บทที่ 71: เก่งแล้วนี่!

หวังเต็งได้ทําการบ้านมาอย่างดีแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าหินพลังงานคืออะไร

หินพลังงานนั้นเกิดขึ้นจากการรวมพลังภายในสวรรค์และดินเข้ากับแร่ธาตุ แร่ธาตุเหล่านี้จะถูกฝังอยู่ในส่วนลึกใต้พื้นดินของภูมิประเทศแบบพิเศษ และเมื่อเวลาผ่านไป แร่ธาตุเหล่านี้ก็จะค่อยๆกลายเป็นหินคริสตัลฟอร์ส

พวกมันส่วนใหญ่สามารถพบได้ในทวีปซินหวู่

เนื่องจากฟอร์สเพิ่งปรากฏบนโลกได้เมื่อ 30 ปีก่อนเท่านั้น ดังนั้นมันจึงยังไม่นานพอที่จะก่อตัวเป็นหินพลังงาน

สําหรับเม็ดยาจิตวิญญาณ พวกมันก็ถูกสร้างขึ้นโดยนักเล่นแร่แปรธาตุที่หลอมรวมสมุนไพรจิตวิญญาณและยารักษาโรคทุกชนิดโดยใช้วิธีการพิเศษ ด้วยเหตุนี้เอง เม็ดยาจิตวิญญาณเหล่านี้จึงมีสรรพคุณหลายอย่าง

มันมีเพียงนักสู้เท่านั้นที่สามารถใช้ทรัพยากรทั้งสองนี้ได้ แน่นอนว่าพวกมันก็ยังมีบทบาทสําคัญสําหรับศิษย์นักสู้ขั้นสูงที่ต้องการก้าวสู่การเป็นนักสู้อีกด้วย

สําหรับบางคน หากพวกเขาไม่สามารถดูดซับพลังฟอร์สได้เพียงพอในระหว่างกระบวนการบุกทะลวงสู่การเป็นนักสู้ ความพยายามก่อนหน้านี้ทั้งหมดของพวกเขาก็จะสูญเปล่าไป

ด้วยเหตุนี้เอง การครอบครองหินพลังงานหลายก้อนที่บรรจุพลังฟอร์สหรือเม็ดยาจิตวิญญาณเอาไว้นั้นจึงเป็นการรับประกันที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม หินพลังงานและเม็ดยาจิตวิญญาณก็เป็นทรัพยากรที่สําคัญที่มอบให้กับกลุ่มที่มีอํานาจต่างๆเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น โรงเรียน,ทหาร,หรือสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ชั้นนํา และเฉพาะนักสู้ที่อยู่ในกลุ่มเหล่านี้เท่านั้นที่จะได้รับทรัพยากรเหล่านี้

สําหรับกลุ่มเล็กๆอื่นๆ ทรัพยากรที่พวกเขาได้รับนั้นก็จะค่อนข้างจํากัด และแม้แต่ในตลาด มันก็ยังมีเพียงแบรนด์ใหญ่ที่รัฐบาลยอมรับอย่างเป็นทางการเท่านั้นที่จะสามารถขายสินค้าเหล่านี้ได้

ท้ายที่สุดแล้ว หากทรัพยากรเหล่านี้ตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย มันก็อาจจะทําให้เกิดปัญหาใหญ่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง ทรัพยากรเหล่านี้จึงมีอยู่น้อยมากในตลาดมืด และแม้ว่าพวกเขาจะมีเงินมากแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจจะซื้อได้

และก็ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นเรื่องที่ฟุ่มเฟือยอย่างไม่ต้องสงสัยสําหรับผู้อํานวยการโรงเรียนมัธยมตงไห่ที่จะมอบสิ่งของสองชิ้นนี้ให้เป็นรางวัลให้กับนักเรียนของเขา

สําหรับรางวัลลึกลับที่เขากล่าวถึง หวังเต็งก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

นี่เป็นเกมการเมืองด้วยอย่างงั้นหรอ?

ครั้งสุดท้ายที่เขาถูกกระทําในลักษณะเดียวกันนี้ก็เป็นตอนของโจวไปหยุน และตอนนี้ แม้แต่ผู้อํานวยการของเขาก็ยังมาเล่นเกมเดียวกันนี้ นี่มันน่าเบื่อมากจริงๆ พวกเขาอายุเท่าไหร่กัน?

