ตอนที่ 141 อำนาจของราชวงศ์

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 141 อำนาจของราชวงศ์
ต่งซื่อทำความเคารพองค์หญิงใหญ่พลางกล่าว “ข้าไปกับท่านแม่ด้วยเจ้าค่ะ!”

บัดนี้พิธีศพของตระกูลไป๋เสร็จสิ้นลงแล้ว ตงซื่อไม่จำเป็นต้องอยู่ดูแลความเรียบร้อยในจวนตลอดเวลา การไปทวงคืนความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋จะขาดนางไปได้อย่างไรกัน

“ข้าจะไปกับองค์หญิงใหญ่และท่านพี่ด้วยขอรับ!” ต่งชิงเยว่กล่าว

“ข้าไปด้วยเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อตะโกนออกมา “ข้าจะไปกับท่านย่าด้วยเจ้าค่ะ!”

ฮูหยินห้าฉีซื่อซึ่งกำลังท้องโตก้าวไปบนบันไดของจวนเจิ้นกั๋วกงโดยมีหมัวมัวข้างกายคอยช่วยประคอง ดวงตาของนางแดงก่ำ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ข้าไปกับท่านแม่ด้วยเจ้าค่ะ ร่างของบุรุษตระกูลไป๋เพิ่งถูกฝังลงดินก็โดนคนจิตใจโหดเหี้ยมใส่ร้ายเช่นนี้ เราจะทนได้อย่างไรเจ้าคะ! สตรีตระกูลไป๋ยอมตายแต่จะไม่ยอมให้ดวงวิญญาณของผู้กล้าถูกใส่ร้ายเด็ดขาดเจ้าค่ะ!”

น้ำเสียงสะอื้นแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นและใจที่แน่วแน่ต้องการทวงคืนความยุติธรรมให้ตระกูลไป๋ของฮูหยินห้าฉีซื่อซึ่งตั้งครรภ์ได้หกเดือนสะเทือนใจของชาวบ้านทุกคน ทุกคนต่างรู้สึกเช่นเดียวกัน

“ใช่ จะปล่อยให้ดวงวิญญาณของผู้กล้าถูกใส่ร้ายมิได้เด็ดขาด!” คนชาวบ้านที่รักความยุติธรรมคนหนึ่งตะโกนออกมา

“ไปทั้งหมดมิได้!” องค์หญิงใหญ่ลูบมือของต่งซื่ออย่างแผ่วเบาพลางกล่าวยับยั้ง “พวกเราไปขอร้องฝ่าบาท มิได้ไปบีบบังคับพระองค์ พวกเจ้ารอข้ากลับมาอยู่ที่จวนนี่แหล่ะ!”

“ในเมื่อท่านย่าไม่ให้พวกข้าติดตามไปด้วย เช่นนั้นพวกข้าจะรอท่านย่าอยู่ที่หน้าประตูอู่เต๋อเจ้าค่ะ!” ใบหน้างดงามราวกับภาพวาดของไป๋ชิงเหยียนนิ่งขรึม ดวงตาสีดำงดงามคู่นั้นเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็งในยามค่ำคืนของฤดูหนาว งดงามจนไม่อาจละสายตาไปจากนางได้ “หากฮ่องเต้ทรงมีพระราชโองการสั่งลงโทษ รบกวนทุกท่านช่วยเป็นพยานให้ตระกูลไป๋ด้วยนะเจ้าคะ!”

