฮวาเหยายกขึ้นนิดๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มเย็น

“การออกกำลังกายอย่างหนักภายใต้ความหิวโหย จะทำให้ร่างกายของมนุษย์สูญเสียพละกำลังไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานก็จะเริ่มมีหลายคนที่ล้มป่วย เคอฉังจวีจะอาศัยจังหวะนี้ ค่อยๆ ฆ่าไปทีละคน เขาจะไม่ฆ่าทุกคนในคราวเดียว แต่จะอาศัยวิธีการที่ไม่โดดเด่นสะดุดตาค่อยๆ กำจัดทุกคนไปทีละนิด ยอดเขาเร้นเมฆาแห่งนี้ เอาเข้าจริงก็เป็นเพียงโรงเชือดเท่านั้น รอจนกระทั่งเขาใช้งานเหล่าลูกแกะจนหนำใจและหมดประโยชน์แล้วถึงค่อยๆ ฆ่า ส่วนข้ออ้างที่เขาจะนำคนเหล่านั้นออกมาจากกลุ่มคนก็คือ ต้องการพาตัวพวกเขาไปรักษาอย่างนั้นสินะ” จวินอู๋เสียงหรี่ตาลง นางยกมือขึ้นจับคางและพูดสิ่งที่นางวิเคราะห์ออกมาเป็นชุด

เพื่อไม่ให้เหล่าลูกแกะตื่นตระหนกและสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล เคอฉังจวีจะทรมานพวกเขาจนหมดแรงไปจริงๆ หรือไม่ก็ถึงกับได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการที่ผู้อาวุโสคนหนึ่งนำตัวศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บไปรักษาก็เป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก

ส่วนชะตากรรมของคนที่ถูกพาตัวไปนั้นจะเป็นอย่างไร จะมีชีวิตอยู่หรือว่าตาย นี่แทบไม่มีใครให้ความสนใจ

กลุ่มคนหนุ่มสาวที่ถูกเลือกให้เข้ามายังยอดเขาเร้นเมฆาอย่างลับๆ จะค่อยๆ เสียชีวิตไปทีละคนสองคน จนกระทั่งพวกเขาเริ่มตระหนักได้ถึงความผิดปกติ มันก็สายเกินไปแล้ว

ตอนที่ 274 พี่ฮวา (3)

ฮวาเหยามองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้คาดหวังว่านางจะสามารถวิเคราะห์แผนการของเคอฉังจวีออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งทั้งที่เพิ่งฟังรายละเอียดไปเพียงน้อยนิดเท่านั้น นางเพิ่งอายุเท่าไหร่กันเชียว ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ

“เจ้าคาดเดาได้แม่นยำมาก ถูกต้องแล้ว เคอฉังจวีวางแผนแบบนี้จริงๆ เขาจะพาคนสองสามคนมาที่นี่ทุกๆ สองหรือสามวัน และภายในหนึ่งเดือน เด็กทั้งหมดที่เขาแอบรับเข้ามาในรอบนั้นก็จะถูกกำจัดออกไปทั้งหมดไม่เหลือแม้แต่คนเดียว เฉพาะศิษย์ที่สวมชุดเครื่องแบบของยอดเขาเร้นเมฆาเท่านั้นถึงจะปลอดภัยในสถานที่แห่งนี้จริงๆ กลุ่มคนพวกนั้น ก็เหมือนกับเคอฉังจวีที่รู้เรื่องทุกอย่างในยอดเขาเร้นเมฆาเป็นอย่างดี พวกเขาจะคอยเก็บกวาด ทำงานจิปาถะ และเป็นลูกมือคอยช่วยเหลือเคอฉังจวีในการฆ่าคน” ฮวาเหยากล่าว

“เจ้าเข้ามาที่นี่เมื่อเดือนที่แล้วหรือ” จวินอู๋ซีมองฮวาเหยา อาการบาดเจ็บบนตัวของเขารุนแรงมาก แต่เมื่อเทียบกับสภาพของคนอื่นๆ ในห้องใต้ดินกลับดีกว่ามากโข อย่างน้อยสติของเขาก็ยังแจ่มชัดอยู่

ฮวาเหยาพยักหน้า “ข้าคือคนสุดท้ายในรอบก่อนที่ถูกพามายังห้องใต้ดินแห่งนี้ ก่อนที่จะถูกพามาที่นี่ ข้าจึงได้ลอบให้ภูติวิญญาณของข้านำข้อมูลเหล่านี้ไปส่งให้กับเจ้าโง่เฉียว”

จวินอู๋เสียสังเกตบาดแผลตามร่างกายของฮวาเหยา เลือดจากบาดแผลของเขามันแข็งตัวไปแล้ว ดูน่าอนาถเป็นอย่างมาก แต่จิตใจของเขากลับแจ่มชัดดีมาก หากไม่ใช่เพราะภาพที่เขาถูกจับแขวนอยู่กลางอากาศยังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำของจวินอู๋เสีย คงจะไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอนว่าเขาเคยถูกทรมานเช่นนั้นมาก่อน

