ภาคที่สอง-หิมะใต้หล้า ตอนที่ 131 เลือดกิเลน

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 131 เลือดกิเลน

“พันกร!”

ช่วงที่หนิงอี้ตะโกนสองคำนี้ เจียงหลินอยากจะถอย แต่พบว่าไม่ทันแล้ว น้ำทะเลถูกแรงมหาศาลดูด ระยะสามฉื่อระหว่างสองคน สองคนยังอยู่ในสภาพเดิม ในระยะหนึ่งจั้งโดยรอบ น้ำทะเลถูกแรงตบมหาศาลที่ทั้งรวดเร็วและทรงพลัง ตบอากาศออกไปในพริบตา

ยอดปีศาจหนุ่มยกสองแขนขึ้น กระดูกแขนพลันเว้าเป็นรอยฝ่ามือใหญ่ ก่อนจะเป็นหน้าอก ตรงท้อง เขากันใบหน้าไว้อย่างแน่นหนา ค้อนหนักทุบเข้ามาที่ผิวหนังเขาทีละครั้ง รู้สึกได้ว่าวิชาทุกอย่างของอีกฝ่ายมารวมที่ใบหน้าตน…นี่เป็นคนที่ต่ำทรามเพียงใดกัน

หนิงอี้ไม่ผ่อนลมหายใจ ตะโกนเสียงดังดุจมังกรคำราม หมัดมือรัวใส่ตัวยอดปีศาจกำยำทั้งหมด ในนั้นยังมีลายสีทองดำลอยขึ้นมาบนผิวกายเรื่อยๆ นี่เป็นวิชาลับป้องกันที่ไม่เผยแพร่ของสายเลือดกิเลน เพิ่งลอยขึ้นมาก็ถูกหนิงอี้ตบแตก กระจายไปในก้นทะเล หมุนม้วนไปทันที!

ยอดปีศาจหนุ่มกลั้นลมหายใจ ตั้งรับไปตามสถานการณ์ ก่อนหน้านี้ที่เขาชกหมัดใส่ร่มกระดาษมันของหนิงอี้ ก็เป็นสถานการณ์เดียวกันกับตอนนี้

หนิงอี้เผยแววตาเฉยชา เขาใช้ความเร็วสูงยิ่งกวาดน้ำทะเลตรงหน้า ทุกหมัดชกใส่ตัวอีกฝ่าย นี่เป็นการต่อต้านระหว่างกายและจิต และเป็นการตัดสินของความแน่วแน่!

ความเป็นเทพในกายตนยังมาไม่ขาดสาย ตอนนี้เส้นทางคดเคี้ยววกวน เขาอยากรู้นักว่ายอดปีศาจนี่จะรับหมัดเท้าตนได้เท่าไรกันเชียว!

ในที่สุดหลังจากหนิงอี้เหยียบย่ำอยู่เกือบครึ่งก้านธูป ยอดปีศาจกิเลนที่แอบเรียนวิชาพลังกูรมะมาจากหัวเมืองธารน้ำก็ยังไม่อาจต้านการโจมตีต่อเนื่องได้ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวอีก เขาพลันยกสองแขนขึ้น แก้มถูก ‘ปางซานเหอ’ ของหนิงอี้ตบ พลังเลือดลมพุ่งออกไป ทว่าได้สร้างโอกาสที่ดียิ่ง สองคนแลกหมัดกัน ต่างถอยกลับไปในค่ายของตนเองอีกครั้ง

หมัดเท้าของหนิงอี้ตกลงในอาภรณ์ เท้าข้างหนึ่งอยู่ข้างหลัง ยกขึ้นเล็กน้อย ชิดกับตัวกระบี่พินิจเหมันต์ ปรับลมหายใจ แผ่นหลังขนานกับตัวเป็นเส้นตรง ก้มหน้า ไม่พูดไม่จา สายน้ำในก้นสมุทรพัดแขนเสื้อ ทั้งตัวดูเหมือนไม้แห้ง

นี่เป็นอาการตกค้างหลังจากสำแดง ‘พันกร’ ภาระหนักผลักมาที่ตัวหนิงอี้ ทะเลวิญญาณของเขาเดือดพล่านขึ้นฟ้าไปนานแล้ว สังหารยอดปีศาจกิเลนนี่ไม่ได้ก็ต้องรับความทรมานเช่นนี้

หนิงอี้พ่นลมหายใจ ความเป็นเทพในกายเขาถูกพันกรเมื่อครู่กินไปหมดเกลี้ยง ตอนนี้เติมเต็มช้าๆ ไม่นานก็กลับมาอยู่ในสภาวะแม่น้ำใหญ่เดือดพล่านอีกครั้ง อยากจะพุ่งเข้าไปอีกใจจะขาด สู้กับยอดปีศาจนั่นให้ถึงอกถึงใจ เพียงแต่ผลข้างเคียงของพันกรรุนแรงเกินไป ตอนนี้เขาต้องรับความเจ็บปวดของกายเนื้อ ยังไม่อาจใช้วิชานี้สู้เป็นครั้งที่สองในเวลาอันสั้นได้