องค์หญิงใหญ่กระชับมือที่ถือไม้เท้าหัวพยัคฆ์แน่น มองไปยังหลานสาวคนโตของนางซึ่งดวงตาส่อแววล้ำลึก อาเป่าไม่เชื่อใจนาง ความสัมพันธ์ย่าหลานของพวกนางห่างเหินกันจริงๆ แล้ว

หลานสาวคนนี้ของนางคงตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้ใจของชาวบ้านเป็นเกราะคุ้มครองตระกูลไป๋ ยอมใช้สถานการณ์บีบบังคับฮ่องเต้ แต่ไม่ยอมพึ่งพานางผู้เป็นย่าคนนี้อีกแล้ว ยอมเชื่อใจชาวบ้านที่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตระกูลไป๋ แต่ไม่ยอมเชื่อใจนางซึ่งเป็นย่าแท้ๆ อีกแล้ว

ร่างขององค์หญิงใหญ่โซเซเล็กน้อย ใจหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ

ความเจ็บปวดจากการสูญเสียสามี บุตรชายและหลานชาย บวกกับความเจ็บปวดจากการบาดหมางกับหลานสาว องค์หญิงใหญ่แทบยืนหยัดต่อไปไม่ไหว

ทว่า ท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายเช่นนี้ นี่ไม่ใช่เวลาที่นางจะจัดการเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนางและหลานสาว

ไม่รอให้องค์หญิงใหญ่กล่าวสิ่งใด ไป๋จิ่นจื้อถลาเข้าไปยกมือกำหมัดโค้งกายคาราวะชาวบ้านก่อนแล้ว “ทุกท่านได้โปรดไปรออยู่ที่หน้าประตูอู่เต๋อพร้อมพวกข้าด้วยเถิด หากฮ่องเต้ทรงลงโทษ รบกวนทุกท่านช่วยเป็นพยานให้ตระกูลไป๋ด้วยเถิด!”

“คุณหนูสี่มิต้องทำเช่นนี้หรอกขอรับ แม้คุณหนูสี่มิกล่าวเช่นนี้ พวกเราก็จะไปที่ประตูอู่เต๋อพร้อมกับสตรีของตระกูลไป๋อยู่แล้วขอรับ!”

“ใช่! พวกเราจะไปกับสตรีของตระกูลไป๋ด้วย หากฮ่องเต้ทรงลำเอียง พวกเราจะตีกลองตงเหวินร้องทุกข์ให้ตระกูลไป๋ จะไม่ปล่อยให้ดวงวิญญาณของวีรบุรุษผู้กล้าของตระกูลไป๋ถูกใส่ร้ายเด็ดขาด ไปกันเถิดพวกเรา!”

ไม่รอให้ตระกูลไป๋ลงมือทำสิ่งใด ชาวบ้านต่างจับมือพากันเดินไปยังประตูอู่เต๋ออย่างฮึกเหิมก่อนแล้ว

“พี่หญิงใหญ่ พวกเราก็ไปกันเถิดเจ้าค่ะ!” ดวงตาของไป๋จิ่นจื้อเต็มไปด้วยประกายวาวโรจน์ มองไปทางไป๋ชิงเหยียน

“ท่านย่านั่งรถม้า คงไปถึงก่อนพวกเรา! พวกเราจะรอฟังข่าวดีจากท่านย่าอยู่ที่หน้าประตูอู่เต๋อเจ้าค่ะ”ไป๋ชิงเหยียนย่อกายทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ น้ำเสียงราบเรียบ

“อาเป่า…” องค์หญิงใหญ่เอ่ยเรียกไป๋ชิงเหยียนออกมาคำหนึ่ง “หากเจ้ากลัวว่าย่าจะเข้าข้างเหลียงอ๋องก็เข้าวังไปพร้อมกับย่าเถิด!”

