มื่อซีเว่ยกลับไปยังอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของเขา อัสลานก็กำลังรอเขาด้วยสีหน้าหดหู่

“เป็นยังไงบ้าง”

เมื่อเห็นซีเว่ยกลับมา สิงโตตัวใหญ่ก็ถามทันที

เนื่องจากการแทรกแซงของไข่ปีศาจ และพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เล็ดลอดออกมาจากตัวซีเว่ย การรับรู้ของอัสลานจึงถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในแดนมรรตัย

“เรียบร้อย” ซีเว่ยแสดงให้เขาเห็นบางสิ่งที่ดูเหมือนลูกแก้วคริสตัล

“ให้ตายเถอะ เจ้าจับวิญญาณของนักดาบคนนั้นไว้ทำไม…?” สิงโตค่อนข้างประหลาดใจ “จำเป็นด้วยหรือ”

“ข้าสนใจเทคนิคดาบของเขา” ซีเว่ยตอบแบบสบาย ๆ “แม้ข้าจะต้องใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ไปค่อนข้างมาก แต่ข้าก็คิดว่ามันคุ้มค่า”

อัสลานมองเขาเหมือนเห็นคนบ้า

“อันดับแรกคือเทพธิดาสมุทร จากนั้นก็เป็นเจ้าแห่งยอดเขา และตอนนี้แม้แต่ราชาแห่งความตายฮาเดส? ทำไมเจ้าถึงขยันสร้างปัญหาขนาดนี้…เจ้าจะท้าทายตรีเอกานุภาพต่อหรือไม่”

“อย่าพึ่งสติแตก มันเป็นแค่วิญญาณดวงเดียว เขาไม่สังเกตด้วยซ้ำว่ามันหายไป!”

ซีเว่ยยิ้มปลอบอัสลาน เขาไม่ต้องการสูญเสียพันธมิตรดี ๆ แบบนี้ เขาไม่ต้องการจัดการปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง เขาเป็นเพียงแค่ลูกบอลเรืองแสง!

“เรื่องของเทพธิดาสมุทรและเจ้าแห่งยอดเขาเป็นเพียงความเข้าใจผิด ข้ามั่นใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยเมื่อข้าเข้มแข็งพอที่จะเอาชนะพวกเขาได้!”

“อย่าแม้แต่จะคิด!” อัสลานจ้องมองเขาอย่างโกรธ ๆ เหมือนพ่อที่เบื่อหน่ายลูกชายที่เอาแต่สร้างปัญหา

ซีเว่ยตอบกลับด้วยการเริ่มกะพริบเหมือนไฟดิสโก้

“หยุดกะพริบ ข้าไม่ได้โกรธจริง ๆ…” อัสลานถอนหายใจ “ไม่ว่ายังไง ข้าก็เป็นหนี้เจ้าสำหรับเรื่องนี้ ดังนั้นข้าจะช่วยเจ้าหากเจ้ามีปัญหา”

เขาไม่รู้ว่าซีเว่ยมาจากต่างโลก ดังนั้นเขาจึงไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ หากจะข้ามไปมาระหว่างอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์และดินแดนมรรตัย ดังนั้นเขาจึงคิดว่าความเป็นพระเจ้าของซีเว่ยเสียหายโดยการลงไปสู่แดนมรรตัยผ่านการจุติ เขาเลยค่อนข้างรู้สึกผิดกับเรื่องนี้

เพราะการลงไปยังดินแดนมรรตัยผ่านร่างทรง โลกจะไม่อนุญาตให้เทพต่อสู้ และในสถานที่ ๆ ดาบปีศาจปรากฏตัว ซีเว่ยก็ไม่มีผู้ศรัทธาใด ๆ ที่อนุญาตให้เขาลงมาโดยการครอบครองร่าง ในการรับรู้ของอัสลาน ซีเว่ยได้จุติลงมาด้วยตัวเองโดยไม่สนใจความเป็นพระเจ้าของเขาที่ยังไม่สมบูรณ์ดี และฆ่าดาบปีศาจเพื่อเขา

