อาณาจักรหนานหยาน ห้องใต้หลังคาในบ้านแห่งนึง
หญิงสาวในชุดคลุมสีม่วงและมีผ้าคลุมหน้าสีม่วงได้ยืนอยู่ตรงขอบหน้าต่างห้องใต้หลังคา
“เป็นอย่างที่คุณหนูบอกเลยเพคะ ลู่เฟิง ชนะศึก!”ด้านหลังของเธอสาวใช้หน้าตาดีคนนึงได้เดินเข้ามา
พวกเธอก็คือแม่ค้าของเมืองงูหยกทางตอนใต้
หญิงสาวในชุดคลุมสีม่วงได้ตอบกลับ”ก็คงจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!”
“แล้วพวกเราจะไปพบกับลู่เฟิงตอนไหนหรือเพคะ?”
“ยังไม่ต้องรีบร้อน ปัญหาของเขายังไม่จบ!”
หญิงสาวในชุดคลุมสีม่วงได้มองออกไปนอกหน้าต่างซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของพระราชวัง”โลกนี้ไม่ได้แก้ไขจัดการง่ายดายปานนั้น!”
วันรุ่งขึ้น เจี๋ยสวี่ ที่รับคำสั่งของ ลู่เฟิง เขาได้พากลุ่มตัวแทนที่พากลับมาจากมณฑลจงซานไปที่ห้องศึกษาของจักรพรรดิ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ทุกคน เจี๋ยสวี่ ได้เลือกตัวแทนสามคนออกมา
“ถวายบังคมฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”พวกเขาทั้งสามเมื่อเห็นลู่เฟิงพวกเขาทั้งหมดได้รีบคุกเข่าลงบนพื้นทันที
ลู่เฟิงมองไปที่ทั้งสามคนและตอบกลับ”หึ่ม ยาวใดที่ข้าเห็นหน้าพวกเจ้า ข้าก็รู้สึกเจ็บใจให้กับเหล่าพี่น้องที่ตกตายในสนามรบ ยามประเทศเกิดเภทภัย พวกเจ้ากลับรักตัวกลัวตายเป็นห่วงแต่ครอบครัวตัวเอง พวกเจ้ายังกล้าเรียกตนเองว่าเป็นคนของอาณาจักรหนานหยานหรือไม่?”
พวกเขาทั้งสามคนล้วนตัวสั่นเมื่อเจอคำถามแรง ๆ จาก ลู่เฟิง
“หึ่ม ยิ่งคิดข้าก็ยิ่งไม่อาจให้อภัยได้…เจี๋ยสวี่!”
“สั่งให้ จินยี่เหว่ย ทำลายครอบครัวของพวกเขาและหาตัวแทนใหม่มาอีกสามคน ข้าไม่อาจทนเห็นตัวอัปยศของอาณาจักรพวกนี้ได้!”ลู่เฟิงได้ตอบกลับ
“ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการทันที!”เจี๋ยสวี่ เตรียมจะออกไป
แต่ทั้งสามคนรีบหมอบกราบและตะโกนขึ้นทันที”ฝ่าบาท โปรดเมตตา พวกเรารู้ตัวว่าตัวเองผิด และไม่กล้าที่จะเพิกเฉยแบบนี้อีกแล้ว ได้โปรดเมตตาครอบครัวพวกเรา!”
ลู่เฟิง มองไปที่ทั้งสามคนและกล่าวถาม”เจ้าคิดว่าข้าจะหลงเชื่อคำพูดที่ออกมาจากปากของพวกเจ้าง่าย ๆ ?”
ทั้งสามคนหน้าซีดไม่กล้าตอบ
ลู่เฟิงได้กล่าวถามอีกครั้ง”ก็ได้ ข้าเองก็คงพูดไร้สาระมากเกินไป ข้าจะให้ทางเลือกแก่พวกเจ้าทั้งหมดสองทาง หนึ่ง ส่งมอบอำนาจการควบคุมทหารส่วนตัวของพวกเจ้า และ จากนี้ต่อไปครอบครัวของพวกเจ้าจะไม่มีทหารส่วนตัว รับรองว่าครอบครัวของพวกเจ้าจะพัฒนาได้ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน และ สอง ข้าจะทำลายครอบครัวของพวกเจ้าให้หายไปจากโลกนี้ เอาล่ะ ข้าให้เวลาพวกเจ้าครึ่งชั่วโมง เจ้าจะเลือกทางไหน?”
