บทที่ 162 องค์ชายหึงหวงอย่างเห็นได้ชัด

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

หนา​นกง​เลี่ย​ที่อยู่​ทาง​นี้​กำลัง​พยายาม​จงใจ​ทำให้​ตัวเอง​แพ้​อย่าง​ขมักเขม้น​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​เขา​รู้​คำตอบ​อยู่​แล้ว​ ​แต่กระนั้น​ก็​ยัง​ไม่ได้​เริ่ม​ลงมือ​เขียน​สักที

ส่วน​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ ​ศิษย์​จาก​หอ​ชั้นเยี่ยม​กลับ​มีสี​หน้า​ภูมิใจ​ใน​ตัวเอง​อย่างมาก​ ​และ​มีท​่า​ทาง​คล้าย​กับ​กำลังจะ​พูดว่า​การแข่งขัน​ระดับ​นี้​ไม่​คุ้มค่า​กับ​เวลา​ของ​เขา​เลย

ส่วน​บรรดา​ศิษย์​ที่​เอาชนะ​หอ​ชั้นเยี่ยม​มา​ได้​ต่าง​ก็​มอง​ภาพ​นี้​ด้วย​สายตา​เย้ยหยัน​ ​”​ข้า​บอก​แล้ว​อย่างไร​ ​พวกเขา​ก็​แค่​บังเอิญ​ชนะ​เท่านั้น​”

หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​อ้า​ปาก​หาว​อย่าง​เกียจคร้าน​ ​”​ไม่จำเป็น​ต้อง​ดู​ต่อ​อีกแล้ว​ ​ข้า​ขอตัว​ไป​นอน​สัก​งีบ​ก่อน​ดีกว่า​ ​ประลอง​จบ​แล้ว​ค่อย​มาเรียก​ข้า​ก็แล้วกัน​”

มุม​ปากของ​เฮ่อ​เหลียน​เจียว​เอ๋อร​์​ก็​กระตุก​ขึ้น​เช่นกัน​ ​นาง​บอก​ให้​สาวใช้​ช่วย​พยุง​นาง​ไป​พัก​ที่​ศาลา​ใต้​ร่มไม้​ ​พลาง​คิดในใจ​อย่าง​รังเกียจ​ว่า

หึ​ ​ท่าน​เจ้าสำนัก​ถึงกับ​กล้า​คุยโว​โอ้อวด​เอาไว้​อย่าง​หน้าไม่อาย​ ​อีกทั้ง​ยัง​เสนอ​ให้​หอ​ชั้นเลิศ​เปลี่ยนตัว​ผู้เข้าแข่งขัน​อีก

แต่​ดู​จาก​สถานการณ์​ใน​ปัจจุบัน​แล้ว

ต่อให้​พวก​นาง​ไม่​แข่ง​รอบ​ที่สาม​ ​ก็​สามารถ​คว้ารางวัล​ชนะเลิศ​มาค​รอง​ได้​อยู่ดี

หอ​สามัญ​ย่อม​พ่ายแพ้​ให้​กับ​หอ​ชั้นเยี่ยม​อย่างแน่นอน​ ​”​ไม่จำเป็น​ต้อง​ดู​ต่อ​แล้ว​ล่ะ​ ​พวกเรา​ก็​ไป​พัก​กัน​เถอะ​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เจียว​เอ๋อร​์​หันไป​สั่ง​สาวใช้​ที่อยู่​ข้าง​นาง

สาวใช้​รีบ​กางร่ม​กระดาษ​น้ำมัน​ให้​นาง​อย่างรวดเร็ว​ ​พร้อมกับ​เดินตาม​หลัง​เฮ่อ​เหลียน​เจียว​เอ๋อร​์​ไป​ทีละ​ก้าว​ ​ด้วย​เกรง​ว่า​ผู้​เป็น​นาย​จะ​โดน​แดด​เผา​เอา​ได้

เพราะ​วันนี้​พระอาทิตย์​ฉายแสง​ร้อนแรง​ยิ่งนัก

คน​สูงศักดิ์​อย่าง​องค์​ชาย​สาม​ก็​คง​ไม่เคย​ออกมา​ทำกิจกรรม​ภายใต้​แสงอาทิตย์​อัน​เจิดจ้า​เช่นนี้​มาก​่อน​เหมือนกัน

นิ้ว​ขาวผ่อง​ราว​งาช้าง​ของ​เขา​ดู​ไม่พอใจ​กับ​อุณ​ภูมิ​น่าอึดอัด​นี้​เป็น​อย่างยิ่ง​ ​เขา​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดู​ไม่กระตือรือร้น​นัก​ ​ ​”​เจ้า​จะ​มัว​เสียเวลา​อยู่​อีก​นาน​เพียงใด​กัน​”

