ตอนที่ 280 บ้านใหญ่จะเปิดร้านต้มตุ๋น

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 280 บ้านใหญ่จะเปิดร้านต้มตุ๋น

สะใภ้หวังรู้รายละเอียดจากฉินหมิงฉุนนานแล้วว่าฉินหลิวซีจะพาเขาไปพบเจ้าสำนักศึกษาจือเหอ นางประหลาดใจกับความสัมพันธ์ในสังคมของฉินหลิวซีแต่ขณะเดียวกันก็มีความสุขเล็กน้อย ทว่าเมื่อรู้ว่าฉินหลิวซีออกไปข้างนอก นางก็ฉลาดพอที่จะยังไม่บอกกับนางฉินผู้เฒ่า

อย่างไรเสียก็ไม่รู้ว่าฉินหลิวซีจะกลับเรือนตอนไหน หากเอ่ยออกไป ไม่แน่ว่านางฉินผู้เฒ่าอาจจะอยากถามฉินหลิวซีเรื่องเข้าเรียนทันที หากนางกลับมาไม่ทัน เกรงว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต

ข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วว่าความระมัดระวังของสะใภ้หวังนั้นถูกต้องแล้ว ฉินหลิวซีไม่ได้กลับจวนทั้งคืนจริงๆ ด้วย

ตอนนี้ใกล้จะปลายยามเฉิน[1]แล้ว ฉินหลิวซีก็ยังไม่กลับมา เช่นนั้นจะยังไปรายงานตัวที่สำนักศึกษาได้หรือดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

สะใภ้หวังเป็นกังวลแต่ก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องกังวล ดังนั้นจึงบอกกับฉีหวงว่าหากฉินหลิวซีกลับมาแล้วให้ไปหานางที่เรือน ก่อนถึงเวลานั้นนางจะจัดการฉินหมิงฉุนให้พร้อม แล้วทำของขวัญไว้ให้อาจารย์อีกสองชุด

ทั้งหมดนี้เป็นมารยาท

เมื่อฉินหลิวซีมาถึงเรือนก็รู้เรื่องจากฉีหวง นางเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเรียบง่าย ก่อนจะไปก็ได้เอ่ยกับฉีหวงอีกว่า “เจ้าดูสิว่าเรามีเงินเท่าไหร่ รวมถึงเงินก้อนนั้นที่นายหญิงให้ไว้ก่อนหน้านี้ด้วย อ้อ นำเงินก้อนนั้นให้เฉินผีก่อน ให้เขาเอาไปดูแลร้าน”

ฉีหวง “?”

ร้านอะไรกัน

นางมองไปที่น้องชายของตัวเอง อีกฝ่ายท่าทางดูหดหู่และสิ้นหวัง

หลังจากที่ฉินหลิวซีไปแล้ว นางจึงได้ถามเฉินผีว่าร้านที่ว่านี้หมายความว่าอย่างไร

เฉินผีเล่าเรื่องร้านขายโลงศพให้ฟัง สุดท้ายเอ่ยว่า “พี่สาว ข้าอายุไม่เท่าไหร่เอง หากเป็นเถ้าแก่จะไม่ถูกผู้คนหัวเราะเอาหรือ ข้าอยากจะอยู่ปรนนิบัติคุณหนู มิเช่นนั้นต่อไปหากข้าไปดูแลร้าน แล้วนางออกไปข้างนอก ใครจะคอยดูแลอยู่ข้างกายนาง”

“ที่เอ่ยมาก็มีเหตุผล คนนอกก็ไม่ได้รู้อะไร พวกเขาอาจไม่วางใจ” ฉีหวงเอ่ยต่อว่า “แต่นี่เป็นเพราะคุณหนูเชื่อใจเจ้าจึงได้จัดการให้เจ้าเช่นนี้ นับว่าเป็นการฝึกฝนเจ้าไปในตัว อย่าผิดต่อความตั้งใจของคุณหนูเด็ดขาด”

“ข้ารู้ แต่ข้ายังอยากติดตามนาง” เฉินผีทำหน้ามุ่ย

ฉีหวงยิ้ม ลูบศีรษะเขาพลางเอ่ยว่า “เจ้าก็จะอายุสิบสองปีแล้ว คุณหนูก็อายุครบสิบห้าปีแล้ว แม้ว่านางจะเป็นนักพรตหญิง เป็นคนของเสวียนเหมิน ไม่สนใจข้อห้ามระหว่างชายหญิง แต่คนนอกกลับไม่คิดเช่นนั้น แม้ว่าเจ้าจะติดตามนางก็เป็นได้เพียงองครักษ์ที่คอยทำธุระให้ บางสิ่งบางอย่างก็ต้องหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ ข้าว่าสถานะนักพรตหญิงของเจ้านายคงจะค่อยๆ ถูกเผยแพร่ออกไป”