ยอดปีศาจกิเลนนั่นที่อยู่ไกลออกไป สภาพอนาถทนดูไม่ได้ มีแต่รอยถูกหมัดและฝ่ามือทุบเว้าลงไปทั้งตัว โดยเฉพาะใบหน้า เดิมทียกสองแขนขึ้นมากันหน้า ทำให้สองแขนงอบิดรูป สุดท้ายตอนที่ยกแขนขึ้นเพื่อแก้สถานการณ์ลำบาก ก็ถูก ‘ปางซานเหอ’ ของหนิงอี้ฟาด ตรงรูจมูกมีเลือดไหลออกมาสองสาย

สายเลือดของยอดปีศาจหนุ่มแข็งแกร่งมาก ตอนแรกเลือดกำเดาพุ่งมาเหมือนธนู ทำอย่างไรก็ห้ามไม่ได้ ตอนนี้ดีขึ้นหน่อย แต่ไม่ว่าจะเช็ดอย่างไร ไม่นานก็จะไหลลงมาใหม่

ต่อให้สู้กับเฉาหลัน เขาก็ไม่เคยเจอกับสถานการณ์ลำบากเช่นนี้มาก่อน!

ตีคนไม่ตีหน้า ผู้บำเพ็ญรุ่นเยาว์ใต้ฟ้าต้าสุย มีใครบ้างไม่ใช่ผู้มีอำนาจจากเขาศักดิ์สิทธิ์ ย่อมต้องมีเกียรติสามส่วน ไม่มีใครทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้เลย

เจียงหลินจ้องหนิงอี้พลางเอ่ยทีละคำ “เมื่อครู่…เจ้าใช้วิชาใด”

หนิงอี้พูดเสียงราบเรียบ สายตาเขายังคงไม่ห่างจากใบหน้าเจียงหลิน โดยเฉพาะจมูกของอีกฝ่าย ขณะที่เจียงหลินพูด เลือดกำเดาก็กระจายไปในน้ำทะเล เจียงหลินรู้สึกได้ทันที เขานึกไปถึงตอนนั้นที่ปางมือซานเหอฟาดที่จมูกตนก็เกิดความโกรธจัดขึ้นมาทันควัน

นี่ยังไม่จบ…

หนิงอี้จ้องเจียงหลิน ตอนนี้เขากำลังคิดว่าสายเลือดของยอดปีศาจหนุ่มสุดยอดจริงๆ ต่อให้กระจายไปก็ยังเป็นสีทองดำบริสุทธิ์ อยู่ไกลมากยังได้กลิ่น มีกลิ่นน่าเย้ายวนอยู่ เล่าลือว่าเลือดกิเลนเป็นสมบัติที่หายาก ดื่มไปจะเพิ่มความแกร่งของกายและจิต ทว่าก็มีพิษร้ายแรง หากผู้ดื่มมีกายและจิตอ่อนแอ ก็จะเหมือนดื่มสุราพิษ ไม่นานก็จะตัวระเบิดตาย

ด้วยกระเพาะของหนิงอี้ เขาไม่แยแสถ้าจะลองสักครั้ง เลือดของยอดปีศาจกิเลนนี่มีรสชาติแบบใดกันแน่

เจียงหลินเกิดเมฆครึ้มปกคลุมในใจ เขาดึงดาบเรียบทองอมเงินนั้นออกมา กัดฟันพูด “อะไร เจ้าอยากลิ้มลองเลือดของข้ารึ”

หนิงอี้มีใบหน้าเรียบนิ่ง เขากำพินิจเหมันต์ช้าๆ พูดเสียงเบา “ผู้บำเพ็ญปีศาจสามอันดับแรกในรุ่นเยาว์ใต้ฟ้าเผ่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ เสียเปรียบหนักที่นี่ พูดออกไปเกรงว่าคงจะน่าอับอายน่าดูกระมัง”

เจียงหลินแค่นยิ้ม “จะไม่มีใครพูดออกไปหรอก เพราะพวกเจ้าสองคนต้องตายที่นี่”

หนิงอี้ทำเสียง ‘อ้อ’ เขาหัวเราะเบาๆ “ยินดีรับฟัง”

‘ล่าวารี’ เล่มนั้นดึงขึ้นจากพื้น หมุนดินเลนขึ้น เศษหินหมุนวนกลางน้ำทะเล เหมือนพายุน้ำ พลันแตกกระจาย