หากไปร้องทุกข์ที่หน้าประตูอู่เต๋ออีกครั้ง การกระทำนี้มันแตกต่างอันใดกับวันที่เจ็ดที่นางไปตีกลองเติงเหวินเพื่อบีบคั้นฮ่องเต้กัน

จะปล่อยให้ไป๋ชิงเหยียนนำชาวบ้านไปประท้วงหน้าประตูอู่เต๋อไม่ได้อีกแล้ว คราวที่แล้วฮ่องเต้ทรงพิโรธที่ไป๋ชิงเหยียนพาชาวบ้านไปบีบบังคับให้ฮ่องเต้ลงโทษซิ่นอ๋องมากแล้ว หากครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนตามชาวบ้านไปอีก ต่อให้ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เป็นคนออกหน้า ฮ่องเต้ก็ต้องทรงคาดโทษเรื่องที่ชาวบ้านไปล้อมประตูอู่เต๋อว่าเป็นความผิดของไป๋ชิงเหยียนอยู่ดี

อำนาจของราชวงศ์ เป็นสิ่งที่ไม่ควรยั่วยุ

องค์หญิงใหญ่กลัวว่าเมื่อถึงเวลานั้น แม้ฮ่องเต้ทรงจะกลัวความโกรธของชาวบ้านจนไม่กล้าลงมือจัดการไป๋ชิงเหยียน ทว่า อาจทรงสั่งให้คนลอบสังหารไป๋ชิงเหยียนอย่างลับๆ

“พี่หญิงใหญ่ ข้าคิดว่าท่านควรเข้าวังไปกับท่านย่าเจ้าค่ะ เผื่อเหลียงอ๋องจะกล่าวแก้ตัวอันใดอีก หากคนผู้นั้นแสร้งทำตัวอ่อนแอไร้ความสามารถได้ถึงขนาดนี้ แสดงว่าเขาต้องเป็นคนเจ้าแผนการมาก เราควรป้องกันไว้ก่อนนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วเอ่ยกับไป๋ชิงเหยียนด้วยน้ำเสียงเบาหวิว “นอกวังมีท่านป้าสะใภ้ใหญ่และพวกข้าอยู่ ในวังคงต้องรบกวนพี่หญิงใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ”

ไป๋จิ่นซิ่วรู้สึกว่าพี่หญิงใหญ่ควรเข้าวังไปรับมือกับเหลียงอ๋องด้วยตัวเองจะดีกว่า มิเช่นนั้นเหลียงอ๋องอาจแสร้งทำตัวอ่อนแอบ่ายเบี่ยงว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้วถือโอกาสนี้ขอร้องอ้อนวอนฮ่องเต้ว่าต้องการแต่งงานกับไป๋ชิงเหยียน หากเป็นเช่นนั้นเมื่อมีราชโองการลงมา พี่หญิงใหญ่ก็แก้ไขอันใดไม่ได้แล้ว

“พี่หญิงใหญ่ นอกวังมีพวกเราอยู่ พี่หญิงใหญ่มิต้องเป็นกังวลเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นถงกล่าวเสริม

คราวที่แล้วที่ไป๋ชิงเหยียนโดนโบยที่หน้าประตูอู่เต๋อ ต่งซื่อนึกแล้วยังรู้สึกปวดใจไม่หาย นางไม่ได้เป็นเพียงสตรีไร้ความสามารถที่อยู่แต่ในเรือนหลัง นางรู้ดีว่าการไปประตูอู่เต๋อในครั้งนี้ ไป๋ชิงเหยียนจะออกหน้ามิได้เด็ดขาด

ไม้งามในป่า มักถูกลมพัดจนล้ม[1]

คนคุณธรรมสูงส่ง มักถูกติฉินนินทา

บทเรียนของตระกูลไป๋มีให้เห็นอยู่ตรงหน้า ต่งซื่อไม่อยากเห็นบุตรสาวของตนเดินซ้ำรอยเดิมอีก

“อาเป่า เจ้าเข้าวังไปกับท่านย่าของเจ้าเถิด!” ต่งซื่อกล่าวขึ้นช้าๆ “ในวังฝากเจ้าด้วย นอกวังยังมีแม่อยู่!”