ฉินหลิวซีไม่เคยจงใจปกปิดเพศของนาง เมื่อนางไปไหนมาไหนข้างนอกบ่อยๆ ในที่สุดก็จะเป็นที่รู้จัก

เฉินผีถอนหายใจ “โตเป็นผู้ใหญ่ไม่ดีเอาเสียเลย”

ฉีหวงหัวเราะ ดีดหน้าผากเขาก่อนจะเอ่ยว่า “หากเจ้าไม่โตก็จะช่วยอะไรเจ้านายไม่ได้ คนไร้ประโยชน์นางจะเก็บไว้ทำไม ดังนั้นเจ้าต้องจัดการเรื่องนี้ให้ดี”

“ขอรับ”

“เจ้าลองวางแผนดูก่อน ข้าจะไปนับเงินที่มีอยู่เดี๋ยวนี้” ฉีหวงให้เขาไปเขียนบนโต๊ะ ส่วนตัวเองก็หยิบกุญแจออกมาจากคอเสื้อแล้วไปที่ห้องด้านในเพื่อคำนวณบัญชี

แต่ไหนแต่ไรฉินหลิวซีไม่เคยใส่ใจเรื่องเงินหรือเรื่องใดๆ เป็นฉีหวงที่คอยรับผิดชอบสิ่งของหรือเรื่องต่างๆ ทั้งน้อยใหญ่ของนาง โดยเฉพาะเรื่องเงินและของใช้ ฉีหวงรู้ดีที่สุดว่ามีอะไรบ้าง

ทางด้านของฉินหลิวซี เมื่อมาถึงเรือนสะใภ้หวังก็ขอโทษก่อนเป็นอันดับแรกโนเวลพีดีเอฟ

“มีชาวนาคนหนึ่งในหมู่บ้านหวังที่ชานเมือง โลงศพของเขาไม่สามารถตั้งได้ในระหว่างพิธีศพ บังเอิญมาหาตาเฒ่าเจ้าของร้านโลงศพคนก่อน ข้าจึงไปช่วยจัดการให้ จึงได้เลยเวลามาทั้งคืน เสิ่นหมัวหมัว ท่านไปช่วยฉินหมิงฉีเตรียมตัว ข้าจะพาพวกเขาไปสำนักศักษาเดี๋ยวนี้”

เสิ่นหมัวหมัวตอบรับด้วยรอยยิ้ม

เมื่อได้ยินถึงร้านโลงศพสะใภ้หวังก็ตกใจ ซ้ำยังบอกว่าตั้งโลงศพไม่ได้ ในใจก็ยิ่งสงสัย อดถามไม่ได้ว่า “เหตุใดจึงตั้งโลงศพไม่ได้หรือ”

“ผู้ตายคือผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านหวัง พบว่าภรรยาเอกคนที่สองมีสัมพันธ์สวาทกับบุตรชายแท้ๆ ของตัวเอง จู่ๆ เขาก็โกรธจนหัวใจวายกะทันหัน ซ้ำบุตรชายของเขายังปิดปากปิดจมูกเขา ซึ่งเป็นการฆ่าเขาทางอ้อม วิญญาณจึงอาละวาดด้วยความแค้นเจ้าค่ะ”

ฉินหลิวซีเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ แต่สะใภ้หวังกลับหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเช่นนั้น สร้างภาพขึ้นมาในหัวตามสัญชาตญาณ กลืนน้ำลายแล้วถามว่า “เช่นนั้นจัดการได้หรือไม่ เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่”

“ผีใหม่ ซ้ำยังเป็นคนแก่ ทำร้ายข้าไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ตาเฒ่าผู้นี้มีความขุ่นเคืองและยึดติดอยู่ในใจ เมื่อปล่อยวางความขุ่นเคืองได้แล้วก็ส่งเขาไปได้ ส่วนบุตรชายและภรรยาของเขาก็ถูกส่งตัวไปทางการ พวกเขาต้องได้รับผลกรรมของตัวเอง” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

สะใภ้หวังหายใจเข้า ถามอีกว่า “คือว่าที่เจ้ารู้ชัดเจนเช่นนี้ เจ้าเห็นวิญญาณของผู้ใหญ่บ้านจริงๆ หรือ”

ฉินหลิวซีเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “ข้าเปิดดวงตาสวรรค์”

มือสะใภ้หวังสั่นอีกครั้ง “เช่นนั้นก็จะเห็นสิ่งสกปรกมากมายที่คนธรรมดามองไม่เห็นใช่หรือไม่”

ฉินหลิวซีพยักหน้า

“เจ้าไม่กลัวหรือ”

“หากข้ากลัวก็คงไม่เข้าเสวียนเหมิน เมื่อเข้าเสวียนเหมินเพื่อบำเพ็ญเต๋าแล้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัว อย่างไรเสียก็เป็นการกำจัดสิ่งชั่วร้ายและปกป้องเต๋า” ฉินหลิวซีส่ายหน้า เอ่ยต่อ “จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรต้องกลัว บางครั้งผู้คนยังน่ากลัวกว่าด้วยซ้ำเจ้าค่ะ”

บรรดาผี ‘ใช่แล้ว เจ้าน่ากลัวกว่าผีเสียอีก!’

