ตอนที่ 122

My Disciples Are All Villains

“ศิษย์จะส่งข้อความหาเจียงอาเฉียนเดี๋ยวนี้เองค่ะ” หยวนเอ๋อพูดขึ้น

ลู่โจวเดินเอามือไขว้หลังก่อนที่จะเดินกลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า

ไม่นานหลังจากที่จ้าวยู่ถูกพาไปยังศาลาทางทิศใต้ เธอก็ได้ฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนั้นเองเธอก็จำภาพรอบๆ ตัวขึ้นมาได้

“ศิษย์พี่ห้า ทะ ทะ ท่านตื่นแล้วสินะ! ” ผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“ข้า…เกิดอะไรขึ้นกับข้ากัน? ข้าควรที่จะอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนไม่ใช่หรอ? ” จ้าวยู่ถามออกมาด้วยความสับสนก่อนที่เธอพยายามจะลุกขึ้นนั่ง

ผู้ฝึกยุทธหญิงผู้มาจากวังจันทราที่อยู่ข้างๆ ได้เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดให้กับจ้าวยู่ได้ฟัง

เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวยู่ก็ได้แต่ถามออกมาอย่างไม่เชื่อ “เจ้ากำลังบอกว่าท่านอาจารย์คลายเวทมนตร์คาถาให้กับข้าอย่างงั้นหรอ? “

“ถูกแล้วค่ะ ท่านปรมาจารย์เป็นผู้ที่ทำลายเวทมนตร์คาถาด้วยตัวเอง” ผู้ฝึกยุทธหญิงอีกคนที่ได้เตรียมน้ำร้อนเอาไว้ให้จ้าวยู่ได้เริ่มต้นพูดขึ้น “เวทมนตร์คาถาน่ากลัวมาก โชคดีที่ศิษย์พี่สามและศิษย์พี่สี่มาได้ทันเวลา”

จ้าวยู่ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอพยายามที่จะเดินพลังลมปราณที่อยู่ในจุดตันเถียนของตัวเอง ในขณะที่กำลังพยายาม จ้าวยู่ก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัว

“ศิษย์พี่ห้า เวทมนตร์คาถาของท่านเพิ่งจะถูกคลายไป จะดีกว่านี้ถ้าหากท่านพักผ่อนต่อ ไม่จำเป็นจะต้องรีบเดินพลังลมปราณเลย ข้าคิดว่ารอให้ร่างกายได้พักฟื้นก่อนจะดีกว่า”

จ้าวยู่พยักหน้าตอบรับก่อนที่จะนอนลงแต่โดยดี

ครึ่งวันต่อมา

ณ ศาลาปีศาจลอยฟ้า

ลู่โจวที่กำลังพักผ่อนอยู่ได้ยินการแจ้งเตือนถึง 2 ครั้งด้วยกัน

“ติ้ง! คลายเวทมนตร์คาถาของจ้าวยู่สำเร็จ ได้รับแต้มบุญ 1,000 แต้ม”

“ติ้ง! ตรวจสอบเบื้องหลังของหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์เสร็จสิ้น ได้รับแต้มบุญ 3,000 แต้ม”

ลู่โจวพยักหน้าออกมาอย่างพึงพอใจ ในตอนนี้ตัวเขาจะต้องหาทางอื่นๆ ที่จะทำให้ตัวเขาได้รับแต้มบุญมา

ในขณะที่ลู่โจวกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่อย่างช้าๆ “ท่านปรมาจารย์ เจียงอาเฉียนอยากที่จะขอพบท่าน ในตอนนี้เขาได้รออยู่ที่เชิงเขาแล้ว”

“ให้เจ้านั่นขึ้นมา”

“รับทราบ”

หยวนเอ๋อ, หมิงซี่หยิน และต้วนมู่เฉิงต่างก็รีบตรงมาที่ห้องโถงใหญ่หลังจากที่ได้ข่าวการมาถึงของเจียงอาเฉียน

