ตอนที่ 136

The simple life of the emperor

เมื่อหลินเสวี่ยได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาทันทีก่อนจะถามย้ำกับเทียนหลาง

“นายพูดจริงงั้นเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าพร้อมกับเดินตรงมายังเตียงที่หลินตงไห่นอนอยู่พร้อมกับสำรวจเล็กน้อย
“อืม… ใช่ฉันรักษาได้”
เมื่อได้รับคำยืนยันจากเทียนหลาง หลินเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจก่อนจะเข้าไปกอดเทียนหลางและกล่าวขอบคุณ จากนั้นไม่นานชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเตียงของหลินตงไห่ก็ได้พูดขึ้นด้วยความสงสัยว่า
“คุณรักษาเขาได้จริงๆงั้นเหรอครับ ?”
เทียนหลางมองไปที่ชายวัยกลางคนตรงหน้าก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“คุณเป็นใครงั้นเหรอครับ ?”
ชายวัยกลางคนแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวแนะนำตัวเอง
“ผมชื่อเว่ยกัว เป็นเลขาของท่านประธานครับ”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวกับเลขาเว่ยกัวไปว่า
“ผมรักษาได้แน่นอนครับแต่อาจจะต้องใช้เวลาเสียหน่อย”
เลขาเว่ยได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะถามออกไป
“แล้วต้องใช้เวลามากแค่ไหนงั้นเหรอครับ ? หลายเดือนหรือว่าหลายปี ?”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็คิดเล็กน้อยพร้อมกับมองไปที่สภาพของหลินตงไห่ที่นอนอยู่บนเตียง เมื่อเลขาเว่ยได้เห็นท่าทีลำบากใจของเทียนหลางก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นอย่างเข้าใจว่า
“ผมเข้าใจดีว่าการรักษาประธานหลินคงจะเป็นการยาก ถ้าหากว่าใช้เวลานานหลายปีผมก็เข้าใจ”
เทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็มองเลขาเว่ยแบบแปลกๆก่อนจะชูสองนิ้วขึ้นมา เลขาเว่ยได้เห็นแบบนั้นก็แปลกใจก่อนจะถามกลับว่า
“ต้องใช้เวลาสองปีเลยเหรอครับ ?”
เทียนหลางส่ายหน้าเลขาเว่ยจึงถามต่อ
“สองเดือน ?”
เทียนหลางก็ส่ายหน้าอีกพร้อมกับตอบกลับไปว่า
“สองชั่วโมง !!”
เลขาเว่ยที่ได้ยินก็ถึงกับตกตะลึงก่อนจะถามออกมาด้วยน้ำเสียงสงสัยว่า
“จริงงั้นเหรอครับ ? แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงแม้แต่การแพทย์ที่ยอดเยี่ยมและหมอที่เก่งที่สุดในเมืองก็ยังบอกว่าอาการเป็นตายเท่ากัน แต่คุณมาบอกว่ารักษาท่านประธานได้ในเวลาสองชั่วโมงจะให้ผมเชื่อได้ยังไง !!”
เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอกว่า
“การรักษาของผมนั้นมันอยู่นอกเหนือขอบเขตของการแพทย์ เอาเป็นว่าคุณเลขาเว่ยรอดูอยู่เฉยๆก็แล้วกันนะครับ เดียวผมจะจัดการทุกอย่างเอง”
“เอาอย่างงั้นก็ได้ครับ”
เทียนหลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะขอให้ซูหลินคอยดูแลหลินเสวี่ยเอาไว้ จากนั้นก็บอกให้เลขาเว่ยช่วยถอดเสื้อของหลินตงไห่ออก
เมื่อถอดเสื้อของหลินตงไห่ออกเทียนหลางก็พบเห็นรอยเย็บมากมายบนร่างกายของหลินตงไห่ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
“หมอที่นี่ดูท่าจะหนักมือไม่น้อยเลย”
จากนั้นเทียนหลางก็หยิบกล่องเข็มเงินออกมาและปักไปที่ร่างกายของหลินตงไห่ พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“นี่ผมรักษาคุณเป็นรอบที่สองแล้ว ถ้าคุณไม่ยกลูกสาวคุณให้ผมละก็คงตอบแทนผมไม่หมดแน่ๆ”
เทียนหลางฝังเข็มพร้อมกับถ่ายเทปราณของตัวเองเข้าไปในร่างกายของหลินตงไห่ จากนั้นก็บังคับให้มันเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บภายในของเขา เนื่องจากหลินตงไห่บาดเจ็บค่อนข้างหนักแต่ถึงอย่างงั้นก็ยังคงเบากว่าคราวที่แล้วดังนั้นเทียนหลางจึงไม่ได้ทำอะไรมากนักเพียงแค่ปล่อยให้ปราณของเขารักษาหลินตงไห่อย่างช้าๆเพียงเท่านั้น
ด้วยระดับการบ่มเพาะของเทียนหลางในตอนนี้หรือเม็ดยา โอสถจำนวนมหาศาลภายในแหวนของเขา เขาสามารถจะรักษาหลินตงไห่ให้หายดีได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที แต่การที่เทียนหลางจำเป็นจะต้องปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปถึงชั่วโมงนั้นเพราะไม่อยากจะให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่จนเกินไปจุดประสงค์หลักของการมาครั้งนี้ก็คือการรักษาชีวิตพ่อตาของเขา ไม่ใช่การหาชื่อเสียงดังนั้นการทำให้มันเป็นเรื่องจึงไม่ใช่ความคิดที่เข้าท่าสักเท่าไหร่
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงเทียนหลางก็ดึงเข็มเงินบนร่างกายของหลินตงไห่ออก ก่อนจะกล่าวกับเลขาเว่ยว่า
“การรักษาเสร็จแล้ว พรุ่งนี้เขาก็คงจะตื่นแต่ร่างกายของเขายังอ่อนแออยู่อาจจะต้องพักฟื้นสักสีห้าวัน”
เลขาเว่ยตกตะลึงก่อนจะมองเทียนหลางอย่างเชื่อเพราะมันเกินกว่าสามัญสำนึกของมนุษย์จะเข้าใจได้แล้ว แม้เขาจะเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้างแต่ก็ไม่เคยเชื่อว่าการที่จู่ๆคนใกล้จะกลับมามีร่างกายแข็งแรงได้ยังไง เรื่องแบบนี้มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว เทียนหลางที่เห็นท่าทีของเลขาเว่ยก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ถ้าคุณไม่เชื่อก็สามารถพาหมอมาตรวจเช็คดูได้”
เลขาเว่ยได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพื่อเรียกหมอให้มาตรวจดูอาการของหลินตงไห่ เทียนหลางที่เห็นเลขาเว่ยออกไปก็หันมาคุยกับหลินเสวี่ยและซูหลิน
“ฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่านะ”
หลินเสวี่ยที่ได้ยินแบบนั้นก็แปลกใจก่อนจะถามว่า
“นายจะกลับแล้วเหรอ ?”
เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“พ่อของเธอพึ่งหาย เธอควรจะอยู่ดูแลเขาเอาเป็นว่าเดียวพรุ่งนี้ฉันจะไปเยี่ยมที่บ้านก็แล้วกัน”
หลินเสวี่ยได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าพร้อมกับกล่าวขอบคุณเขา เทียนหลางยิ้มพร้อมกับลูบหัวหลินเสวี่ยก่อนจะเดินออกจากห้องไป