ตอนที่ 279 ตบหน้าครั้งที่ห้า (1)
หลังที่โค้งโก่งของเคอฉังจวีก้มลงมองเด็กสองคนที่นอนอยู่บนพื้น ริมฝีปากสีม่วงเข้มของเขาโค้งขึ้นอย่างอันตราย มือทั้งสองข้างของเขาขยับเล็กน้อยในความมืดมิด จากนั้นโซ่ตรวนขนาดใหญ่ที่รัดอยู่รอบเอวของเขาก็หลุดลงมา มือที่มีแต่หนังเหี่ยวย่นจับโซ่นั้นมัดไปที่ร่างของเฉียวฉู่และจวินอู๋เสียที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นแน่น ก่อนจะลากร่างของทั้งสองคนลงไปยังห้องลับที่อยู่ใต้ดินของเขาทั้งสภาพนั้น
หลังจากที่เขาจากไป เจ้าแมวดำตัวน้อยที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังโหลยาบนแท่นสูงก็กระโดดลงมาบนพื้น ลอบตามหลังพวกเขาไปด้วยฝีเท้าคล่องแคล่ว ร่างเล็กกะทัดรัดและปราดเปรียวของมันผสานไปกับความมืดมิด มันรีบวิ่งเข้าไปในปากทางเข้าห้องใต้ดินซึ่งถูกเปิดค้างไว้อย่างเงียบๆ ทันที
ภายในห้องใต้ดิน กลิ่นเลือดและกลิ่นน้ำหนองน่าสะอิดสะเอียนกับกลิ่นยานับไม่ถ้วนที่เหม็นเน่าลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ พาให้จมูกของผู้ที่ได้สูดดมแสบร้อนไปหมด
เสียงกระดิ่งทองแดงโบราณที่เคอฉังจวีห้อยติดตัวไปด้วยทุกที่ สั่นและส่งเสียงใสออกมาทุกครั้งที่เขาก้าวเดิน ศิษย์สองคนของยอดเขาเร้นเมฆาพี่กำลังสาละวนจัดการเก็บกวาดสิ่งต่างๆ ในห้องใต้ดินอยู่ เมื่อเห็นการมาถึงของเคอฉังจวีพวกเขาก็รีบหยุดมือแล้วรีบปรี่เข้าไปก้มหัวทำความเคารพชายชราอย่างนอบน้อม
“ท่านอาจารย์” ศิษย์ทั้งสองคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพ
เคอฉังจวีคลายโซ่ที่รัดร่างของจวินอู๋เสียกับเฉียวฉู่ออก และหันไปพูดกับศิษย์ทั้งสองคนว่า “ยกพวกมันทั้งสองคนขึ้นไป”
“ขอรับ”
ศิษย์ทั้งสองคนที่มองภาพฉากตรงหน้าจนชินตาไปแล้ว ไม่รอช้ายกร่างของจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ขึ้นไปวางบนแท่นไม้ยาวที่เหมือนกับเตียงผ่าตัดคนไข้ทันที
เสียงหล่นหนักๆ ดังขึ้นสองครั้งติด ร่างของจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ก็ถูกโยนขึ้นไปบนแท่นไม้พร้อมชำแหละ
“ทำความสะอาดพวกมันให้เรียบร้อย พอดีเลย วันนี้ข้ามียาพิษตัวใหม่จะใช้ทดลองกับพวกมันพอดี” เคอฉังจวีหัวเราะอย่างน่าขนลุก และเดินมุ่งไปยังส่วนลึกของห้องใต้ดิน
ภายในห้องใต้ดินที่มืดมิด มีเพียงแสงไฟริบหรี่คอยส่องนำทาง ชายหนุ่มรูปงามที่ถูกแขวนให้ลอยอยู่กลางอากาศมีใบหน้าซีดเซียว เขาทิ้งร่างของตัวเองไว้บนตะปูเหล็กขนาดใหญ่อย่างเงียบๆ ดูคล้ายกับคนที่เสียชีวิตไปแล้ว
เคอฉังจวีตักน้ำจากถังไม้ที่ตั้งอยู่ด้านข้างแล้วสาดไปที่ร่างของชายหนุ่มที่หมดสติคนนั้นเต็มแรง
น้ำที่เย็นจัดปลุกให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นจากอาการง่วงนอน เขายกศีรษะขึ้นช้าๆ ดวงตาที่หรี่ลงเผยให้เห็นร่องรอยของความเกลียดแค้นชิงชัง ไฝเล็กๆ ใต้ตาของเขายังคงดึงดูดสายตาไม่เปลี่ยน
“ยังกระปรี้กระเปร่าดีอยู่สินะ ยอดเยี่ยมมาก วันนี้เรามาเปลี่ยนวิธีเล่นกันเถอะ” เคอฉังจวียิ้มร้าย เขาหยิบเอาต้นหวายซึ่งหนาประมาณนิ้วมือออกมาจากถังไม้ซึ่งบรรจุของเหลวสีดำส่งกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียน หวายที่เปลี่ยนเป็นสีดำจากการถูกแช่อยู่ในของเหลวเป็นเวลานาน มองไม่เห็นสีที่แท้จริงของมันอีกต่อไปแล้ว หนามคมขนาดเล็กที่ขึ้นอยู่ทั่วลำ ทำให้ผู้คนตัวสั่นกลัว