สะใภ้หวังยิ้มเจื่อนๆ ยื่นมือไปยกถ้วยชาบนโต๊ะมาจิบในขณะที่มือยังคงสั่น จู่ๆ ก็ได้รู้เรื่องราวแปลกประหลาดจึงรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าไหนๆ ก็พูดแล้ว จึงอธิบายเรื่องร้านโลงศพไปด้วยเลย

“ข้าเองก็ไม่เคยทำกิจการอะไร ไม่ค่อยถนัดด้านนี้ก็เลยจะทำอาชีพเดิม คือรักษาคน ปราบสิ่งชั่วร้าย ไล่ผี แล้วก็ขายยันต์ หากทำเงินได้ก็จะซื้อร้านเพิ่ม ตามจำนวนเงินที่บ้านใหญ่เรามี ท่านว่าทำเช่นนี้ดีหรือไม่ หากไม่ซื้อร้านเพิ่มก็นำไปฝากที่ร้านรับฝากเงิน หรือซื้อที่ดิน แต่เฉินผีบอกว่าสิ่งนี้ไม่ได้กำไรเท่าซื้อร้านค้าไว้เก็บค่าเช่า”

สะใภ้หวังมึนงงไปหมด

หมายความว่าบ้านใหญ่ของพวกเขาไม่ได้จะมีร้านโลงศพ แต่เปิดร้านต้มตุ๋นปราบผีปราบวิญญาณแทนอย่างนั้นหรือ

เหตุใดความรู้แปลกๆ จึงได้มากขึ้นเรื่อยๆ

สะใภ้หวังดื่มชาที่เย็นลงแล้วจนหมดไปหนึ่งถ้วย บังคับตัวเองให้สงบลง วันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน ตระกูลฉินของพวกเขาไม่ใช่ตระกูลฉินในอดีต จะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น!

“ในเมื่อมอบเงินให้เจ้าดูแลแล้ว เช่นนั้นก็ให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจเถิด” สะใภ้หวังฝืนยิ้ม เอ่ย “เพียงแต่ว่าร้านนี้ ข้าเกรงว่าจะช่วยอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆ อย่างไรเสียข้าก็ไม่เข้าใจในด้านนี้ ดังนั้นเจ้าต้องพึ่งตัวเองในการจัดกำลังคน แม้กระทั่งการจัดวางตกแต่งร้าน”

“ไม่เป็นไร เรื่องบัญชีข้าจะให้ฉีหวงคำนวณบัญชีมาให้ท่านดูทุกๆ หกเดือน”

“ไม่ต้องยุ่งยากเช่นนั้นหรอก พวกเราก็ไม่ได้รีบร้อนใช้เงิน หากยังพอดูแลกันไปได้ นำบัญชีมาคำนวณปีละครั้งก็พอแล้ว หากไม่มีเวลาก็ไม่ต้องคำนวณก็ได้ อย่างไรเสียก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน” สะใภ้หวังรีบปฏิเสธ

ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย “อย่างไรเสียก็ต้องรายงานท่านสักหน่อย จะได้รู้ความเป็นมาเป็นไป ข้ายังรู้จักสหายใหม่คนหนึ่ง นางทำกิจการได้ดีมาก ในภายภาคหน้าหากมีเงินส่วนเกินก็จะให้นางช่วยใช้เงินทำเงินให้”

ซือเหลิ่งเย่ว์เป็นหัวหน้าครอบครัว ทำกิจการได้ดี ไปหานางนั้นถูกต้องแล้ว

ซือเหลิ่งเย่ว์ที่อยู่ไกลถึงชิงโจวจามอยู่สองสามที ลูบจมูกแล้วมองไปทางเมืองหลี เอ่ยกับสาวใช้ข้างกายว่า “หากเก็บของเสร็จแล้วก็ออกเดินทางเถิด”

และที่ห่างไกลออกไปในห้องโถงร้านค้าแห่งหนึ่งในซีเป่ย ชายวัยกลางคนที่รู้จักกันในนามหัวหน้าสมาคมกงปั๋ว รู้สึกหดหู่แปลกๆ มีความรู้สึกเหมือนถูกลืม เกิดอะไรขึ้น

[1] ยามเฉิน 07.00-09.00 น.