บทที่ 170 อาจเป็นได้ 5 (1)

คาร์ลกำหมัดของตนแน่นขึ้น

พรึ่บ!!พรึ่บ!!พรึ่บ!!ซู่!

เขารู้สึกถึงกระแสไฟไหลผ่านจากฝ่ามือของเขา

“มนุษย์!..ทำไมเจ้าถึงเรียกใช้สายฟ้านั่นด้วย!? ข้าจะเป็นคนทำลายทุกอย่างเองเพียงแค่เจ้าบอกข้ามา!”

“ข้าไม่ได้เรียกใช้มัน!”

คาร์ลผลักร่างของราอนให้พ้นทางก่อนจะเริ่มออกเดินอีกครั้ง เขาสัมผัสได้ถึงพื้นน้ำแข็งที่ค่อนข้างลื่นใต้ฝ่าเท้าของเขา ในเวลาเดียวกันสายลมอุ่นๆที่ส่องตามแสงสีฟ้าไปยังตราของอูฮาเบ็นก็ปัดผ่านใบหน้าของเขาไป

“เกิดอะไรขึ้นขอรับ!?”

คาร์ลโบกมือปฏิเสธให้กับเชวฮันที่ถลาเข้ามาหาตนอย่างร้อนใจ

“ไม่มีอะไร”

“อ่า…ขอรับ”

เชวฮันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามหลังคาร์ลไปตามปกติ

“พวกเราต้องเดินไปอีกไกลหรือไม่?”

คาร์ลตอบกลับคำถามของพาสตันซึ่งเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

“เท่าที่ข้าทราบมา..เราต้องเดินไปอีกเล็กน้อย”

อูฮาเบ็นบอกกับคาร์ลว่าทางเข้านั้นอยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบ โรสลินกวาดสายตาไปมองรอบๆเส้นทางเดินอย่างใคร่รู้ เธอเห็นพายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำนอกเส้นทางเดินโปร่งแสง แน่นอนว่าฮงกำลังตั้งหน้าตั้งตากินหิมะนอกเส้นทางเดินนี้

“นายน้อยคาร์ล..ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก! ไม่น่าเชื่อว่าเส้นทางเดินที่แสนปลอดภัยนี้จะปรากฏขึ้นมาทันทีที่ใช้ตราของท่านอูฮาเบ็น..ข้าเดาว่าต้นไม้โลกคงได้รับสัญญาญาณนี้แล้ว!”

โรสลินเอ่ยโดยไม่มองหน้าคาร์ลเพราะเธอยังคงกวาดสายตาไปมองรอบๆอย่างตื่นเต้น

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก..แต่ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่ท่านว่า”

คำตอบรับนั้นทำให้เชวฮันสะดุ้งเล็กน้อย อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้คิดสนใจกับเรื่องอื่นเพราะในสมองของเขามีเพียงสิ่งที่อูฮาเบ็นบอกไว้เท่านั้น

‘ตรานี้จะทำให้ต้นไม้โลกรู้ว่าเจ้าคือคนที่ข้าส่งไป..ดังนั้นมันจะสร้างเส้นทางที่เหมาะสมขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าได้รับพิษ’

อูฮาเบ็นบอกว่ามันคือเส้นทางที่เหมาะสมแต่เส้นทางนี้กลับดูดีกว่านั้นมากนัก มันดูดีเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้

‘ฉันรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้’

คาร์ลรู้สึกไม่ดีแต่เขาก็ไม่ได้หวาดกลัวเช่นกัน เหตุผลก็คงมาจากสิ่งที่พลังศิลาเอ่ยขึ้นเพราะสถานการณ์ต่างๆในตอนนี้ยังคงเป็นปกติดี

การที่พลังศิลาเอ่ยถามเขาว่าคิดที่จะทำลายมันหรือไม่? มันเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเกิดความกังวลได้มากทีเดียว

คาร์ลก้มมองฝ่ามือของตนเอง

อัคนีทำลายล้างยังคงประทุอยู่บนฝ่ามือของคาร์ลและเขาไม่สามารถหยุดมันไว้ได้

‘นี่เขาพยายามจะเผาต้นไม้โลกจริงๆงั้นรึ?’

คาร์ลนึกถึงเจ้าของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณจอมโลภมากผู้นั้น นอกจากนี้เขายังคิดเกี่ยวกับต้นไม้โลกที่พยายามสร้างเส้นทางเดินที่แสนปลอดภัยให้กับพวกเขาโดยไม่คิดเห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย

‘บางที..มันอาจจะ–!’

คาร์ลเริ่มยิ้มหยันทันที

ขณะนั้นเองอาร์ชีซึ่งลอบสังเกตคาร์ลเงียบๆก็เริ่มพูดขึ้น

“นายน้อยคาร์ล..ท่านเคยพบเอลฟ์มาก่อนหรือไม่?”