“ ผู้อํานวยการ ฉันคิดว่าระบบการให้รางวัลนั้นดีมาก มันสามารถกระตุ้นให้ผู้เข้าสอบทําได้ดีขึ้น ฉันเชื่อว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้ โรงเรียนของเราก็จะต้องประสบความสําเร็จอย่างแน่นอน คุณสามารถเตรียมรางวัลรอไว้ได้เลย” หวังเต็งกล่าวอย่างชอบธรรม

เขาไม่ได้พูดถึงตัวเองสักคําในคําตอบของเขา

อย่างไรก็ตาม ดวงตาของผู้อํานวยการก็เป็นประกาย เขาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหวังเต็งและยิ้มอย่างมีนัยยะ มันมีความเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดออกมา

“ ได้ยินเธอพูดแบบนี้ฉันก็สบายใจ”

“ เอาล่ะ ฉันไม่รบกวนการพักผ่อนของเธอแล้ว”

เมื่อผู้อํานวยการพูดจบและวางมือไปไขว้ข้างหลัง จากนั้นเขาก็ออกไปพร้อมกับครูคนอื่นๆในโรงเรียน

“ ทําไมฉันถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามันมีรางวัลสําหรับการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ด้วย” หวังเต็งถามหลินซัวหานที่อยู่ข้างๆเขา

“ มันมีการให้รางวัลมาตั้งนานแล้ว แต่นายก็แค่ไม่ได้สังเกต นายควรจะละอายใจนะ ก็เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นนายเอาแต่โดดเรียนหรือไม่ก็ไม่สนใจในชั้นเรียน ดังนั้นมันจะแปลกมากกว่า ถ้านายรู้เรื่องนี้” หลินซัวหานกลอกตา

“ ก็ได้ๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันผิดเองแหละ” หวังเต็งหัวเราะอย่างเชื่องช้า

“ คุณคิดจะทําอะไรในตอนบ่าย” หยางเจี้ยนขัดจังหวะพวกเขาในขณะนี้

“ โรงอาหารจะมีการถ่ายทอดสดการตรวจสอบระดับในช่วงบ่าย ดังนั้นฉันก็จะใช้เวลาที่นั่น” หลินชั่วหานแนะนํา

“ นี่เป็นความคิดที่ดี เราต้องจดบันทึกการตรวจสอบระดับในช่วงบ่าย ใครจะไปรู้? อยู่ๆมันก็อาจจะมีม้ามืดปรากฏขึ้นมาอีกก็ได้” หยางเจี้ยนพยักหน้า เขามองไปที่หวังเต็งและถามว่า “ นายน้อยหวัง แล้วคุณล่ะ? คุณมีแผนจะทําอะไร?”

“ ฉันจะไปหาที่นอน” หวังเต็งหาว

“ ก็ได้ คุณมันเก่งแล้วนี่ คุณจะสามารถทําอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ” หยางเจี้ยนยอมแพ้

สุดท้ายหวังเต็งก็ไม่ไปไหน พวกเขายังอยู่ระหว่างการสอบ ดังนั้นแม้ว่าเขาจะตรวจสอบเสร็จแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถออกไปได้

เขาทําได้แค่อยู่ในโรงอาหารอย่างเชื่อฟังกับนักเรียนที่เหลือเท่านั้น

เวลาพักผ่อนหนึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

บรรดาผู้ที่ยังไม่ได้ทําการตรวจสอบระดับของพวกเขาเข้าไปในสถานที่สอบทีละคน และกาตรวจสอบรอบใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

นักเรียนแถวที่แปดมารวมตัวกัน พวกเขากําลังชมการถ่ายทอดสดการตรวจสอบ และบางครั้งพวกเขาก็จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

หลินหัวหานและหยางเจี้ยนพบว่าการถ่ายทอดสดนั้นน่าสนใจมาก ไม่นานพวกเขาก็เริ่มสนทนากับเพื่อนร่วมแถวคนอื่นๆ

หวังเต็งนั่งข้างๆ และไถโทรศัพท์เล่นท่ามกลางความเบื่อหน่ายของเขา

อันที่จริง ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่นั้นเป็นศิษย์นักสู้ขั้นกลาง มันมีศิษย์นักสู้ขั้นสูงเพียงจํานวนเล็กน้อยเท่านั้น

เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไปก่อนที่เหล่าศิษย์นักสู้ขั้นสูงจะเริ่มปรากฏตัว

“ ดูสิ นั่นหยานเผิงจากโรงเรียนมัธยมขี่ยหยิงนี้ ความแข็งแกร่ง 924 ความเร็ว 3.6 วินาที ร่างกาย 93!” หยางเจี้ยนอุทานออกมาทันที

เขาดึงดูดความสนใจของทุกคนด้วยเสียงตะโกนของเขา ทันใดนั้นทุกคนก็เริ่มพูดถึงผู้ชายคนนั้น

“ ผลงานของเขาเทียบเท่ากับโจวหวู่ของโรงเรียนเราเลย แต่ความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาดีกว่าโจวหวู่ด้วยซ้ำ”

ร่างกายของพวกเขาเหมือนกันจริงๆ!”