[หมายเหตุนักแปล: ขอเปลี่ยนชื่อต้วนมู่เฉิงศิษย์คนที่สามเป็น ต้วนมู่เฉิงนะครับผม ขออภัยในความไม่สะดวกครับ]

ในครู่ต่อมาผู้ฝึกยุทธหญิงคนเดิมก็ได้เดินกลับมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ ชายที่ตามเธอคนนั้นมาก็คือเจียงอาเฉียนนั่นเอง ระหว่างที่เดินเข้ามาตัวเขาก็ได้มองไปรอบๆ ตัวอย่างอยากรู้อยากเห็น หลังจากนั้นเจียงอาเฉียนก็ได้เอ่ยปากขึ้น “เฮ้ เฮ้ เฮ้ เจ้าน่ะเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าตอนไหนกัน? ที่นี่น่ากลัวไหม? ที่นี่คือที่ที่ปรมาจารย์มหาวายร้ายอยู่จริงๆ สินะ? ทำไมเจ้าถึงไม่กลัวกัน? “

เจียงอาเฉียนยังคงพูดถามออกมาในขณะที่เขากำลังเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ “ข้าไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นหญิงสาวมากมายในศาลาปีศาจลอยฟ้าแบบนี้…” หลังจากนั้นเจียงอาเฉียนก็ได้หันไปมองรอบๆ ตัว “ต้นไม้นั่นก็ดูดีใช่เล่น พื้นหญ้าเองก็ถูกดูแลเป็นอย่างดี”

“…”

สีหน้าท่าทางของเจียงอาเฉียนยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยในระหว่างทางที่เดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่

หมิงซี่หยินที่อยู่ในห้องโถงอยู่แล้วได้เริ่มเอ่ยปากถามขึ้น “เจ้านั่นคือเจียงอาเฉียนอย่างงั้นหรอ? “

หยวนเอ๋อได้ตอบกลับมา “นั่นแหละเจ้านั่น แค่เห็นผิวหนาๆ ของเจ้านั่นก็รู้ได้แล้วล่ะว่าเจ้านั่นคือเจียงอาเฉียน”

“ท่านอาจารย์น่ะดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเจ้านั่นมาก ดูเหมือนว่าเขาเองก็คงจะมีดีอะไรอยู่แน่”

เจียงอาเฉียนเดินเข้าไปหาผู้คนที่กำลังรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ในตอนนั้นเองเขาก็ได้โบกมือทักทายทุกคนด้วยท่าทีที่เขินอายออกมา “ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่คุ้นเคยเลยกับการต้อนรับที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ได้โปรดมอบดาบดีๆ ให้ข้าเร็วเข้าเถอะ ข้าจะรีบไปทำธุระต่อ”

ลู่โจวได้ลูบเคราของตัวเองอย่างใจเย็นก่อนที่จะพูดออกมา “เจียงอาเฉียน”

“ท่านผู้อาวุโสมีอะไรกันอย่างงั้นหรอ? “

“นั่งลงก่อน พวกเราจะต้องคุยกัน”

“ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอก ในตอนนี้พวกเราก็ลงเรือลำเดียวกันเป็นที่เรียบร้อย ขอเพียงท่านผู้อาวุโสมอบดาบดีๆ ให้กับข้า ข้าก็จะไปตามทางของข้าในทันที” ความมั่นใจที่เจียงอาเฉียนมีค่อยๆ ลดลงในทุกๆ นาทีที่ตัวเขาอยู่ที่นี่

ลู่โจวโบกมือของตน

ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธหญิงที่อยู่ไม่ไกลมากนักก็ได้ยื่นดาบให้กับเจียงอาเฉียน

เจียงอาเฉียนได้จับดาบเล่มนั้นด้วยมือขวาของเขา ในชั่วพริบตานั้นเอง

แคล๊ก!