“อืม..ข้าเคยพบมาก่อน”

“ถ้าเช่นนั้นท่านคงรู้สินะว่าพวกเขาเป็นเช่นไร?”

อารมณ์ของอาร์ชีเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ทำไมล่ะ?”

“พวกเอลฟ์ทะเลสาบนิสัยแย่กว่าเอลฟ์ตนอื่นๆที่ท่านเคยพบมาก่อน!”

‘แย่กว่า?’

คาร์ลจำสิ่งที่ชิกเลอร์พูดถึงเอลฟ์ทะเลสาบได้ ‘หยาบคายและหยิ่งผยอง’นั่นคือคำจำกัดความที่ชิกเลอร์บอกเอาไว้ อาร์ชียังคงพูดต่อไปเมื่อเห็นว่าตนดึงความสนใจของคาร์ลไว้ได้

“เราเคยพบพวกเขาประมาณ 2-3 ครั้งเพราะหมู่บ้านของพวกเขาอยู่ใกล้กับเผ่าวาฬมากที่สุดและเรามีสิ่งที่ต้องการแลกเปลี่ยนให้แก่กัน”

“แล้ว?”

อาร์ชีถอนหายใจยาว

“พวกเขาคิดว่าตัวเองเป็นผู้ถูกเลือก”

คาร์ลจึงโพล่งสิ่งที่ตนเองคิดออกไปทันที

“พวกเขาคิดว่าตัวเองถูกเลือกจากต้นไม้โลกงั้นรึ?”

“ประมาณนั้น!”

อาร์ชีกล่าวรับเสียงแข็งและพูดต่อทันที

“พวกเอลฟ์กลุ่มนี้หยิ่งผยองยิ่งนัก! เพราะคิดว่าตัวเองเป็นเอลฟ์เพียงกลุ่มเดียวที่ได้เห็นต้นไม้โลกและมังกรอยู่บ่อยครั้ง”

ในขณะนั้นพาสตันก็เริ่มแสดงความเห็นของตนออกมาเช่นกัน

“เอ่อ..พวกเขามีนิสัยไม่เห็นหัวใครและชอบดูถูกเผ่าพันธุ์อื่น พวกเขาน่าจะแย่ที่สุดแล้วหากเทียบกับหมู่บ้านเอลฟ์แห่งอื่น..แม้ว่าเราจะทำตามคำสั่งของท่านมังกรแต่..เอ่อ..”

พาสตันไม่สามารถจบประโยคของตนได้

“แต่?”

อาร์ชีจึงหันไปตอบแทนเมื่อได้ยินคาร์ลกระตุ้นถาม

“แต่พวกเขาจะไม่เห็นหัวท่านเพราะท่านเป็นมนุษย์!..แม้แต่พวกเรายังโดนดูถูกว่าเป็นวาฬโง่เง่าซึ่งมีดีเพียงร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น!”

อาร์ชีดูเหมือนจะโกรธมาก เขาเคยคิดจะเอาหางฟาดเอลฟ์พวกนี้ให้ตายไปแล้วด้วยซ้ำหากราชาชิกเลอร์ไม่ห้ามเขาไว้เพราะเกรงใจต้นไม้โลก

ในทางกลับกันพาสตันกลับแสดงออกอย่างนิ่งขรึม

‘..ท่านอาร์ชีก็แย่พอๆกัน’

พาสตันเห็นว่าอาร์ชีมักจะตอบสนองต่อความหยาบคายด้วยการกระทำที่หยาบคายและรุนแรงยิ่งกว่า

คาร์ลเริ่มตั้งคำถามให้กับวาฬทั้งสองตน

“พวกท่านไม่รู้หรือว่าเอลฟ์รู้สึกอย่างไรกับมังกร?”

“พวกเรารู้..พวกเอลฟ์เคารพมังกรยิ่งนัก”

“แล้วพวกท่านเคยเห็นพวกเอลฟ์เจอกับมังกรหรือไม่?”

“ไม่เคย”

อาร์ชีตอบก่อนจะหันไปมองราอน จากนั้นเขาก็พูดต่ออย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

“ข้าคิดว่าพวกเขาอาจลดคอแข็งๆที่เชิดขึ้นลงบ้างเล็กน้อย..เพราะท่านราอนอยู่กับเราที่นี่”

“พวกท่านคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ?”

“อะไรนะ?”

คาร์ลจ้องไปที่วาฬสองตนด้วยแววตาเหี้ยมเกรียมส่งผลให้พวกเขาสะดุ้งจนสุดแรง

แม้ว่านี่จะเป็นมังกรอายุเพียงหกขวบแต่พวกเอลฟ์จะทำกิริยาหยาบคายใส่พวกเขาจริงๆนะเหรอ? และพวกเขายังเป็นผู้ส่งสารจากมังกรวัยชราอีกด้วย?