เด็กหนุ่มคนนี้ เป็นศิษย์ที่เขาคัดเลือกมาเข้ายอดเขาเร้นเมฆาเมื่อเดือนที่แล้ว และก็เป็นคนสุดท้ายในกลุ่มศิษย์รอบที่แล้วที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะเด็กคนอื่นๆ ตอนนี้ได้ตายไปจนหมดแล้ว แต่พลังชีวิตของเด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปมาก ทั้งที่ถูกทรมานอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งเดือน เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหมดลม
ต้นหวายที่ถูกเคลือบด้วยยาพิษฟาดลงไปที่ร่างของเด็กหนุ่มอย่างรุนแรง ทุกๆ ครั้งที่มันกระทบกับผิวเนื้อของเขา ผิวกายที่ขาวผ่องก็จะถูกกัดเซาะด้วยพิษร้ายจนมีเลือดไหลซึมออกมา หนามขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนบนตัวหวาย จะขูดเอาชิ้นเนื้อและสร้างความเจ็บปวดให้แก่เขาอย่างมหาศาล จะเห็นได้ว่าบนบาดแผลที่ถูกหวายพิษฟาดลงไป เนื้อจะบุ๋มเข้าไปและเปลี่ยนจากสีแดงสดเป็นสีม่วงเข้มในชั่วพริบตา
“นี่คือต้นหวายพิษที่มีเฉพาะในเขตภูเขาตงหลิงเท่านั้น ข้าได้รวบรวมพวกมันมาอย่างยากลำบากและนำพวกมันมาแช่ไว้ในน้ำนมของต้นข้าวหัวใจอ่อน แม้ว่าหนามของต้นหวายพิษนี้จะคมมาก แต่มันก็เปราะบางมากเช่นกัน และพวกมันมักจะหลุดออกมาจากลำต้นทุกครั้งสองหรือสามชิ้นหากไม่ระวัง แต่หลังจากผ่านการนำมาแช่ในน้ำนมของต้นข้าวหัวใจอ่อนแล้ว จะพบว่าไม่เพียงแต่พวกมันจะเกาะติดกับลำต้นมั่นคงมากยิ่งขึ้น พิษร้ายที่ปลายหนามยังจะแข็งแกร่งมากขึ้นอีกด้วย ฤทธิ์ของพิษนี้จะไม่ทำให้คนที่ถูกพิษตายทันที แต่มันจะทำให้คนผู้นั้นรู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีมดนับล้านตัวคอยกัดกินร่าง ฮวาเหยาเอ๋ย สิ่งที่อาจารย์สอนเจ้าในวันนี้ เจ้าจำได้หมดแล้วใช่หรือไม่” ในขณะที่มือของเขายังคงฟาดหวายอย่างบ้าคลั่งต่อไป ปากของเขาก็เอ่ยสั่งสอนชายหนุ่มที่ห้อยอยู่กลางอากาศ น้ำเสียงของเขายิ่งมาก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่ 280 ตบหน้าครั้งที่ห้า (2)
ชายหนุ่มกัดฟันรับหวายที่เฆี่ยนลงมาบนตัวอย่างบ้าคลั่งไม่พูดอะไรสักคำ เขาหลุบตาลง ในดวงตาคู่นั้นไม่ได้มีความหวาดกลัวหรือความตื่นตระหนกให้เห็น มีเพียงความนิ่งสงบราวกับน้ำเย็นจัด
เสียงเฆี่ยนยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและกระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ดังส่งมาถึงห้องข้างๆ ที่ศิษย์ทั้งสองคนกำลังจัดการ ‘ปอก’ ร่างของลูกแกะตัวใหม่ทั้งสองคนที่เคอฉังจวีเพิ่งนำเข้ามาอยู่
“ไอ้เด็กนั่นมันตายยากจริงๆ นานขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมหมดลมไปอีก” ศิษย์คนหนึ่งพูดอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่เขากำลังทำความสะอาดร่างแกะอ้วนตัวใหม่บนแท่นไม้ สิ่งนี้เกิดขึ้นที่นี่เกือบทุกวัน เด็กที่ชื่อฮวาเหยาเป็นเหยื่อรายสุดท้ายในกลุ่มศิษย์รอบที่แล้วที่เคอฉังจวีรับเข้ามา ก่อนหน้านี้ เคอฉังจวีเคยบอกกับพวกเขาว่าจะเล่นกับเขาเพียงแค่สิบวันเท่านั้น แต่นี่ก็เลยระยะเวลาที่คาดการณ์มาถึงห้าวันแล้วยังไม่เห็นว่าจะยอมตายไป เปลี่ยนเป็นคนอื่น คงยอมแพ้และสิ้นใจไปในเวลาไม่เกินสามวัน แต่แม้ว่าจะมีปาฏิหาริย์และคนเหล่านั้นจะรอดมาโดยบังเอิญ แต่พวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงร่างว่างเปล่าที่ถูกควักลูกตา ตัดแขนตัดขาและนำมาแช่ในโอ่งยาพิษ