เมื่อ​ได้ยิน​ดังนั้น​ ​หนา​นกง​เลี่ย​ก็​ยก​ยิ้ม​ ​และ​ประหนึ่งว่า​มีพลัง​อัน​บ้าคลั่ง​ถูก​ปลดปล่อย​ออกมา​ ​เขา​ตวัด​พู่กัน​ใน​มือ​เขียน​คำตอบ​ลง​ไป​ใน​ทันใด​ ​ความเร็ว​ของ​เขา​นั้น​เร็ว​มาก​เสีย​จน​น่าประทับใจ​ ​บรรดา​ศิษย์​จาก​หอ​ชั้นเยี่ยม​ที่​ยืน​อยู่​ตรงข้าม​เขา​ถึงกับ​มอง​ภาพ​นี้​ด้วย​อาการ​ตกตะลึง

นี่​มัน​อะไร​กัน​ ​เขา​ไป​ฉีด​เลือด​ไก่​มา​หรือ​อย่างไร

“​เสร็จ​แล้ว​ ​ข้า​ชนะ​แล้ว​”​ ​หนา​นกง​เลี่ย​สะบัด​ผม​ยาว​ของ​ตน​อย่างมั่นใจ​ ​และ​เดิน​ไป​สลับ​ที่​กับ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​บน​เวที

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยม​อง​เขา​อย่าง​มีเลศนัย​ ​”​ชนะ​แล้ว​หรือ​”

“​อือ​ฮึ​”​ ​หนา​นกง​เลี่ย​ไม่​ชอบ​อากาศ​ร้อน​เอา​มาก​ๆ​ ​เขา​จึง​เดิน​เอื่อย​เฉื่อย​ไป​ทาง​ด้านหลัง​ ​และ​ดึง​คอเสื้อ​ที่​โผล่​พ้น​เสื้อคลุม​ของ​ตน​ขึ้น​มาป​ลด​กระดุม​ออก​ ​”​ท่าทาง​ของ​ข้า​คง​สะดุดตา​น่าดู​เลย​ใช่​หรือเปล่า​”

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ชำเลือง​มอง​เขา​ ​จากนั้น​จึง​เอ่ย​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​อัน​เย็นยะเยือก​ราวกับ​น้ำแข็ง​ว่า​ ​”​เพราะ​เจ้า​ชนะ​ ​ข้า​ถึง​พลาดโอกาส​ที่จะ​ได้​ประมือ​กับ​เฮย​เจ๋อ​ ​ดี​ ​ดียิ่ง​นัก​”

หนัง​ศีรษะ​ของ​หนา​นกง​เลี่ย​ชาวาบ​ ​”​เดี๋ยวก่อน​ ​อา​เจ​วี​๋ย​ ​ให้​ข้า​อธิบาย​ก่อน​!​ ​เจ้า​ใช้​วิธี​อื่น​จัดการ​กับ​เจ้า​คน​สกุล​เฮ​ยนั​่​นก​็​ได้​นี่​ ​จริง​สิ​ ​ข้า​สามารถ​ช่วย​สืบ​ความลับ​ของ​เขา​ให้​เจ้า​ได้​นะ​”

“​อ้อ​”​ ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​เลิก​คิ้ว​ ​ท่าทาง​ไม่​เร่งรีบ​แต่อย่างใด​ ​”​เช่น​อะไร​”

หนา​นกง​เลี่ย​ทำ​สีหน้า​จริงจัง​ขึ้น​มา​ ​”​ข้ามี​ประวัติ​หอนาง​โลม​ทุกแห่ง​ที่​เขา​เคย​ไปเที่ยว​มา​”

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​เหยียด​ยิ้ม​เล็กน้อย​ ​พร้อมกับ​ยก​ขา​ขึ้น​ถีบ​อีก​ฝ่าย​อย่าง​งดงาม​!