นางรู้ดีว่ามารดาและบรรดาน้องสาวของนางไม่อยากให้นางเป็นคนออกหน้าบีบบังคับฮ่องเต้อีกแล้ว

ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวถูกต้องแล้ว เหลียงอ๋องเป็นคนเจ้าเล่ห์ ท่านย่าให้ความสำคัญกับราชวงศ์มาก หากเกิดใจอ่อนหรือทำข้อตกลงอันใดกับฮ่องเต้ สิ่งที่ตระกูลไป๋ทำลงไปทั้งหมดในครั้งนี้ก็จะเสียเปล่าทันที

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีแผนรับมือ หากครั้งนี้ท่านย่าใจอ่อนเข้าข้างราชวงศ์ขึ้นมาจริงๆ นางคงต้องใช้วิธีที่โง่เง่าและง่ายดายมากที่สุด สังหารและทำลายล้าง!

สังหารเหลียงอ๋อง จากนั้นจุดไฟเผาจวนเหลียงอ๋อง

ทว่า หากไม่ถึงคราวที่จำเป็นจริงๆ นางไม่มีทางใช้วิธีนี้ ข้างกายของเหลียงอ๋องไม่เพียงมีเกาเซิง องครักษ์ยอดฝีมือ หากเลือกใช้วิธีนี้คงต้องทิ้งร่องรอยหลักฐานเอาไว้แน่ นางไม่มั่นใจว่าจะสังหารเหลียงอ๋องได้ในคราเดียว หากถูกคนของเหลียงอ๋องจับได้ ตระกูลไป๋ทั้งตระกูลต้องชดใช้ด้วยชีวิต

ที่สำคัญหลังจากที่เหลียงอ๋องตายแล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้น นางไม่อาจควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้

บัดนี้ คนข้างกายทั้งหมดของเหลียงอ๋องล้วนเป็นคนขององค์ชายรอง ตอนนั้นข้างกายขององค์ชายรองมีแต่คนมากความสามารถ ต่อมาไป๋ชิงเหยียนติดตามเหลียงอ๋องไปออกรบก็ได้พบเจออยู่หลายคน ตู้จือเวยคือหนึ่งในนั้น

ผู้ที่ช่วยเหลียงอ๋องวางแผน ให้เหลียงอ๋องแกล้งทำเป็นคนไร้ความสามารถ เชื่อฟังทำตามคำสั่งซิ่นอ๋อง ลอบสะสมจวินกง เมื่อซิ่นอ๋องและฉีอ๋องพ่ายแพ้ย่อยยับทั้งคู่จึงให้เหลียงอ๋องกลับมายังเมืองหลวงพร้อมกับ

จวินกงให้ฮ่องเต้ได้ประจักษ์ ก็คือตู้จือเวยผู้นี้นี่เอง

ไป๋ชิงเหยียนหวาดระแวงในตัวตู้จือเวยผู้นี้มาก

อีกอย่าง หากตัดสินใจลงมือสังหารเหลียงอ๋องก็ต้องเสียสละชีวิตของบ่าวรับใช้ผู้สัตย์ของตระกูลไป๋ และอาจเดือดร้อนถึงคนบริสุทธิ์คนอื่นๆ

นี่คือแผนการที่จนตรอกและต่ำช้าที่สุด

ไป๋ชิงเหยียนกระซิบสั่งที่ข้างหูของไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋จิ่นซิ่วดวงตาเป็นประกาย พยักหน้า “พี่หญิงใหญ่วางใจได้เจ้าค่ะ จิ่นซิ่วเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

ฮ่องเต้ทรงต้องการเป็นจักรพรรดิที่ดียิ่งกว่าจักรพรรดิองค์ก่อน ต้องการมีชื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ย่อมต้องเป็นห่วงชื่อเสียงของตัวเอง นี่คือจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮ่องเต้

[1] ไม้งามในป่า มักถูกลมพัดจนล้ม หมายถึงคนที่มีความสามารถโดดเด่นหรือมีคุณธรรมสูงส่งมักจะถูกผู้คนอิจฉาริษยาหรือตำหนิติเตียน