หนิงอี้ไม่ถอยเลย เขาหันคมกระบี่พินิจเหมันต์ก่อนฟันลงไป

แสงยาวสีขาวยามกลางวันพุ่งออกตรงจุดตัดระหว่างล่าวารีกับพินิจเหมันต์

สองใบหน้าแทบจะแนบกัน

เจียงหลินหรี่ตาลง พูดทีละคำ “หากที่นี่ไม่ผนึกพลังปีศาจแสงดารา ตอนนี้ข้าคงฟันเจ้าไปพันดาบแล้ว”

“เจ้าบอกว่าถ้าหากรึ” หนิงอี้ตอบกลับอย่างดุเดือด พูดเย้ยเยาะ “ถ้าหากจากนี้ข้าให้กำเนิดลูกชายอย่างเจ้า ดีแต่ปากเก่ง ข้าจะทุบตีเขาให้ตายในผ้าอ้อมเลย จะได้ไม่ขายขี้หน้าคนอื่น!”

เจียงหลินโกรธขึ้นสมอง ดาบเรียบทองเงินหมุนวนดินขึ้น หนิงอี้อาศัยจังหวะนี้เหยียบปลายดาบ กระโดดลอยขึ้นสูง ตีลังกาไปข้างหลัง ตัวตกลงมาเล็กน้อย ปลายกระบี่พินิจเหมันต์กดกับหลังดาบล่าวารี ปลายดาบหมุนเหมือนสายฟ้า คมกระบี่ของหนิงอี้ราวกับผีเสื้อบินผ่านดอกไม้ สองคนหนึ่งบนหนึ่งล่าง หมุนวนมังกรวารี หยดน้ำเต็มฟ้าชนกันเพราะปราณกระบี่ปราณดาบ ทุกหยดแยกกันชัดเจน เริ่มหมุนกลิ้ง

ล่าวารีของเจียงหลินเป็นอาวุธที่ดึงมาจากสุสานโบราณของบิดาเขา ไม่เคยแพ้ใคร ด้วยระดับของล่าวารี ท่องไปในใต้ฟ้าเผ่าปีศาจก็แทบจะไม่เจออาวุธเทพใดที่ต้านมันได้หลายครั้ง ทว่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้ กระบี่ร่มแปลกนั่นไม่กลัวล่าวารีเลย

แม้ว่าในนั้นจะมีสาเหตุมาจากผนึกพลังปีศาจแสงดาราเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ

“เจ้าเป็นนักกระบี่รึ”

เจียงหลินชิดกับหนิงอี้ ศึกของดาบและกระบี่พัวพันกัน เขาไม่รู้สึกว่าปราณกระบี่ของหนิงอี้ให้ความรู้สึกอันตรายกับเขาเท่าไร แต่ตอนนี้ไม่กล้าประมาทแล้ว เด็กหนุ่มคนนี้ การต่อสู้สองครั้งก่อนไม่เผยอะไรเลย ทว่าในช่วงเวลาสำคัญที่สุดกลับแสดงพลังน่าสะพรึงยิ่งบางอย่าง พลิกกลับสถานการณ์ทันที

หนิงอี้เพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่พินิจเหมันต์

การออกทุกกระบี่ต้องใช้ความเป็นเทพในกายเขา วิชาดาบของยอดปีศาจหนุ่มแข็งแกร่งยิ่ง หากเส้นทางของนักกระบี่สอดคล้องกับวิถีดาบ วิถีดาบของเขา อย่างน้อยก็สูงกว่าตนขั้นใหญ่!

ยอดปีศาจหนุ่มเหมือนรู้สึกได้ว่าวิชากระบี่ของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้สูงส่งเท่าไร แต่ดันพัวพันกับตน พละกำลังสูงมาก นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เขากลัดกลุ้มจริงๆ

ในศึกมือเปล่า ตอนที่เขาจะใช้กำลังป่าเถื่อนกำราบกำลังป่าเถื่อนนั้น หนิงอี้ดันสู้ได้โหดยิ่ง เดินยันต์แปดทิศ จะใช้กำลังน้อยนิดดึงน้ำหนักพันชั่ง สุดท้ายใช้พันกร วิชาลับที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ทุบตีจนตนหมดหนทาง

ส่วนการต่อสู้ด้วยดาบและกระบี่ แม้วิชาของตนจะเลิศล้ำ แต่หนิงอี้ไม่ให้โอกาสเขาแสดงเลย ทุกกระบี่จะมีพลังหนาหนัก ไม่มีความรู้สึกสวยงาม แต่ทุกกระบี่ที่ฟันลงมากลับทำให้ตนจนปัญญา