เขา​ไม่​ควร​หลงเชื่อ​เจ้า​คน​ประสาท​กลับ​นี่​เลย

“​ชนะ​แล้ว​หรือ​ ​หอ​สามัญชนะ​อีกแล้ว​หรือ​”​ ​บรรดา​ศิษย์​ที่นั่ง​อยู่​ใน​จำนวน​ผู้ชม​จาก​หอ​ชั้นเยี่ยม​พึมพำ​ด้วย​ความประหลาดใจ​ ​ราวกับว่า​พวกเขา​กำลัง​อยู่​ใน​ฝันร้าย​ ​”​เป็นไปได้​อย่างไร​ ​ไม่มีทาง​เป็นไปได้​หรอก​!​”

ผู้เข้าแข่งขัน​สาขา​อาวุธ​ก็​ไม่​อยาก​เชื่อ​เหมือนกัน​ว่า​พวกเขา​จะ​พ่ายแพ้​ให้​กับ​คน​ไร้ค่า​ที่​ไม่มี​พลัง​ปราณ​เลย​แม้แต่น้อย​ ​มือซ้าย​ของ​พวกเขา​ถือ​อาวุธ​ที่​ยัง​สร้าง​ไม่เสร็จ​เอาไว้​ ​พร้อมกับ​มอง​คู่ต่อสู้​ของ​ตน​อย่าง​ตกตะลึง​ ​ทันใดนั้น​จึง​แผดเสียง​ขึ้น​มา​ว่า​ ​”​โกง​!​ ​เจ้า​ต้อง​โกง​แน่ๆ​!​”

“​โกง​หรือ​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​เลิก​คิ้ว​ ​นาง​ไม่ได้​มอง​ไป​ทาง​ศิษย์​คน​นั้น​ ​แต่กลับ​มอง​ไป​ทาง​เฮย​เจ๋อ​แทน​ ​สายตา​แสดงออก​อย่างชัดเจน​ว่า​ ​เจ้า​คน​ขี้​แพ้​นี่​เป็น​คนใน​กลุ่ม​ของ​เจ้า​หรือ

นิสัย​ชอบ​สอดรู้สอดเห็น​ของ​หนา​นกง​เลี่ย​เผยอ​อก​มา​อย่าง​ปิดไม่มิด​ใน​ระหว่าง​ที่​เขา​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความตื่นเต้น​ว่า​ ​”​อา​เจ​วี​๋ย​ ​ดู​สิ​ ​หัวหน้ากลุ่ม​ของ​เรา​กับ​คุณชาย​เฮย​คนที​่​นาง​ชื่นชม​นั่น​กำลัง​มองหน้า​กัน​อยู่​ล่ะ​!​”

มือ​ของ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ที่​ถือ​ถ้วย​ชา​อยู่​ถึงกับ​ชะงัก​เล็กน้อย​ ​คลื่น​เล็ก​ๆ​ ​กระเพื่อม​อยู่​ใน​ถ้วย​ชา​ของ​เขา

“​หึ​ ​นี่​คือ​จังหวะ​ดีที​่​จะ​ลงมือ​”​ ​หนา​นกง​เลี่ย​ก้าว​เท้า​ออก​ไป​อย่าง​ยินดี​ปรีดา​ ​”​ไป​กัน​เถอะ​ ​ข้า​จะ​นำ​ทัพ​ให้​เอง​!​”

คุณชาย​เฮย​ผู้​ขึ้นชื่อ​ใน​เรื่อง​ของ​ความ​น่าเกรงขาม​และ​ความเด็ดเดี่ยว​เอง​ก็​เดิน​เข้ามา​ ​เพียงแต่​ไม่ได้​เป็น​อย่างที่​หนา​นกง​เลี่ย​คิด​เอาไว้​ ​แทนที่จะ​เป็น​เช่นนั้น​ ​เขา​กลับ​เข้ามา​รั้ง​ตัว​ศิษย์​ร่วม​หอ​ชั้นเยี่ยม​ของ​ตน​เอาไว้​ ​แล้ว​ผลัก​เขา​ออก​ไป​อีก​ทาง​ ​น้ำเสียง​ทรง​เสน่ห์​ของ​เขา​ติดจะ​ทุ้ม​ต่ำ​ ​”​แพ้​แล้วก็​คือ​เจ้า​แพ้​แล้ว​”

“​แต่​…​”​ ​คนที​่​อยู่​ใน​การแข่งขัน​ไม่​อาจ​ทำใจ​เชื่อได้​ลง​ ​พวกเขา​ไม่​อยาก​เป็นรอง​หอ​ชั้นเลิศ​ ​การ​พ่ายแพ้​ให้​กับ​พวก​หอ​ชั้นเลิศ​ยัง​เป็นเรื่อง​ที่ยอมรับ​ได้​ ​แต่​พวกเขา​ดัน​แพ้​ให้​กับ​หอ​สามัญ​ด้วย

