บทที่ 163 แผนสำเร็จ

วันถัดมา

เหลยหมิงเดินทางมาที่เป่าชิงเก๋อ ชายหนุ่มเดินตรงไปหาเว่ยฉิงและตบไหล่เขาเบา ๆ

“หัวหน้าเว่ย ข้าขอขอโทษท่านด้วย …เจ้าเด็กบ้านั่น พักหลังเขาดูแปลก ๆ ไป”

“เหลยหมิง…เกิดอะไรขึ้นกับเหลยเป้าหรือ? เมื่อวานเขาพุ่งมาหาข้าถึงร้านท้าตีท้าต่อยกับข้า พูดเรื่องไร้สาระที่ข้าก็ตอบไม่ได้ พวกเราเป็นพี่เป็นน้องที่ดีต่อกันมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ข้าไม่เข้าใจเขาเลย” เว่ยฉิงมองไปเหลยหมิงอย่างงุนงน

เหลยหมิงถอนหายใจ ความจริงแล้วเรื่องนี้ก็ถึงกับทำให้เขาปวดหัวเช่นกัน เมื่อวานนี้หลังจากที่เหลยเป้ากลับไปที่จวนสกุลเซี่ย เขาก็ประกาศว่าตัดความสัมพันธ์กับเว่ยฉิงแล้ว รวมไปถึงด่าทอเว่ยฉิงว่าไม่ใช่มนุษย์

เหลยหมิงเกลี้ยกล่อมน้องชายเป็นเวลานาน บอกว่าหัวหน้าเว่ยไม่มีทางเป็นแบบนั้น ทว่าเหลยเป้าไม่ได้ฟังคำพูดของพี่ชายเลย ซ้ำยังกล่าวอีกว่าหากพูดถึงเว่ยฉิงอีกครั้ง ก็จะตัดพี่ตัดน้องกับเขาเสีย

เหลยเป้ารั้นจนไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น

“เขาเสียสติไปแล้ว ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอย่าได้ใส่ใจมัน” เหลยหมิงกล่าวกับเว่ยฉิงสั้น ๆ

“พี่เหลยหมิงเข้าไปด้านในก่อนเถิด ข้าจะชงชาให้” ถังหลี่กล่าว

ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมเว่ยฉิง เมื่อทั้งคู่นั่งลงเหลยหมิงพูดขึ้นทันที

“ข้ารู้สึกมีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับเซี่ยฟางเฟย” การที่พฤติกรรมของเหลยเป้าเปลี่ยนไปนั้นทำให้เขารู้ว่าน้องชายน่าจะโดนสตรีผู้นั้นปั่นหัวมาแน่นอน

“เพราะเรื่องโจร นายท่านเซี่ยจึงห่วงความปลอดภัยของคุณหนูเซี่ยมาก พวกข้าสองพี่น้องจึงมีหน้าที่อารักขานาง เมื่อนางขยับตัวทำอะไรก็มักจะเรียกเหลยเป้าเข้าไปพูดคุยด้วยเสมอ ต้องเป็นนางที่ปั่นหัวเขาแน่ ข้าเคยถามเหลยเป้าเรื่องนี้ แต่เขาไม่ยอมบอกอะไรข้า ตอนนี้เหลยเป้าเชื่อนางหมดใจ ไม่ว่านางพูดอะไรเขาก็เชื่อ” เหลยหมิงกล่าว

เขากับน้องชายเติบโตมาด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกันอย่างแน่นแฟ้น เมื่อก่อนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรเหลยเป้าก็เชื่อตนเองมาตลอด หากแต่ตอนนี้เขากลับเชื่อที่เซี่ยฟางเฟยพูดเป่าหูไปเสียทุกเรื่อง หากนางไม่มีเจตนาร้ายก็ดีไป แต่นี่มองอย่างไรก็ดูไม่เห็นความหวังดีเอาเสียเลย

ตอนนี้เหลยเป้าถูกนางปั่นหัวเรื่องเว่ยฉิง ต่อไปก็อาจจะปั่นหัวเรื่องของเหลยหมิงก็ได้ ทั้งหมดเป็นเรื่องที่นางวางแผนเอาไว้

“เป็นผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว!” เว่ยฉิงหน้ามืดครึ้ม

“หัวหน้าเว่ยข้าต้องขอโทษท่านอีกครั้ง ข้าจะกลับไปเรียกสติและสั่งสอนเขา ท่านกับพวกข้ายังเป็นพี่น้องกันเช่นเดิม” เหลยหมิงกล่าว

“หากมีอะไรเจ้ามาหาข้าได้เสมอ” เว่ยฉิงพยักหน้า

“อืม ข้าต้องกลับไปทำงานแล้ว ดังนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ”

หลังจากที่เหลยหมิงพูดจบเขาก็หันหลังเดินกลับ สวนกับถังหลี่ที่เดินมาพร้อมน้ำชา

“ฮูหยินข้าคงอยู่ดื่มชาไม่ได้ ต้องรีบกลับไปทำงานแล้ว”

“ไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้านะพี่เหลยหมิง”

ถังหลี่ยกน้ำชามานั่งฝั่งตรงข้ามของเว่ยฉิง ก่อนจะยกน้ำชาให้แต่สามี ชายหนุ่มเริ่มบอกเล่าเรื่องราวที่เหลยหมิงพูดไว้ก่อนหน้านี้ หลังจากฟังจบหญิงสาวเพียงขมวดคิ้วเท่านั้น นางไม่มีท่าทีแปลกใจอะไร เพราะอันที่จริงแล้วเดาจากคำพูดของเหลยเป้าเมื่อวานก็พอจะเดาออกได้

“เหลยเป้าถูกหลอก ข้าอยากจะกระชากหนังหน้าเซี่ยฟางเฟยจริง ๆ เผื่อเหลยเป้าจะเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของนางบ้าง” เว่ยฉิงพูดอย่างอาฆาต ถังหลี่นั่งลงแล้วตบหลังปลอบใจเขาเบา ๆ

เว่ยฉิงเหยียดแขนออกไปโอบไหล่ของถังหลี่ไว้ก่อนจะรั้งนางเข้ามาในอ้อมกอดของเขา เพื่อจัดการกับเซี่ยฟางเฟยถังหลี่คงต้องใช้วิธีนั้นจริง ๆ แต่ทว่าผู้ชายส่วนใหญ่มักจะหลงสเน่ห์นาง แล้วใครเล่าถึงจะจัดการกับนางได้?

“สามี ข่าวลือที่ข้าให้เจ้าปล่อยเมื่อวานเป็นอย่างไรบ้าง?” ถังหลี่ถาม

เมื่อวานนี้ถังหลี่ขอให้เว่ยฉิงช่วยปล่อยข่าวลือใหม่ของเซี่ยฟางเฟย โดยมีเนื้อหาว่าคุณหนูเซี่ยหลังจากที่เข้าหอกับโจรผู้นั้นผ่านมาหนึ่งร้อยวัน นางก็มีใจให้กับโจรผู้นั้น ข่าวลือนี้อ้างอิงมาจากเรื่องราวอันหอมหวานของเซี่ยฟางเฟยและโจรก่อนหน้านี้ และถูกแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้คนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ซึ่งตรงข้ามกับเรื่องของเว่ยฉิงอย่างสิ้นเชิง แต่เหตุการณ์ระหว่างเหลยเป้าและเว่ยฉิงนั้นมีมูล ทำให้คนเชื่อเรื่องข่าวลือจากเซี่ยฟางเฟยมากกว่า

เว่ยฉิงบอกถังหลี่เกี่ยวกับเรื่องที่เขารู้ หญิงสาวลูบคางตัวเองอย่างครุ่นคิด

“ฮูหยิน ทุกคนไม่เชื่อเรื่องนี้หรอก พวกเขาแค่นินทากันอย่างสนุกปากเท่านั้น” เว่ยฉิงกล่าว

“แต่ยังมีคนเชื่อ” ถังหลี่พูดอย่างมั่นใจ

“ใครหรือ?” เว่ยฉิงสงสัย

“โจร”

เว่ยฉิงประหลาดใจ??

หากจับโจรคนนั้นได้ เว่ยฉิงคือผู้บริสุทธิ์ แต่ทว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเซี่ยฟางเฟย ลุงของนางจึงไม่รายงานเรื่องนี้กับทางการตั้งแต่ครั้งแรก พอมีข่าวลือกระจายออกไป เจ้าหน้าที่จึงเข้ามาสอบถามนางโดยตรง แต่หญิงสาวเอาแต่นิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้จึงไม่สามารถหาเบาะแสที่จะจับโจรผู้นั้นได้

แต่ถ้าโจรลักลอบเข้าไป…

“โจรผู้นี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนาง หากเขาได้ยินข่าวลือนี้ เขาอาจจะเชื่อจนถึงกับออกตามหานางก็เป็นได้” ถังหลี่หรี่ตาลง

“ไม่ช้าเรื่องน่าขันจะเกิดขึ้นเองขึ้น”

สวรรค์รู้ว่าเจ้าทำอะไรไว้เซี่ยฟางเฟย คิดหรือว่าตนเองจะไม่ได้รับผลกรรมที่ก่อ?

