อันหรันเมื่อพูดจบ น้ำตาแห่งความผิดหวังก็ไหลออกมา
เธอรู้สึกเสียใจ เสียใจที่ตัวเองต้องเปิดเผยความจริงทั้งหมดให้กับฮั่วเทียนหลันฟัง แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกตื่นเต้น แต่อีกใจก็รู้สึกดีแปลกๆ
แต่ทุกคนย่อมมีหนทางเดินที่แตกต่างกันออกไป
ในครอบครัวก็เหลือเธอเพียงคนเดียว ตราบใดที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับลั่นลาน แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็คงต้องยอมรับมัน
สีหน้าฮั่วเทียนหลันค่อยๆหม่นลง ความรู้สึกผิดหวังนี้มันชี้เป้าไปที่อันหรัน แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไป
เขาพยายามดูอันหรันว่าพยายามแกล้งพูดขึ้น เพื่อที่จะตีจากเขาไปหรือเปล่า แต่น่าเสียดาย ความรู้สึกมันบอกว่าไม่ใช่แบบนั้น
อันหรันสงบนิ่งมาก ราวกับว่าประโยคที่เธอพูดมาเมื่อครู่ พูดออกมาจากใจจริงของเธอ
แท้จริงแล้ว เธอถูกบังคับให้แต่งงานกับตัวเองจริงๆ
พูดได้ว่า บางทีความรู้สึกของเขากับอันหรันอาจจะไม่เกิดขึ้น อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้
อันหรันเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง เธอถอนหายใจ แล้วปลีกตัวเดินขึ้นไปด้านบน
เธอเหนื่อย แต่ความคับข้องใจทั้งหมดก็ถูกระบายออกมาหมดแล้ว มันทำให้เธอรู้สึกเวียนหัว เพราะใช้แรงไปเยอะเหลือเกิน
มีเรื่องให้ปวดหัวไม่หยุดหย่อน มันก็เลยระบายออกมาให้หมดซะทีเดียว
แต่เธอเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็มีมือมาคว้าเธอ และดึงเธอกลับมา
อันหรันทรงตัวไม่อยู่ เกือบจะล้มไปโดนโต๊ะรับแขก
สีหน้าเธอโกรธจัด พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “คุณฮั่ว คุณต้องการจะทำอะไร!”
ฮั่วเทียนหลันไม่พูดอะไรออกมาสายตามองไปที่อันหรัน เธอโกรธเหมือนกับไฟที่กำลังปะทุอย่างต่อเนื่อง
“สิ่งที่ฉันพูดได้ ก็พูดมาหมดแล้ว คุณยังต้องการอะไรอีก ฉันก็ไม่มีอะไรติดค้างคุณแล้ว แถมยังไม่ได้คิดร้ายต่อครอบครัวฮั่วด้วย คุณฮั่ว ฉันขอร้องหล่ะค่ะ ปล่อยฉันเดินไปตามทางของฉันเถอะ ”
อันหรันพูดออกไปด้วยเสียงสั่นเครือ เต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนตายทั้งเป็น
แม้แต่คนที่มีจิตใจเย็นชาอย่างฮั่วเทียนหลัน ก็สัมผัสได้
เขาถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ฉันรู้แล้ว”
อันหรันดูท่าทีที่สงบของเขา แม้ในใจจะเจ็บปวดแต่ก็นึกขำ