คนธรรมดาคนหนึ่ง ถูกจับตรึงตอกติดไว้กับผนัง แถมยังถูกตะปูตอกไปทั้งร่าง ยังมีบาดแผลตามตัวจากการทรมานเหล่านั้นอีก ต่อให้ไม่ตายก็น่าจะเหลือชีวิตอีกเพียงแค่ครึ่งเดียวแล้ว แต่สภาพร่างกายของฮวาเหยากลับยังดีอยู่

คล้ายกับจะตระหนักได้ถึงสายตาของจวินอู๋เสียที่มองมา เฉียวฉู่จึงยื่นมือออกไปวางมือบนไหล่ของฮวาเหยาแล้วพูดว่า “อย่าได้มองว่าภายนอกพี่ฮวาดูอเนจอนาถมากเชียว อันที่จริงบาดแผลเหล่านี้สำหรับเขาแล้วไม่นับว่าเป็นอะไรทั้งสิ้น”

จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาจากภาพปลดโซ่เมื่อสักครู่ที่ยังติดอยู่ในหัว บางทีบุรุษรูปงามผู้นี้อาจจะมีบางอย่างที่พิเศษและแตกต่างจากคนทั่วไป

“ข้าสามารถควบคุมกระดูกของตัวเองได้” ราวกับต้องการไขความสงสัยให้กับจวินอู๋เสีย ฮวาเหยาจึงยกมือขึ้น นิ้วที่สวยงามของเขาพริบตาก็ค่อยๆ อ่อนยวบลงด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กระดูกใต้ผิวหนังของเขาดูเหมือนจะหายไป และไม่ถึงครึ่งอึดใจ มือทั้งมือของเขาก็งอพับลง

ดวงตาของจวินอู๋เสียเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจเล็กน้อย ในชีวิตก่อนหน้านี้ของนาง นางเคยได้เห็นนักกายกรรมเล่นบิดกระดูกอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ใจแบบนี้ นางคิดว่าการควบคุมกระดูกของฮวาเหยาไม่ได้ธรรมดาและเรียบง่ายอย่างที่เห็นแน่ นี่มันแทบจะทำให้ร่างกาขยายหรือหายไปได้อย่างสมบูรณ์เลย

“เป้าหมายของพวกเจ้าคืออะไร”จวินอู๋เสียระงับความประหลาดใจของนาง เมื่อพิจารณาจากการกระทำของเฉียวฉู่และฮวาเหยา พวกเขาไม่ใช่พันธมิตรของสำนักชิงอวิ๋นอย่างแน่นอน

ตราบเท่าที่ไม่ใช่มิตรของศัตรู ก็ไม่มีอะไรที่นางใช้งานไม่ได้

“พวกเรามาที่นี่เพื่อเอาของอย่างหนึ่ง แล้วเจ้าละ” มือของฮวาเหยากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง เขาไม่ได้ซ่อนจุดประสงค์ของเขา ก็เหมือนกับจวินอู๋เสียที่ไม่ได้มาดีต่อสำนักชิงอวิ๋น เรื่องนี้เขาชัดเจนเป็นอย่างดี

แต่ละคนล้วนมีจุดประสงค์ของตัวเอง แต่ถ้าหากพวกเขาสามารถเป็นพันธมิตรร่วมมือกันได้ มันก็จะช่วยให้งานราบรื่นขึ้นมากโข นอกจากนี้พวกเขายังมีเรื่องต้องการรบกวนจวินอู๋เสียด้วย คนฉลาดย่อมรู้ดีว่าเมื่อใดควรจะแสดงความจริงใจออกไป

ซึ่งไม่ว่าจะเป็นจวินอู๋เสีย ฮวาเหยา หรือว่าเฉียวฉู่พวกเขาล้วนเป็นคนฉลาด

“ข้ามาที่นี่เพื่อทำลายสำนักชิงอวิ๋นทิ้ง!” จวินอู๋เสียพูดออกมาเบาๆ ทว่าคำพูดนั้นของนางก็ทำให้คนฟังตาค้าง ตกตะลึงกันไปหมดแล้ว

ดวงตาของเฉียวฉู่เบิกกว้าง มองไปที่จวินอู๋เสียอย่างไม่เชื่อสายตา แม้แต่ใบหน้าของฮวาเหยาเองก็ยังเผยความตกตะลึงออกมาอย่างปิดไม่มิด

“น้องเสีย… คงกำลังล้อเล่นอยู่สินะ” เฉียวฉู่กลืนน้ำลาย ไม่คาดคิดเลยว่าจุดประสงค์ของจวินอู๋เสียจะบ้าคลั่งขนาดนี้…

ทำลายสำนักชิงอวิ๋นทิ้งหรือ นางช่างกล้าจริงๆ!

“ข้าว่าจุดประสงค์ของพวกเราก็ไม่ได้ขัดแย้งกัน จะร่วมมือ หรือว่าแยกกันไปคนละทาง” จวินอู๋เสียไม่สนใจที่จะอธิบายมากไปกว่านี้ จากความเข้าใจของฮวาเหยาที่มีต่อยอดเขาเร้นเมฆา หากเขาตกลง มันก็คงทำประโยชน์ให้นางได้เป็นอย่างดี และคงช่วยย่นระยะเวลาที่นางจะมาเสียที่นี่อย่างเปล่าประโยชน์ลงไปได้มาก แต่ถ้าหากไม่ นางก็จะไม่บังคับ