อย่างไรก็ตามวาฬทั้งสองตนยังคงมั่นใจว่าพวกเอลฟ์จะทำกริยาเช่นนั้นอยู่ดี คาร์ลจึงตอบกลับด้วยเสียงจริงจัง

“พวกเขาจะร้องไห้”

“หืม?..ท่านว่าใครจะร้องไห้?”

คาร์ลตอบคำถามที่เต็มไปด้วยความสับสนของอาร์ชี

“พวกเอลฟ์”

“..อะไรนะ?”

“พวกเขาจะรู้สึกซาบซึ้งและเริ่มร้องไห้เมื่อเห็นราอน”

‘ถึงอย่างไรพวกเอลฟ์ก็เคารพมังกรยิ่งชีพ..ฉันคิดว่าพวกเอล์ฟทะเลสาบคงไม่ผิดแผกไปจากเอลฟ์ กลุ่มอื่น’

อาร์ชีและพาสตันหันขวับไปมองราอนอย่างรวดเร็ว ราอนเชิดอกของตนให้พองขึ้นและกางปีกออกทันที มันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

“ข้าเป็นมังกรที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุด!”

ร่างของราอนยังคงสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาว ทำให้ร่างของมันดูพองกลมดูน่าตลกเกินกว่าจะน่าเกรงขามได้ อย่างไรก็ตามวาฬทั้งสองตนกลับเลือกที่เชื่อในสิ่งที่คาร์ลพูดเพราะสมาชิกในกลุ่มของคาร์ลล้วนเต็มไปด้วยความมั่นใจ

คาร์ลเบนหน้าหนีจากวาฬทั้งสองที่ยังคงมีสายตาแคลงใจอยู่เล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าตามแสงสีฟ้าต่อไป

‘คาร์ล เฮนิตัส! เราจำเป็นต้องเสริมเวทย์ป้องกันรอบๆต้นไม้โลก..เจ้าหนูน้อยและโรสลินจะเป็นผู้จัดการเรื่องนี้เอง’

‘อ้อ! ข้าวานเจ้าแจ้งบางอย่างแก่ต้นไม้โลกด้วย’

อูฮาเบ็นเรียกคาร์ลไปคุยอย่างลับๆเพื่อแจ้งเรื่องบางอย่างแก่เขาก่อนที่จะเริ่มออกเดินทางมายังตอนเหนือ

‘ห้ามบอกเจ้าหนูน้อยเด็ดขาด’

และนี่คือข้อความที่อูฮาเบ็นต้องการให้คาร์ลแจ้งต่อต้นไม้โลก

‘ข้ามีชีวิตอยู่ไม่ถึงสองปีแล้ว..ต้นไม้โลก! ข้าหวังว่าเจ้าจะมอบผลไม้บนต้นให้กับมังกรที่ข้าส่งไปแทน เด็กคนนี้จะได้เรียนรู้ทุกสิ่งที่ข้าเคยรู้’

อูฮาเบ็นหัวเราะน้อยๆเมื่อเริ่มพูดต่อ

‘คาร์ล เฮนิตัส! นี่คือสิ่งที่เจ้าควรรู้ผู้เดียวเท่านั้น’

คาร์ลเอ่ยตอบเสียงเรียบให้กับมังกรวัยชราที่พูดไปหัวเราะไป

‘ได้! ข้ารับปากท่านว่าจะไม่บอกใคร’

‘เยี่ยม! ข้ารู้ว่าเจ้าจะต้องตอบแบบนี้’

หลังจากเห็นใบหน้าที่ค่อยๆสลดลงของอูฮาเบ็นง คาร์ลก็เริ่มคิดอย่างจริงจังว่ามีวิธีใดบ้างที่จะสามารถยืดอายุมังกรวัยชราผู้นี้ได้

มันไม่ใช่เพราะอูฮาเบ็นป่วยหนัก เขาเพียงแค่ต้องเผชิญกับความตายตามธรรมชาติเพราะอายุที่มากขึ้นเท่านั้น

‘แต่..ท่านอูฮาเบ็น?’

‘ว่าอย่างไร?’

‘ท่านยินดีต้อนรับความตายอย่างนั้นหรือ?’