ตัวเองพูดไปเยอะแยะมากมาย เกรงจะถูกหาว่าเล่นละครตบตา
เธอจึงพูดขึ้นว่า “อย่างงั้นฉันขอตัวไปพักผ่อนได้ไหมคะ”
ฮั่วเทียนหลันไม่พูดอะไร แต่อันหรันก็รู้ดีว่า ท่าทางแบบนี้เขาน่าจะยอมให้เธอไปได้
เธอลุกขึ้น เพื่อที่จะเดินขึ้นไปยังห้องนอนของเธอ
แต่อาจเป็นเพราะเธอใช้แรงมากเกิน หรือใช้อารมณ์มากเกินไป ทุกย่างก้าวของเธอทำให้เธอรู้สึกเวียนหัว
ราวบันไดอยู่ห่างจากมือแค่เอื้อม อันหรันอยากจะจับมันเพื่อพักสักครู่
แต่รู้สึกถึงระยะห่างออกไป เธอต้องใช้แรงมากขึ้น แต่ก็ไม่ทัน
เสียงดังโครม เหมือนของตกลงมา ทำให้ฮั่วเทียนหลันต้องรุดเข้ามาดู
อันหรันหมดสติไป แม้แต่ตอนที่ล้มลงเสียงร้องสักแอะ ก็ไม่มี
ฮั่วเทียนหลันรีบประคองอันหรัน แล้วพูดขึ้นว่า “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
อันหรันเป็นลมไปแล้ว เธอยังคงได้เสียงเหมือนมีคนมาพูดกับตัวเองเบาๆ
ทันทีที่เธอค่อยๆได้ยินเสียงชัดขึ้น เธอก็หมดสติลง
ฮั่วเทียนหลันอุ้มอันหรันออกไปจากตรงนั้น เพื่อพาเธอขึ้นรถไปโรงพยาบาล
ในห้องผู้ป่วย หลังจากที่หมอตรวจวินิจฉัยเสร็จ ก็แจ้งว่า คุณครับ ภรรยาของคุณร่างกายอ่อนแอ พักผ่อนสักครู่คงอาการดีขึ้น ไม่ควรให้สภาพอารมณ์ หรือจิตใจแปรปรวน อาจทำให้เธอเป็นลมได้ง่ายขึ้น”
คุณหมอพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องตรวจไป
พยาบาลที่อยู่ข้างๆเธอ ก็แอบส่งรูปที่แอบถ่ายไว้ไปในสตอรี่ของตัวเอง
เป็นภาพที่ฮั่วเทียนหลันกำลังมองอันหรัน ด้วยความกังวลใจ
พร้อมกับเขียนแคปชั่น“หวังว่าสามีของฉัน ต่อไปจะดูแลภรรยาได้ดีเหมือนกับคุณฮั่ว!”
เมื่ออันหรันตื่นขึ้นมา ก็เห็นสีหน้าแววตาอันเหนื่อยล้าของฮั่วเทียนหลัน กำลังจ้องมองมาที่ใบหน้าของเธอ
เธอนิ่งแล้วพูดขึ้นว่า “ขอโทษค่ะ คุณฮั่ว ฉันสร้างปัญหาให้คุณอีกแล้ว”
เมื่อเห็นใบหน้าบอบบางของอันหรันมีสีหน้าซีดเซียว ทำให้ฮั่วเทียนหลันรู้สึกปวดใจเล็กน้อย
“สร้างปัญหาให้มันน้อยๆหน่อยนะ?” เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นห่วงเธอ แต่คำพูดฮั่วเทียนหลันพูดออกมากลับพูดออกมาไม่ตรงกับใจ
อันหรันยิ้มอ่อนๆ พูดเสียงเบาๆว่า“ใช่ค่ะ ฉันก็แค่ตัวปัญหา……”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกฮั่วเทียนหลันตัดบท “เธอเปลี่ยนเป็นคนเชื่อฟังคำพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?ฉันพูดอะไรเธอก็ฟังแล้วเหรอเนี่ย?”