สิงโตตัวใหญ่รู้สึกพอใจกับการตัดสินใจเลือกพันธมิตรของเขาในครั้งนี้มาก เขาขอบคุณซีเว่ยจนถึงกับเริ่มพิจารณาว่าซีเว่ยเป็นพี่น้องของเขา

“เอาล่ะ ถ้างั้นโปรดสนับสนุนพลังศักดิ์สิทธิ์ให้ข้าหน่อยจะได้ไหม” ซีเว่ยหยิบกะโหลกของเทพกระดูกเน่าออกมาจากเครื่องปั่น และส่งมอบให้อัสลานด้วยความเคารพ “เก็บมันไว้ที่นี่”

พลังศักดิ์สิทธิ์เป็นพลังงานประเภทหนึ่งที่ยากจะเก็บ ภาชนะและวัสดุที่สามารถรองรับพลังศักดิ์สิทธิ์และดูดซับมันได้ จะทำให้วัสดุเหล่านั้นมีคุณภาพสูงขึ้น แต่ในแง่การจัดเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นทำได้ไม่ดีนัก ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ภาชนะสำหรับพลังศักดิ์สิทธิ์

พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ถ้ามีคนประดิษฐ์แบตเตอรี่โทรศัพท์ขึ้นมา และเมื่อคุณชาร์จแบตเตอรี่เป็นเวลาครึ่งวัน นักประดิษฐ์จะบอกคุณว่า แบตเตอรี่จะอัพเกรดเป็นเลเวล 2 เมื่อดูดซับพลังงานไฟฟ้าแล้ว มันจะหนักขึ้นและอาจกันกระสุนได้…? แล้วพลังงานแบตเตอรี่ล่ะ? ขออภัยมันยังอยู่ที่ศูนย์…ดังนั้นคุณสามารถถือโทรศัพท์ของคุณที่เครื่องดับไปแล้วสะท้อนหน้าตัวเองได้อย่างเดียว…

ร่างกายของเทพเป็นวัสดุที่ดีที่สุดในการเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์ การใช้ร่างเทพเป็นที่กักเก็บพลังงานเป็นเรื่องที่รู้กันดี แต่ไม่มีใครสามารถก้าวข้ามอุปสรรคทางจิตใจเพื่อทำเช่นนั้นได้

ขณะนี้ สิงโตเทพกำลังจ้องมองอย่างโง่งมเข้าไปในเบ้าตากลวง ๆ ของหัวกะโหลกตรงหน้า และเริ่มตั้งคำถามว่าพันธมิตรของเขาคนนี้จะกลายเป็นเทพเจ้าชั่วร้ายหรือไม่…

แต่เขาก็ยังคงชาร์จพลังใส่หัวกะโหลกจนเต็ม ซีเว่ยเฝ้าดูขณะที่หัวกะโหลกของเทพกระดูกเน่ากลายเป็นหัวกะโหลกของสิงโต

ด้วยเหตุนี้ ซีเว่ยจึงเริ่มคิดเกี่ยวกับความอ่อนตัวของร่างเทพเจ้า

“ข้าจะกลับแล้ว อย่าลืมติดต่อข้าหากมีอะไรเกิดขึ้น…” อัสลานจ้องมองซีเว่ยด้วยสายตาซับซ้อน เขามองไปมาระหว่างลูกบอลเรืองแสงและหัวกะโหลกสิงโตที่ถูกพันด้วยหนวดอย่างแน่นหนา ราวกับว่าเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการจากไปโดยเร็วที่สุด ในขณะที่ร่างของเขาหายไป เขาก็กล่าวว่า “อา จริงสิ ปีศาจเริ่มปรากฏตัวมากขึ้นในดินแดนมรรตัย ดังนั้นเจ้าควรเตือนผู้ศรัทธาของเจ้าให้ระวังมากขึ้น…”

แองโกร่าละสายตาจากโพสต์บนฟอรัมที่มีชื่อว่า [ข้าตาย!]