“ ถ้าพวกเขาต้องปะทะกัน โจวหวู่ก็อาจจะเสียเปรียบได้”

“ มันยากที่จะพูด แม้ว่าความแข็งแกร่งและความเร็วของโจวหวู่จะอ่อนแอกว่า แต่นายก็ต้องไม่ลืมเรื่องเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานที่พวกเขามีด้วย”

“ ถูกต้อง ถ้าโจวหวู่เข้าใจเทคนิคการต่อสู้ขั้นพื้นฐานของเขามากกว่า หยานเผิงก็อาจจะพบกับปัญหาใหญ่ได้”

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบความสามารถของเด็กสองคนนี้

เมื่อนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมขี่ยหยิ่งได้ยินการสนทนาของนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมตงไห่ พวกเขาก็แสดงท่าทางภาคภูมิใจบนใบหน้าของพวกเขา

ดูสิ ฮุ่ยหยิงของเราก็มีศิษย์นักสู้ขั้นสูงที่ทรงพลังเช่นกัน เราแข็งแกร่งเหมือนคุณ ดังนั้นแล้วคุณจะหยิ่งผยองไปทําไม

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นหวังเต็งที่กําลังไถโทรศัพท์ของเขาด้วยความเบื่อหน่ายอยู่ที่ด้านข้าง พวกเขาก็รู้สึกหดหูขึ้นมาในทันที แม้แต่ตอนที่ศิษย์นักสู้ขั้นสูงอย่างหยานเผิงปรากฏตัว เขาก็ยังไม่แสดงออกถึงความกังวลใดๆ

ระยะห่างระหว่างหยานเผิงและหวังเต็งยังกว้างอยู่เล็กน้อย!

หากเทียบกับหัวหอกของตงไห่อย่างหวังเต็ง ฮุบหยิงของพวกเขก็ไม่สามารถสู้อะไรได้เลย

โกรธ!

สัตว์ประหลาดตัวนี้ปรากฏขึ้นในโรงเรียนมัธยมตงไห่ได้อย่างไรกัน?

นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมขี่ยหยิ่งรู้สึกไม่มีความสุข แต่พวกเขาก็ทําอะไรไม่ได้

สิ่งเดียวที่พวกเขาจะสามารถทําได้ก็คือภาวนา ภาวนาให้มีม้ามืดปรากฏขึ้นในโรงเรียนของพวกเขา และภาวนาอีกครั้งให้ม้ามืดตัวนั้นมืดเท่าหวังเต็ง

ในที่สุดการตรวจสอบระดับก็สิ้นสุดลง มันมีศิษย์นักสู้ชั้นสูงหลายคนปรากฏขึ้นในตอนท้าย อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครที่ความสามารถเกินโจวหวู่และหยานเผิง

ความแข็งแกร่งของนักเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่เกิน 900 และความเร็วของพวกเขาก็อยู่ระหว่างห้าถึงสี่วินาที และร่างกายของพวกเขาก็อยู่ที่แปดสิบบวก และมันก็มีเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่ผ่านช่วง 90 คะแนน

เวลา 5 โมงเย็น

การตรวจสอบระดับเสร็จสิ้นทั้งหมด

ผู้เข้าสอบทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ กลุ่มหนึ่งเป็นผู้สอบตกซึ่งจะถูกส่งกลับบ้านในทันที และอีกกลุ่มก็ประกอบไปด้วยคนที่กําลังจะไปยังสถานที่สอบถัดไป

หลิวเหวินซียืนอยู่ต่อหน้าผู้เข้าสอบทั้งหมดในพลาซ่าของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน เสียงของเขาดังไปทั่วจัตุรัส

“ น่าเสียดายที่พวกคุณบางคนสอบไม่ผ่าน อย่างไรก็ตาม พวกคุณทุกคนก็ยังเด็กอยู่ ปีหน้าคุณก็ยังคงมีโอกาสอีกครั้ง และตราบใดที่การสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้นั้นเป็นจุดมุ่งหมายของคุณและคุณก็ยังไม่ยอมแพ้ ฉันก็เชื่อว่าคุณจะสอบผ่านหลักสูตรศิลปะการต่อสู้และเข้ามหาวิทยาลัยไปในสักวันหนึ่ง”

“ ประเทศของเรากําลังให้ความสําคัญกับศิลปะการต่อสู้มากขึ้นเรื่อยๆ ฉันแน่ใจว่าพวกคุณทุกคนเองก็สามารถสังเหตุได้ ดังนั้นอย่ายอมแพ้ง่ายๆ มันยังมีโอกาสสําหรับคุณ และฉันก็หวังว่าจะได้เจอคุณอีกในปีหน้า”

นักเรียนที่ไม่ประสบความสําเร็จรู้สึกท้อแท้และบางคนก็ถึงกับคิดไม่ออก อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาได้ยินคําพูดของเขา ความคิดของพวกเขาก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง หากพวกเขาไม่ผ่านในปีนี้ พวกเขาก็ยังสามารถสอบใหม่ในปีหน้าหรือหลังจากนั้นก็ได้

ในปัจจุบัน ศิลปะการต่อสู้นั้นก็นับเป็นกระแสของยุคนี้ ดังนั้นหากพวกเขาไม่สามารถเป็นนักสู้ได้ พวกเขาก็อาจะต้องอยู่ในสังคมชนชั้นล่างต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้