อันหรันมองนิ่ง เม้มริมฝีปากและเลือกที่จะเงียบไว้
การคุยกับฮั่วเทียนหลันทำให้รู้สึกเหนื่อยเปล่า เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไร ก็ผิดอยู่ดี
หลังจากดื่มน้ำอุ่นๆ อันหรันก็หลับต่อจนถึงกลางคืน
ฮั่วเทียนหลันนำข้าวต้มมาให้อันหรัน เขาพูดว่า “กินให้หมดนะ”
น้ำเสียงเย็นชา แต่อันหรันนำมือมาแตะ ก็รู้ว่าฮั่วเทียนหลันพึ่งนำข้าวต้มไปอุ่นให้เธอเมื่อสักครู่
หลังจากทานเสร็จ เธอก็รู้สึกมีเรี่ยวมีแรงขึ้น
คุณหมอก็เดินมาตรวจอาการของอันหรันอีกครั้ง และเมื่อไม่พบอาการใดๆผิดปกติ ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้
สุดท้ายก็สั่งยาให้อันหรันหลายขนาน
ยาครั้งที่แล้วเพิ่งจะเริ่มกิน ครั้งนี้ก็ไม่จำเป็นต้องเอามาเพิ่มก็ได้ เธอเสียดายเงินที่ต้องเสียไป
แต่อันหรันยังไม่ทันอ้าปากพูด ก็ถูกสายตาของฮั่วเทียนหลันสะกดเอาไว้
ฮั่วเทียนหลันไม่สนคำพูดจาใดๆของอันหรัน เขาอุ้มอันหรันขึ้นรถไป
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างรู้จักเขาทั้งสองดี พวกเขารุมล้อมถ่ายภาพ บางคนเปิดแฟลชเพื่อต้องการจะได้ภาพที่ชัดเจน
“คุณฮั่ว ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ คนเยอะแยะ เดี๋ยวเขาเอาไปลงในอินเตอร์เน็ต จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของคุณนะคะ ” อันหรันพูดเบาๆ
เธอไม่ชอบการที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้คนมากมาย เธอรู้สึกถึงความไม่เป็นส่วนตัว
แต่ฮั่วเทียนหลันก็ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอคือภรรยาของฉัน สามีภรรยารักกัน ไม่ดีตรงไหน?”
อันหรันได้แต่ถอนหายใจ ไม่รู้จะตอบโต้เขาอย่างไร
ฮั่วเทียนหลันวางอันหรันลงบนเบาะ ดึงมาห่มออกมามาจากหมอน แล้วห่มให้เธอ
เขาขึ้นรถ และเดินทางกลับบ้านของเขา
ได้ยินเสียงรถ ป้าDing ก็มารอที่หน้าประตู
ครั้งนี้ฮั่วเทียนหลันไม่ได้อุ้มเธอขึ้นมา ป้าDingช่วยพยุงเธอขึ้นไปบนห้องนอน
หลังจากอันหรันนอนลง ป้าDingก็นำยาที่เตรียมไว้ส่งให้อันหรัน
“คุณค่ะ ทานแล้วก็พักผ่อนเยอะนะคะ!”
อันหรันพยักหน้า แล้วบอกว่า “ขอบคุณค่ะป้า”
ป้าDingพยายามจะพูดหรือถามอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกมา
เก็บห้องให้อันหรัน แล้วรออันหรันทานยาเสร็จ ก็เดินออกจากห้องไป
เธอเดินลงมาด้านล่าง ก็พบว่าฮั่วเทียนหลันนั่งกระสับกระส่ายอยู่ที่โซฟา
“เทียนหลัน คุณไม่ไปพักก่อนเหรอคะ?” ป้าDing ถามขึ้น
ฮั่วเทียนหลันเงยหน้ายิ้ม แล้วตอบกลับป้าDing “ป้าครับ ป้าไปพักก่อนได้เลยครับ เดี๋ยวผมง่วงก็จะขึ้นไปนอนแล้วครับ”
ป้าDing ส่ายหัว เก็บจานชามไปล้างแล้วก็กลับไปพัก
ตอนที่เธอคุยโทรศัพท์กับหลี่รูยา ตอนแรกหลี่รูยาก็จะเข้ามา
แต่คิดไปคิดมา ไม่จำเป็นต้องเข้ามา เพราะเรื่องของผัวเมียทะเลาะกันก็ควรจะแก้ปัญหาเอง
ฮั่วเทียนหลันอยู่ข้างล่างมาจนถึงนาฬิกาส่งเสียงตอนเที่ยงคืน เขาจึงลุกเพื่อจะขึ้นไปข้างบน
ไฟดวงเล็กๆในห้องนอนเปิดอยู่ เพื่อที่ยังรอฮั่วเทียนหลัน
เขาเดินเบาๆ และมองไปที่อันหรันซึ่งกำลังหลับอยู่
อันหรันนอนไม่นิ่ง เธอขมวดคิ้ว และพูดอะไรพึมพำ
ฮั่วเทียนหลันได้ยินไม่ชัดจึงก้มตัวลง
เขาก้มตัวลง แล้วยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อฟัง
“ไม่ อย่า อย่านะ”