ผู้เล่นที่โพสต์ ดูเหมือนจะไปกินอาหารในร้านเหล้าแบบสุ่มที่ไหนไม่รู้ และคนทั้งร้านก็เริ่มต่อสู้กัน จากนั้นเขาก็ถูกฆ่าตายทันทีแบบไม่รู้ตัว

เนื่องจากไม่มีเครลิคอยู่ใกล้ ๆ ในขณะที่เขาเสียชีวิต เขาจึงติดอยู่ในช่องว่างระหว่างความเป็นและความตายเป็นเวลา 3 วัน ในขณะที่เขายังคงติดอยู่ในห้องขังมืด ๆ เล็ก ๆ เขาก็ตระหนักว่า เควสที่ชื่อว่า [ค้นหาผู้ใช้ดาบปีศาจ] ที่เขาได้รับจากแองโกร่านั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว เป็นผลให้เขาได้รับ EXP จำนวนมาก ไม่เพียงแต่มันจะชดเชย EXP ที่เขาสูญเสียไปเท่านั้น แต่ยังให้เหรียญเกมมาอีกจำนวนมาก

ผู้เล่นคนอื่น ๆ อ่านโพสต์ของผู้เล่นคนนี้และพากันตอบกลับว่า ‘เทพเจ้าแห่งเกมไม่ออกเควสให้เจ้าไปตายหรอก’ ‘ถ้าเจ้าเพิ่มเลเวลได้ทุกครั้งที่เจ้าตาย มาร์นี่ก็เวลตันไปแล้ว’ ‘เจ้าตายที่ไหน? ข้าต้องการปล้นศพเจ้า!’

แน่นอน แองโกร่าสามารถยืนยันได้ว่าผู้เล่นคนนี้พูดความจริง

ไม่นานก่อนที่จะมีโพสต์นี้ออกมา แองโกร่าก็ได้รับการแจ้งเตือนของระบบว่าเควสเสร็จสมบูรณ์ แม้แต่ของรางวัลก็ยังถูกส่งมอบให้เขาแล้ว

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ แองโกร่าก็นำไม้กายสิทธิ์ออกมาจากคลังระบบ

ไม้กายสิทธิ์เป็นไม้คทาที่ดูสวยงามแต่เรียบง่าย มันมีความยาวประมาณ 11 นิ้ว และมีขนนกฟีนิกซ์ที่สวยงามแกะสลักอยู่ตรงด้าม

[ไอเทม: ไม้กายสิทธิ์อัญเชิญจิตวิญญาณขนาดจิ๋ว (เกรด A)]

[รายละเอียด: ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่ศัตรูที่ท่านต้องการฆ่า และตะโกนว่า ‘ผู้พิทักษ์ศักดิ์สิทธิ์!’ เพื่อเรียกวิญญาณผู้พิทักษ์ในรูปลักษณ์ของสิงโตออกมา! วิญญาณผู้พิทักษ์ที่คุณเรียกออกมา จะสามารถคงอยู่ได้หนึ่งนาที และคุณสามารถใช้คาถานี้ได้ 3 ครั้ง]

[หมายเหตุ: ถึงแม้ว่าวิญญาณผู้พิทักษ์จะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่านักฆ่าจินนี่ (นี่คือเหตุผลว่าทำไมมันถึงเป็นเพียงไอเทมเกรด A เท่านั้น แม้ว่าจะสามารถใช้มันได้ 3 ครั้งก็ตาม) มันค่อนข้างโง่ ดังนั้นวิธีสั่งการของท่านจึงสำคัญมาก! แม้ว่าไม้กายสิทธิ์นี้จะดูเท่ แต่น่าเสียดายที่ท่านไม่สามารถใช้มันเพื่อร่ายเวทย์อื่น ๆ ได้]

แองโกร่าระงับความต้องการเรียกวิญญาณผู้พิทักษ์ และเรียกวีลาเข้ามา

“เจ้าไปหาผู้ส่งสารของพ่อข้า” แองโกร่าพูดอย่างมั่นใจ “บอกเขาว่า เราจะเริ่มเดินออกทางไปยังดัชชีอินทรีเงินในวันพรุ่งนี้”