“เมื่อเช้าข้าเข้าไปดูมาแล้ว รอดได้อีกไม่นานหรอก” ศิษย์อีกคนหนึ่งพูดอย่างไม่แยแสนัก
“ก็นะ ไม่รู้ว่าแกะอ้วนสองตัวนี้จะอยู่ได้กี่วัน สองวัน หรือว่าสามวัน…เจ้าดูไอ้หนูนี่สิ ทั้งๆ ที่ผอมแห้งขนาดนี้แต่กระดูกกลับแข็งแรงไม่เลวเลย” ศิษย์คนนั้นถอดเสื้อผ้าของเฉียวฉู่ออก ภายใต้เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง แผงอกที่ดูแข็งแรงและเรียบเนียนก็เผยสู่สายตา เขาอดไม่ได้ลูบคลำไปที่หน้าอกของเฉียวฉู่อย่างหลงใหล โดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าหลังจากที่เขาสัมผัส ร่างแกะอ้วนที่นอนอยู่ตรงนั้นก็ดูเหมือนจะสั่นเล็กน้อย
ศิษย์อีกคนหนึ่งยกมุมปากขึ้น มองร่างที่ผอมแห้งของแกะอ้วนในฝั่งของตัวเองด้วยสายตารังเกียจเล็กน้อย
“ทางฝั่งของเจ้าข้าไม่รู้หรอก แต่ทางฝั่งข้านี่สิ ไอ้หนูนี่ทนได้ถึงครึ่งวันก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว”
กล่าวจบ ศิษย์คนนั้นก็กำลังจะถอดเสื้อผ้าของจวินอู๋เสียออก แต่แล้วมือของเขาที่ถือมีดอยู่ก็ต้องชะงักค้างไป
มือเล็กของจวินอู๋เสียจับไปที่ข้อมือที่ถือมีดอยู่ของศิษย์คนนั้นเอาไว้แน่น เรี่ยวแรงที่นางใช้นั้นมหาศาลมาก เพียงไม่ถึงครึ่งนาทีมือของศิษย์คนนั้นก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
ศิษย์คนนั้นหยุดนิ่งอยู่กับที่ มองไปยังมือเล็กๆ ที่กุมข้อมือของเขาไว้อย่างแน่นหนาอย่างไม่เชื่อสายตา!
เห็นได้ชัดว่านี่คือมือของเด็กน้อยที่นอนอยู่ตรงหน้าเขา!
“เสี่ยวเฮย” จวินอู๋เสียที่เมื่อหนึ่งวินาทีก่อนหน้านี้ยังคง ‘หมดสติ’ จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา ประกายคมกริบในแววตากวาดไปทั่วห้องรอบหนึ่งก่อนจะออกคำสั่งเสียงเบา ทันใดนั้นเงาร่างของสัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในห้องใต้ดิน!
ศิษย์ทั้งสองคนที่แต่เดิมยังคงผ่อนคลาย เมื่อได้เห็นเจ้าสัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พวกเขาก็อยากจะกรีดร้องแล้ววิ่งหนี แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนอง ร่างขนาดมหึมานั้นก็จับพวกเขาตรึงไว้กับพื้นแน่นด้วยความเร็วที่มองไม่เห็น!
ในห้องใต้ดินนี้ เจ้าสัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ตัวนี้มันโผล่ออกมาจากที่ไหนกัน
ทำไมพวกเขาถึงไม่สังเกตเห็นมันเลยสักนิด!
มือที่ถือมีดอยู่ของศิษย์ทั้งสองคนร่วงลงพื้น เจ้าสัตว์ร้ายสีดำกดร่างของทั้งสองคนไว้ใต้ฝ่าเท้าด้วยอุ้งเท้าทั้งสองข้างของมัน เนื่องจากกรงเล็บแหลมคมจากอุ้งเท้าของเจ้าสัตว์ร้าย จ่อไปที่หลอดเลือดแดงบนลำคอของพวกเขาพอดี พวกเขาจึงไม่กล้าดิ้นขัดขืน เพราะหากพวกเขาเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย พวกเขาก็จะได้ไปพบกับยมบาลในทันที!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไป มันรวดเร็วมากจนพวกเขาไม่มีเวลาได้ตอบสนองเลย
“ลองแหกปากดูสิ ข้าจะให้มันฆ่าพวกเจ้าซะ” น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งดังผ่านเข้ามาในหูศิษย์ทั้งสองคนอย่างชัดเจน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว พร้อมใจกันมองไปยังที่มาของเสียงเป็นตาเดียว
ร่างเล็กลุกขึ้นจากแท่นไม้อย่างไม่รีบร้อน เด็กชายตัวเล็กๆ ที่น่าจะหลับใหลไม่ได้สติอยู่เมื่อสักครู่นี้ มองลงมาที่พวกเขาด้วยสายตาที่หนาวเหน็บลึกไปจนถึงกระดูก