ดาบเล่มนั้นก็ได้หักไป

“เป็นไปไม่ได้! ท่านผู้อาวุโส! ไหนท่านเคยบอกกับข้าไว้ว่ามันเป็นดาบดีๆ? นี่คือดาบดีๆ ที่ท่านหมายถึงอย่างงั้นหรอ ข้าไม่คิดว่ามันจะคุ้มค่ากับการที่ข้าจะต้องเอาตัวเองไปเสี่ยงเพื่อท่านแบบนี้เลย! ” เจียงอาเฉียนมองดาบที่หักไปด้วยความตื่นตกใจ

ต้วนมู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดขึ้น “ดาบเล่มนั้นเป็นดาบที่ดีที่สุดในศาลาปีศาจลอยฟ้า มันทำมาจากต้นไม้ที่มีอายุยืนกว่าพันปี ช่างฝีมือระดับปรมาจารย์เองเป็นผู้สลักลวดลายลงบนดาบด้วยตัวเองอีกด้วย”

“…”

ต้วนมู่เฉิงยังคงพูดต่อไป “ศิษย์สาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าทุกคนล้วนเคยได้ฝึกฝนตัวเองกับดาบเล่มนี้ ดาบปีศาจยู่ฉางตงเคยใช้ดาบเล่มนี้สังหารศัตรูไปกว่า 1,000 ชีวิต” คำพูดของต้วนมู่เฉิงเปี่ยมไปด้วยพลัง มันดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องโถง

“…” เจียงอาเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก ‘นี่มันเรื่องล้อเล่นบ้าบออะไรกัน! มันเป็นเพียงแค่ดาบไม้ไม่ใช่หรอ ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงต้องปูเรื่องให้มันดูยิ่งใหญ่ด้วยล่ะ! มีใครพอที่จะอยู่ข้างข้าได้ไหม? ‘

เจียงอาเฉียนมองไปที่ลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านผู้อาวุโส หัวใจของข้าในตอนนี้มีแต่ความเหน็บหนาวแล้ว…”

ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “นี่เป็นดาบชั้นยอดจริงๆ เจ้ายังไม่ต้องการมันอีกอย่างงั้นหรอ? “

“ท่านผู้อาวุโส แม้ว่าท่านจะพยายามบอกสรรพคุณของดาบไม้เล่มนี้มามากมายขนาดไหน แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังเป็นแค่ดาบไม้ไม่ใช่สมบัติล้ำค่าอยู่ดี! แม้ว่าข้าจะกลายเป็นคนบ้านแล้วก็ตามแต่ถึงแบบนั้นข้าก็ยังคงไม่ต้องการดาบเล่มนี้” เจียงอาเฉียนพูดออกมาอย่างเสียใจ

“เจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหม? “

“ใช่”

“งั้นเจ้าก็ต้องตอบแทนข้ามา…”

“…”

ลู่โจวพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ดาบเล่มนี้มีค่าเป็นอย่างยิ่งกับศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่เจ้ากลับทำมันหักไป เจ้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนข้ามา…” ลู่โจวไม่ทันที่จะได้พูดเสร็จก็หยุดพูดไปซะก่อน

เคียวพื้นพิภพของหมิงซ๊่หยินและหอกราชันย์ในมือของต้วนมู่เฉิงเองต่างส่องแสงออกมา

เจียงอาเฉียนได้แต่กลืนน้ำลาย เขาก้าวถอยหลังไปก่อนที่จะโบกมือปฏิเสธออกมา “ไม่ ไม่ ไม่ ข้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างงั้นหรอ? แล้วมันมีราคาค่าตอบแทนเท่าไหร่กันล่ะ? “

“หมิงซี่หยินยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน “เจ้าคิดว่ามันสามารถตีค่าเป็นราคาได้ด้วยอย่างงั้นหรอ? “

“แล้วพวกท่านอยากที่จะให้ข้าทำอะไรกัน? ให้ข้าหาช่างฝีมือซ่อมดามเล่มนี้ให้อย่างงั้นหรอ? “

“พวกเราจะไม่ทำแบบนั้น พวกเราอยากที่จะได้ดาบเล่มเดิมกลับมา” หมิงซี่หยินพูดขึ้น

เจียงอาเฉียนเลือกที่จะโยนดาบไม้ที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งไปให้พ้นตัว หลังจากนั้นเขาก็เอามือปัดฝุ่นที่ติดอยู่บนมือของตัวเอง “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านผู้อาวุโสหลอกข้าสินะ พวกเรามาพูดเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”