ทหารส่วนตัวคือตัวแทนอำนาจของตระกูล!
แม้ว่าจะมีตระกูลขุนนางมากมายในมณฑลจงซาน แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีอำนาจมากมายในอาณาจักรหนานหยาน ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังมีทหารส่วนตัวขั้นต่ำหลายร้อยหรือมากกว่าหลายหมื่นคน
ลองคิดดูว่าหากพวกเขาสูญเสียทหารส่วนตัวออกไป อำนาจของตระกูลจะยังคงมีอยู่งั้นหรือ!
ลู่เฟิง ต้องการควบคุมอาณาจักรโดยสมบูรณ์ดังนั้นเขาจึงไม่อนุญาติให้ตระกูลเหล่านี้มีทหารส่วนตัว
หากใครกล้าเขาก็จะกำจัดถอนรากถอนโคนออกไป
บางทีนี่อาจจะโหดร้ายไปหน่อย แต่ลู่เฟิง ไม่สนใจมัน เขาแค่ต้องการแสดงอำนาจให้ตระกูลเหล่านี้เห็น
เมื่อทั้งสามคนได้ยินพวกเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น
พวกเขาอยากจะเลือกตัวเลือกแรก แม้ว่าครอบครัวของพวกเขาจะได้รับการพัฒนาขยายอำนาจ แต่หากไม่มีทหารส่วนตัวพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดา
แต่ถ้าไม่เลือกตัวเลือกแรกผลลัพธ์ก็คือครอบครัวของพวกเขาถูกทำลาย
ถ้าเป็นจักรพรรดิองค์ก่อน พวกเขาคงคิดว่านี่ก็แค่การขู่ แต่จักรพรรดิองค์ใหม่นี้ ไม่พูดล้อเล่นอย่างแน่นอน เพราะเขาสัมผัสมันด้วยตาของตนเองในมณฑลจงซาน
ครึ่งชั่วโมงได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าจะเลือกอะไร?”ลู่เฟิง กล่าวถาม
“ฝ่าบาท…พวกเรายินดีมอบทหารส่วนตัวและจะไม่จัดตั้งกองทัพขึ้นอีกต่อไป!”ทั้งสามคนได้ยิ้มอย่างขมขื่น
การที่พวกเขาพูดแบบนี้ ก็หมายความว่าพวกเขายอมจำนนต่ออำนาจของจักรพรรดิ และ ทำได้เพียงแค่เชื่อฟังคำสั่งของจักรพรรดิเท่านั้น
ลู่เฟิงยิ้มจาง ๆ และตอบกลับ”พวกเจ้าเลือกได้ดีมาก วันหนึ่งพวกเจ้าจะไม่คิดเสียใจกับตัวเลือกนี้!”
เลือกได้ดี ? ทหารส่วนตัวของตระกูลหายไป เขาจะไม่คิดเสียได้อย่างไร?
ทั้งสามคนได้ยิ้มเยาะเย้ย แต่ไม่มีใครกล่าพูดออกมา
หลังจากพูดคุยกับทั้งสามคนเสร็จ ลู่เฟิง ก็ขอให้ทั้งสามคนกลับไปแจ้งตระกูลอื่น ๆ ในมณฑลจงซาน
หลังจาก ตระกูลเหล่านี้ได้รับข่าว ตระกูลส่วนใหญ่ได้เลือกทางเลือกเดียวกับทั้งสามคน มีเพียงสองตระกูลที่คิดว่า ตนเองมีผู้เชี่ยวชาญมากพอและกล้าที่จะต่อต้านลู่เฟิง
จากนั้น…พวกเขาก็ถูกทำลายทั้งหมด!