ถ้าบอกว่ามีศัตรูธรรมชาติจริงๆ…เช่นนั้นเจียงหลินเชื่ออย่างสนิทใจว่า เด็กหนุ่มที่เจอในสุสานก้นทะเลผนึกแสงดาราคนนี้ คือศัตรูธรรมชาติที่ชนะทางตนที่สุด

สองคนปะทะดาบกระบี่ตลอดทาง ว่ายเป็นมังกรงู พุ่งออกไปหลายสิบจั้งแล้ว

เจียงหลินเผยช่องโหว่ จงใจเผยตรงคอ รอหนิงอี้เข้ามา

หนิงอี้หรี่ตาแคบลง ถือกระบี่ฟันไปอย่างไม่ลังเล

พินิจเหมันต์แหวกคลื่นน้ำ เข้าไปในระยะสามฉื่อรอบตัวยอดปีศาจกิเลน ขณะจะฟันลงที่คอนั้น ลายวิชาลับทองดำที่ซับซ้อนและลี้ลับยิ่งรวมขึ้นกลางอากาศ ต้านกระบี่นี้ไว้

เสียงอัญมณีชนกันดังก้องกังวานยิ่ง

ปัดกระบี่ยาวขาวดุจหิมะนั้นออก เจียงหลินยังไม่ทันชักดาบฟัน เขาพลันรู้สึกว่ามีเงาดำมืดขยับวูบผ่านหน้าตน ก่อนจะผ่านที่คอ มนตร์ต้องห้ามลายทองอมดำที่เด้งออกมานั้นถูกกัดแตกดังกึก

อ้าปากใหญ่สีเลือดงับลงมา!

หนิงอี้กัดเข้าที่คอของเจียงหลิน ก่อนสะบัดอย่างแรง ฉีกเลือดเนื้อก้อนใหญ่ออกมา

ยอดปีศาจหนุ่มคำรามเสียงต่ำ เขาชกหมัดที่ท้องน้อยอีกฝ่าย ทำให้หนิงอี้งอตัวลง ถูกทุบกระเด็นออกไป ลากรอยน้ำไปหลายสิบจั้ง กระแทกกับเสาหินสูงเสียดฟ้าอย่างแรง

เจียงหลินเงยหน้าคำรามเสียงดัง ดวงตาแดงก่ำ เขานั่งยองลงด้วยความเจ็บปวด มือข้างหนึ่งกุมคอของตน…ที่นี่ต่างจากแขน ‘โลหิตบริสุทธิ์ชีวิต’ ของสายเลือดกิเลนที่ว่านั่น นอกจากเลือดหัวใจกับเลือดระหว่างคิ้วแล้ว ก็เป็นเลือดตรงคอที่ดีที่สุด หากบาดเจ็บตรงนี้ ก็จะถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

เจ้ามนุษย์นี่เสียสติไปแล้วหรือ ไม่อยากเชื่อว่าจะกินเลือดกิเลนจริงๆ!

เจียงหลินจับดาบล่าวารีแน่น จ้องเสาหินที่ถล่มลงไกลๆ

คลื่นน้ำตรงนั้นก่อตัวกันหนาแน่น ฝุ่นดินกระจาย มีร่างเงาหนึ่งลุกขึ้นมาช้าๆ

หนิงอี้เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง

พลังเลือดลมสีแดงฉานเหมือนแสงเทพวนเวียนรอบชุดคลุมใหญ่ของเด็กหนุ่ม

ตรงมุมปากเขายังมีเลือดบางๆ

หนิงอี้เหมือนมีไฟลุกทั้งตัว เขากินเนื้อกิเลนรวมถึงเลือดกิเลนที่บริสุทธิ์ที่สุดไปแล้ว วัดกันที่การบำรุง แม้แต่ไข่มุกครรภ์ราชันปีศาจสามพันปียังเทียบกับเลือดกิเลนไม่ได้!

หากเป็นผู้บำเพ็ญคนอื่น มีโอกาสสูงมากที่จะตัวระเบิดตายทันที

แต่หนิงอี้เพียงแค่เงยหน้าขึ้นฟ้าพ่นลมหายใจขุ่นเฮือกใหญ่ ไม่ได้มีอาการแปลกๆ เลย

เขากินเลือดเนื้อกิเลนไปคำใหญ่ กายและจิตกำลังเผาไหม้ รู้สึกได้ว่ากำลังแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน ที่ราบกระดูกยังโห่ร้องด้วยความดีใจ

……

สุสานก้นสมุทรภูเขาแดง

เจียงหลินหน้ามืดทะมึนอย่างยิ่ง

เพราะเขาได้ยินคำพูดที่มีน้ำเสียงจริงใจมาก แต่ความหมายในนั้นเสียดสีอย่างยิ่งจากอีกฝ่าย

“เลือดกิเลนอร่อยจริงๆ…ให้ข้าดื่มอีกสักอึกได้หรือไม่”