ลู่โจวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินลงบันไดโดยเอามือไขว้หลังเอาไว้ เขาเดินไปหาเจียงอาเฉียนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้ข้าชอบคนที่ชาญฉลาด”

“ถ้าหากข้าฉลาดจริงๆ ข้าก็คงไม่โดนท่านผู้อาวุโสหรอกแบบนี้หรอก” เจียงอาเฉียนได้พึมพำกับตัวเองออกมา

“เจียงอาเฉียน เจ้าน่ะได้หลอกใช้ตัวข้ามาหลายครั้งต่อหลายครั้งเพื่อที่จะขจัดอุปสรรคขวากหนามจากทางพระราชวังของเจ้า เจ้าเป็นคนแรกที่กล้ามาพอที่จะทำตัวแบบนี้กับข้า”

“…” สีหน้าของเจียงอาเฉียนเปลี่ยนไปในทันที ในตอนนี้เขาได้แต่เดินถอยหลังไป

ในตอนนั้นผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหลายก็ได้ยืนเรียงรายกันอยู่ที่หน้าทางเข้าศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว

ในเวลาเดียวกัน ชายชราคนหนึ่งก็ได้เดินออกมาที่ห้องโถงใหญ่อย่างช้าๆ ในขณะที่ตัวเขาก้าวเดินมา ตัวหนังสือทั้งแปดก็ได้ล้อมรอบขาของชายคนนั้นไว้ รอบตัวของเขามีพลังผนึกทั้งหกส่องแสงสว่างออกมา

“ผู้อาวุโสฮั๊ววู่เด๋าจากสำนักหยุน? ” เจียงอาเฉียนที่เห็นแบบนั้นก็ได้หลั่งน้ำตาออกมา เขาพยายามที่จะโบกมือปฏิเสธอย่างเร่งรีบ “ท่านผู้อาวุโส นะ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้ว! “

เมื่อหยวนเอ๋อเห็นแบบนั้นเธอก็ได้ปรบมือออกมาอย่างมีความสุข “ล็อกประตูเร็วเข้า! ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าคนอย่างเจ้าจะวิ่งหนีไปที่ไหนได้…ศิษย์พี่รีบจับเจ้านั้นเอาไว้เร็วเข้า! “

“โอ้ ท่านๆ ทั้งหลาย ข้าไม่ได้คิดจะมาวิวาทด้วยเลย! ทำไมถึงต้องทำกันแบบนั้นกันล่ะ พวกเรามาเก็บของมีคมกันก่อนไม่ดีกว่าหรอ? ” เจียงอาเฉียนได้พูดออกมา

ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างใจเย็น “ถอยไปก่อนทุกคน”

“เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ” ผู้ฝึกยุทธหญิงผู้มาจากวังจันทราได้เดินกลับไปยืนอยู่ตรงที่เก่า

หมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงเองก็เก็บอาวุธประจำตัวทั้งสองชิ้นไป

ตราผนึกรอบตัวของฮั๊ววู่เด๋าเองก็หายไปเช่นกัน เขารีบคารวะลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “นี่คือผู้ฝึกยุทธที่รักดาบพอๆ กับชีวิตของตัวเอง หนึ่งในผู้คลั่งไคล้ดาบ เจียงอาเฉียนอย่างงั้นหรอ? “

เจียงอาเฉียนที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้เกาหัวก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเขินอาย “เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องที่พูดเกินความเป็นจริงไป…ท่านน่ะเข้าใจผิดแล้ว”

ลู่โจวได้ส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับมา “ชื่อเจียงอาเฉียนน่ะมีไว้เพื่อซ่อนตัวตนที่แท้จริงเท่านั้น ใครจะไปคิดกันว่าคนที่ดื้อด้านและยังไม่ถูกจับตัวคนนี้จะเป็นองค์ชายคนที่สามของโลกยุทธภพแห่งนี้กัน? “