เฮย​เจ๋อ​ไม่สน​ใจ​ว่า​คน​คน​นั้น​จะ​รับได้​หรือไม่​ ​เขา​กระชาก​คอเสื้อ​ของ​อีก​ฝ่าย​ขึ้น​มา​ ​แล้ว​หันไป​พูด​กับ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ว่า​ ​”​พวกเรา​แพ้​แล้ว​ ​แต่​…​”​ ​เขา​เว้น​วรรค​ ​พร้อมกับ​ยิ้ม​อย่าง​ชั่วร้าย​ ​”​เจ้า​แน่ใจ​หรือว่า​เจ้า​จะ​เอาชนะ​คน​จาก​หอ​ชั้นเลิศ​ได้​ ​เมื่อถึง​คราว​ที่​ต้อง​แข่ง​กับ​หอ​ชั้นเลิศ​ ​ลำดับ​การ​ประลอง​จะ​ไม่ได้​เป็น​เช่นนี้​ ​การ​ประลอง​รอบ​แรก​จะ​เป็นการ​ประลอง​สาขา​พลัง​ปราณ​ ​เท่าที่​ข้า​รู้​ ​ผู้เข้าแข่งขัน​สาขา​พลัง​ปราณ​ของ​เจ้า​ยัง​ไม่เคย​ขึ้น​เวที​เลย​นี่​ ​จะ​ไม่เป็นไร​หรือ​”

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ขมวดคิ้ว​เข้าหา​กัน​ ​พูด​เช่นนี้​หมายความว่า​เขา​สงสัย​ถึง​ความสามารถ​ของ​คนใน​กลุ่ม​นาง​หรือ​ ​ริมฝีปาก​บาง​ของ​นาง​โค้ง​ขึ้น​ ​และ​กำลังจะ​อ้า​ปาก​ตอบ

แต่​แล้ว​นาง​ก็ได้​ยิน​เสียง​แหบ​พร่า​ดัง​ขึ้น​ข้าง​หู​เสียก่อน​ ​เสียง​นั้น​ฟัง​ดู​ไพเราะ​แต่​ก็​ชั่วร้าย​เย็นชา​ ​น้ำเสียง​นั้น​เย็น​เหยียบ​ ​ทั้ง​ยัง​แผ่วเบา​ราวกับ​น้ำแข็ง​ที่​ละลาย​อยู่​ใน​ชาดำ​ ​เมื่อ​อยู่​ใต้​แสงแดด​แผด​จ้า​เช่นนั้น​ ​ย่อม​ดึงดูด​ความสนใจ​จาก​ผู้คน​ได้​อย่าง​ไม่ยาก​เย็น​ ​”​สู้​กัน​สัก​ตั้ง​ไหม​ล่ะ​”

เฮย​เจ๋อ​หันกลับ​ไป​มอง​ ​และ​เห็น​เพียง​ร่าง​ของ​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ค่อยๆ​ ​ลุกขึ้น​จาก​เก้าอี้​ไม้​ ​ขา​เรียว​ยาว​สมบูรณ์แบบ​ทั้งสอง​ข้าง​ ​เอวบาง​ ​และ​แผ่น​อก​กว้าง​ของ​เขา​ประกอบ​รวมกัน​เป็น​รูปสามเหลี่ยม​คว่ำ​ได้​อย่าง​สมบูรณ์แบบ

เขา​ยกมือ​ขึ้น​ปัดฝุ่น​ที่​ไม่มี​อยู่​จริง​ออกจาก​ชุด​ ​จากนั้น​จึง​ค่อยๆ​ ​เดิน​มาหา​เขา​ ​เสื้อคลุม​ตัว​ยาว​สะบัด​พลิ้ว​ ​กระทบ​กับ​แสงแดด​ที่​สาดส่อง​ลงมา​ ​เกิด​เป็นประกาย​ระยิบระยับ​งดงาม​อยู่​รอบตัว​ ​แต่​ในเวลาเดียวกัน​ก็​ทำให้​เขา​ดู​ชั่วร้าย​ราวกับ​ดอก​ปี่​อั้น​ที่​เบ่งบาน​อยู่​ใน​แดน​ปีศาจ​…

ความรู้สึก​ที่​เต็มไปด้วย​ความอำมหิต​เย็นชา​อัน​ยาก​จะ​อธิบาย​ได้​แผ่​ไป​ทั่วทั้ง​ร่าง

ความ​หล่อเหลา​ที่​ราวกับ​อยู่​เหนือ​โลก​ใบ​นี้

ใบหน้า​ด้าน​ข้าง​ของ​เขา​ดูรา​วกั​บอ​่า​วอัน​เงียบสงบ​ที่​ตัดขาด​จาก​โลก​ภายนอก​ ​มัน​ทั้ง​บริสุทธิ์​ ​เย็นชา​ ​และ​สูงส่ง​ ​เสีย​จน​ไม่มี​ผู้ใด​สามารถ​ละสายตา​ไป​จาก​เขา​ได้