“เช่นนั้นข้าจะกำชับให้เหลยหมิงคอยสังเกต” เว่ยฉิงพยักหน้า

“ฉลาด” ถังหลี่จูบที่แก้มของเว่ยฉิง

แต่ประเด็นสำคัญคือ โจรนั้นยากที่จะบุกเข้าจวนสกุลเซี่ย ดังนั้นพวกเขาจำต้องคอยเฝ้าดูตอนที่เซี่ยฟางเฟยออกไปข้างนอก ช่วงนี้เหลยหมิงและเหลยเป้าทำหน้าที่อารักขานางอยู่ หากหญิงสาวออกไปนอกจวนเขาทั้งสองย่อมต้องตามไปด้วย

ดูเหมือนว่าสามีของนางจะเริ่มคิดอ่านตามทันแล้ว แต่จิตใจกลับไม่ซับซ้อนมากนัก ถังหลี่ไม่แน่ใจว่าแผนการจะได้ผลหรือไม่? ก็ต้องวัดดูว่าเซี่ยฟางเฟยมีสเน่ห์ดึงดูดโจรได้มากน้อยเพียงใด หากรอบนี้ไม่ได้ผลคงต้องใช้วิธีอื่น

แต่ก็ดูเหมือนว่าโชคดีจะยังเข้าข้างถังหลี่อยู่

หลังจากที่โจรผู้นี้สร้างมลทินให้คุณหนูเซี่ยแล้ว มันก็หนีไปซ่อนตัวเพราะกลัวคนสกุลเซี่ยจะกลับมาล้างแค้น แต่หลังจากที่กบดานอยู่ที่ฝั่งตะวันออกเป็นเวลาหลายสิบวัน เขาก็โล่งใจเมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนมาตามจับกุมเขา

ในไม่ช้าโจรก็ได้ยินข่าวลือ…

ข่าวลือที่ว่าเซี่ยฟางเฟยชอบพอในตัวเขา คิดถึงเขาทั้งกลางวันกลางคืน จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ยามที่ทั้งสองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดถึงขั้นเนื้อแนบเนื้อ เซี่ยฟางเฟยก็ดูจะสนุกสนานชื่นชอบดี

เป็นไปได้หรือไม่ว่าคุณหนูเซี่ยจะชอบเขาจริง ๆ?

ยิ่งโจรครุ่นคิดมากเท่าไร ก็ยิ่งเห็นโอกาสมากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ เซี่ยฟางเฟยนั้นแตกต่างจากหญิงสาวในซ่องโคมเขียวทั่วไป นางเป็นหญิงสาวที่งดงาม ผิวของเซี่ยฟางเฟยบอบบางขาวเนียนละเอียด ทำให้นางมีสเน่ห์มาก ที่สุดแล้วตัณหาก็เป็นฝ่ายชนะ โจรผู้นี้แอบลอบเข้าหาเซี่ยฟางเฟยทันที

โจรผู้นี้เคยชินกับการซุ่มแอบลักเล็กขโมยน้อย เขารอบคอบมากไม่ได้บุกเข้าไปที่จวนสกุลเซี่ยโดยตรง แต่กลับนั่งซุกแอบอยู่บริเวณนอกจวนสกุลเซี่ยอย่างลับ ๆ

เขาเฝ้ารออยู่นอกจวนเป็นเวลาห้าหกวัน เพื่อรอให้เซี่ยฟางเฟยออกไปข้างนอก

เซี่ยฟางเฟยเองก็เริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย หลังจากที่นางเอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในจวนเพราะข่าวลือที่แพร่กระจาย หญิงสาวคิดว่าตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาที่การแสดงของนางควรสิ้นสุดลงได้แล้ว คุณหนูเซี่ยจึงออกไปเที่ยวนอกจวนด้วยชุดของบุรุษ โดยมีตงเสวี่ย เหลยหมิงและเหลยเป้าติดตามออกไป

คุณหนูเซี่ยไม่ได้ออกจากจวนเป็นเวลานาน ทำให้นางเดินเข้าออกหลายร้าน ทั้งร้านเครื่องประดับ ทั้งร้านเสื้อผ้า… ตอนนี้นางเดินเข้ามาในร้านขายเสื้อ หยิบชุดออกมาจากราวแขวน ก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องด้านในเพื่อลองสวมใส่

ทันทีที่นางเข้าไปในห้องลองเสื้อ ก็มีมือมาปิดปากของเซี่ยฟางเฟยไว้พร้อมกอดรัดนางเอาไว้แน่น

“อ๊ะ!” เซี่ยฟางเฟยตกใจมาก เตรียมจะร้องขอความช่วยเหลือแต่มือข้างนั้นกลับปิดปากนางเอาไว้แน่น

“เฟยเฟย ข้าเองจ้าวลิ่วไง อย่าตะโกน แล้วข้าจะปล่อยเจ้า” จ้าวลิ่วกระซิบ หญิงสาวผงกหัวรับถี่ ๆ

“เฟยเฟย ข้ารู้ว่าเจ้าคิดถึงข้า ข้าเองก็คิดถึงเจ้าแทบตาย” ในขณะที่พูดฝ่ามือของจ้าวลิ่วก็สอดเข้าไปในเสื้อของเซี่ยฟางเฟยอย่างกระหาย !