‘…มีใครในโลกนี้บ้างที่ยินดีต้อนรับความตาย?..ไม่ว่าใครก็ไม่อยากป่วย.ไม่อยากตายกันทั้งนั้น..มันก็คงเป็นความคิดที่เหมือนๆกันไม่ว่าจะเป็นมังกรหรือมนุษย์’

อูฮาเบ็นเอ่ยตอบเสียงเศร้าแต่คาร์ลรู้สึกถึงความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจากมังกรชราผู้นี้

คาร์ลลอบสังเกตเขาเงียบๆในขณะที่สมองยังคงครุ่นคิดต่อไป

‘ต้องมีวิธีแน่ๆ’

แน่นอนว่าความอมตะมันยากที่จะเป็นไปได้เนื่องจากกฎแห่งธรรมชาติ แต่คาร์ลกลับรู้สึกว่าต้องมีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณสักอย่างที่สามารถชะลออายุของเขาไว้ได้

คาร์ลยังคงครุ่นคิดหาพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณนั้นให้เจอจนกระทั่งได้ยินเสียงบางอย่างดังแทรกเข้ามา

“อยู่นั่นไง!!”

คาร์ลก้มมองดูพื้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงตื่นเต้นของราอน

ฟิ้วววววววว~~~~

เขามองเห็นหลุมขนาดใหญ่ตรงใจกลางพายุหิมะ

“มนุษย์!..ท่านปู่อูฮาเบ็นบอกว่าต้นไม้โลกอยู่ด้านล่างนั่น!”

“ใช่แล้ว..ราอน! เจ้าใช้เวทย์ล่องหนอำพรางร่างของเจ้าก่อน”

“ข้า? ตกลง!”

คาร์ลรู้สึกได้ถึงร่างของราอนที่เริ่มเกาะหลังเขาแน่นเมื่อมันพรางกายเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเขาก็หันไปคุยกับอาร์ชีและเชวฮันตามลำดับ

“อาร์ชี..เจ้าลงไปก่อนแล้วกันเพราะเจ้าเคยพบกับพวกเอล์ฟมาก่อน..ส่วนเชวฮันเป็นคนปิดท้าย”

“ขอรับ!”

เชวฮันขานรับทันทีในขณะที่อาร์ชีมองดูหลุมขนาดใหญ่พร้อมขมวดคิ้วมุ่น

แปะ!

คาร์ลสะกิดหลังของอาร์ชีเบาๆก่อนที่อาร์ชีจะถอนหายใจยาวและกระโดดลงไปในหลุมที่ดูจะไม่มีจุดสิ้นสุดทันที

“น่าสนุก!”

“ข้าต้องการกระโดดลงไปแล้ว!”

คาร์ลกลัวแต่ก็สูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อทำใจ ส่วนออนและฮงจ้องไปที่หลุมลึกอย่างตื่นเต้นหลังจากนั้นสมาชิกทั้งหมดก็เริ่มกระโดดลงไปในหลุมอย่างรวดเร็ว

มันคล้ายกับตอนที่ไปเมืองใต้ดินของดาร์กเอลฟ์เมื่อคราวที่แล้ว อย่างไรก็ตามมันเป็นสไลด์เดอร์ที่สูงชันกว่าทำให้แรงโน้มถ่วงของมันเร็วกว่าคราวนั้นหลายเท่า

~ว้าว!..มนุษย์! นี่มันสนุกมากเลย!~

ราอนที่เกาะอยู่ด้านหลังของคาร์ลตื่นเต้นเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าคาร์ลไม่สนใจมันและปล่อยให้ร่างของตนไหลไปตามที่แรงโน้มถ่วงโลกทำงาน ใช้เวลาไม่นานเขาก็มองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ร่างของเขาไหลเข้าสู่แสงสว่างนั้นอย่างรวดเร็ว

ตู้ม!

‘หืม?’

คาร์ลเริ่มขมวดคิ้ว

มันต่างจากตอนที่ร่างของเขาร่วงลงสู่ปุยนุ่นในเมืองดาร์กเอลฟ์ เขาไม่ชอบเสียงน้ำสาดที่ได้ยินเมื่อครู่นี้เลย

“เฮ้อ..”

เสื้อคลุมขนสัตว์ของเขาชุ่มไปด้วยน้ำเมื่อโดนกระเซ็นใส่ คาร์ลหน้าบึ้งขึ้นเรื่อยๆเมื่อเริ่มลุกขึ้นยืน

“เอ่อ..อะแฮ่ม..เอ่อ”

คาร์ลมองเห็นเอลฟ์รูปร่างสวยงามยืนอยู่ตรงหน้าและจ้องมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เขามองเห็นนักรบจากเผ่าเอลฟ์จำนวนสองนายและเอลฟ์ทั่วไปอีกสามตน ดูเหมือนเอลฟ์กลุ่มนี้จะออกมาต้อนรับพวกเขา เอลฟ์วัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดคือคนเดียวกับที่แกล้งกระแอมไอออกมา

คาร์ลมองเอลฟ์กลุ่มนี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองด้านบน

~สุดยอดไปเลย!~