ครอบครอง​ความสง่างาม​อัน​โดดเด่น​เฉกเช่น​ปีศาจ​ ​แต่​ก็​ครอบครอง​เสน่ห์​ดึงดูด​เฉกเช่น​เทพ​เซียน​ด้วย​เช่นกัน

ทั้ง​ดีงาม​และ​ชั่วร้าย​ ​แต่​ก็​หล่อเหลา​เหลือคณา

เฮย​เจ๋อ​ขมวดคิ้ว​ ​รู้สึก​ได้​โดยสัญชาตญาณ​ว่า​อีก​ฝ่าย​เป็น​คนที​่​รับมือ​ยาก​เพียงใด​ ​ไม่​แปลกใจ​เลย​ที่​คน​จาก​หอ​ชั้นเลิศ​จะ​เห็น​เขา​เป็น​ดั่ง​หนาม​ตำตา

เขา​เพียงแค่​อาศัย​ใบหน้า​นั้น​ก็​คง​เพียงพอ​แล้ว​ที่จะ​สร้าง​ความอิจฉา​ริษยา​ให้​ใครต่อใคร​ได้​อย่าง​ล้นหลาม

เด็กสาว​ที่​โต​ขึ้น​มา​พร้อมกับ​เขา​ย่อม​ชอบ​ผู้ชาย​หน้าตา​เช่นนี้

เมื่อ​คิดถึง​เรื่อง​นี้​ขึ้น​มา​ ​ดวงตา​ของ​เฮย​เจ๋อ​ก็​พลัน​แข็งกร้าว​ ​เขา​เลิก​คิ้ว​ขึ้น​ ​และ​มอง​ไป​ยัง​ชายหนุ่ม​ที่อยู่​ตรงหน้า​ตน​ ​”​ได้​อยู่​แล้ว​”

แม้ว่า​พวกเขา​จะ​ยัง​ไม่ทัน​ได้​ประมือ​กัน​ ​แต่​ระหว่าง​พวกเขา​ก็​มี​ประกายไฟ​ลั่น​ดัง​เปรี๊ยะ​ๆ​ ​เสีย​แล้ว

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​รู้สึก​ปวดหัว​ขึ้น​มา​ ​นาง​ยกมือ​ขึ้น​กุมขมับ​ตัวเอง​ ​ในที่สุด​นาง​ก็​รู้​แล้ว​ว่า​ท่าน​เจ้าสำนัก​รู้สึก​อย่างไร​ ​สถานการณ์​นี้​ทำให้​รู้สึก​จนปัญญา​จริงๆ

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ไม่​พูด​อะไร​ ​และ​ทำ​เพียง​คว้า​มือ​ของ​เฮย​เจ๋อ​เอาไว้​ ​ปฏิกิริยา​แรก​ของ​นาง​คือ​กำจัด​เจ้า​อันธพาล​ขี้​ใจร้อน​คน​นี้​ออก​ไป​ก่อน

นิ้ว​ของ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ชะงัก​ไป​ ​สายตา​ของ​เขา​หยุด​ลง​ที่​ร่าง​ของ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ ​ดวงตา​สีดำ​สนิท​ของ​เขา​พลัน​จม​ลง​ลึก​ยิ่งกว่า​เดิม​ ​ใบไม้​บน​ต้นไม้​ทุก​ต้น​ที่​ร่วง​ลงมา​รอบ​บริเวณ​นั้น​ต่าง​ถูก​สายลม​พัด​จน​หมุน​ขึ้นไป​บน​อากาศ​อีกครั้ง​ ​กลีบดอกไม้​สีน้ำเงิน​เข้ม​ปลิว​ขึ้น​และ​ร่วงหล่น​ลงมา​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ ​คล้าย​ทุกสิ่ง​เคลื่อนไหว​เป็น​ภาพ​ช้า​ราวกับ​ตก​อยู่​ใน​เวทมนตร์

ใน​เวลา​เพียง​เสี้ยว​วินาที​ ​ความ​หนาวเย็น​ที่​แผ่ออก​มาจาก​ร่าง​ของ​เขา​ก็​ถึงกับ​ทำให้​หนา​นกง​เลี่ย​ที่​ยืน​มองดู​เหตุการณ์​อยู่​ข้าง​เวที​ถึงกับ​ตัวสั่น​สะท้าน​ใน​ทันใด​!

นี่​คือ​ ​อา​เจ​วี​๋​ย.​..​ ​กำลัง​โกรธ​อยู่​หรือ