ข่าวนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาจักรอย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิทรงให้ทางเลือกแก่ตระกูลขุนนางว่าจะส่งมอบทหารส่วนตัวหรือถูกทำลายตระกูล
หลังจากข่าวแพร่ออกไปตระกูลจำนวนมากเลือกที่จะมอบทหารส่วนตัว ลู่เฟิง ขอให้ เจี๋ยสวี่ จดจำตระกูลเหล่านี้ไว้ ทัศนคติของพวกเขาค่อนข้างดี ในอนาคต พวกเขาจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน
สำหรับตระกูลที่เลือกที่จะมอบทหารส่วนตัวนั้นมีเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น แน่นอนว่ายังมีอีกหลายตระกูลที่ไม่ต้องการส่งมอบโดย จะรอดูท่าทีของตระกูลที่ทรงพลังโดยเฉพาะ 5 ตระกูลแรกของอาณาจักร
พวกเขายังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
ไม่กี่วันต่อมา ภายในคฤหาสน์ตระกูลหยาน ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรหนานหยาน บรรดาผู้นำจากตระกูลใหญ่ทั้งห้าเองก้อยู่ที่นี่
พวกเขามีเพียงจุดประสงค์เดียวก็คือการหารือเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับแผน ‘ทรราช’ ของลู่เฟิง
พวกเขาไม่ต้องการมอบทหารส่วนตัวนับประสาอะไรกับการทำลายล้างตระกูล!
“พี่หยาน ท่านนัดพวกเรามาที่นี่มีแผนอะไรงั้นหรือ?”
ในห้องโถงของคฤหาสน์ตระกูลหยาน ชายชราทั้งห้าคนได้นั่งอยู่ที่นี่
ชายชราผมหงอกคนนึงได้นั่งอยู่ที่เบาะหลักเขาก็คือ หยานจือยี่ ผู้นำตระกูล หยาน คนปัจจุบัน!
เขาเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของความมั่งคั่ง!
หยานจือยี่ ได้ครุ่นคิดและตอบกลับ”พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องกังวล ทหารส่วนตัวที่พวกเราทั้งห้าตระกูลใหญ่มีครอบครองมีมากกว่า 600,000 นาย ด้วยกำลังเท่านี้ ข้าไม่เชื่อว่า ลู่เฟิง จะกล้าระดมกองทัพมาต่อสู้กับพวกเรา อาณาจักรหนานหยาน ในปัจจุบัน ไม่สามารถทำสงครามขนาดใหญ่ได้!”
“ตราบใดที่พวกเราทั้งห้าร่วมมือกัน ลู่เฟิง ก็คงไม่กล้าที่จะทำอะไรอย่างแน่นอน โดยเฉพาะตระกูลขุนนางคนอื่น ๆ ถ้าพวกเขาเห็นพวกเราร่วมมือกัน พวกเขาก็จะส่งกำลังคนมาเพิ่มและสนับสนุนพวกเรา!”
“ด้วยทหารจำนวนชั้นยอดจากหลายตระกูลมารวมตัวกัน แม้จะเป็น ลู่เฟิง ก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ ข้าจะทำให้ มันรับรู้ถึงความเจ็บปวด ที่กล้าท้าทายพวกเรา!”
“โอ้ว,บรรดาตาเฒ่า นั่งจบมือคุยกันงั้นหรือนี่?”
ทันทีที่คำพูดของ หยานจือยี่ พูดจบ เสียงปรบมือและคำชมก็ได้ดังออกมาจากนอกห้องโถง
“ใคร?”การแสดงออกของ หยานจือยี่ ได้เปลี่ยนไปเขาได้ตะโกนออกมา
นอกห้องโถงมีคนแปดคนเดินเข้ามา
ด้านหน้า เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม เขาอายุประมาณ 16 หรือ 17 ปี ด้านหลังตามมาด้วย ชายวัยกลางคนสูงแปดฟุต ใบหน้าเคร่งขรึม
ทั้งยังมี กลุ่มชายหญิงอีก 6 คนติดตามมาด้วย
แต่ละคนได้ปลดปล่อยกลิ่นอายสังหารที่น่าสะพรึงออกมา
“ลู่เฟิง!”
หยานจือยี่ ได้จ้องมองไปที่ ลู่เฟิง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมากและกล่าวถาม”เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ทำไมไม่มีใครมาแจ้งข่าวให้ข้ารู้”