เล่ม 1 ตอนที่ 55 การจู่โจมในยามวิกาล ตอนที่ 56 ประมือ

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 55 การจู่โจมในยามวิกาล / ตอนที่ 56 ประมือ
ตอนที่ 55 การจู่โจมในยามวิกาล

อาหารมื้อนี้กินจนค่ำมืด เทือกเขายาวเหยียดค่อยๆ เลือนหายไปกับรัตติกาล

กองไฟลุกโชน แสงไฟอาบไล้ใบหน้าของทุกคนทำให้รอยยิ้มดูอบอุ่นขึ้นหลายส่วน

สุดท้ายเฉินต้าเตาก็มิอาจครอบครองอาหารไว้แต่เพียงผู้เดียว

“ในเมื่อไม่อร่อย เจ้าก็อย่ากิน” เฉียวเวยหยิบจานจากไป

เฉินต้าเตาอยากจะร้องไห้แต่ไร้น้ำตา ทำไมชีวิตข้าจึงลำบากเช่นนี้ โกหกเพื่อให้ได้กินคนเดียว แต่กลับถูกคนยึดไปเสียนี่!

สิ่งที่น่าเศร้ายิ่งกว่าคือเมื่อทุกคนได้ลิ้มรสความอร่อยของไข่เยี่ยวม้า เล่ห์กลของเฉินต้าเตาก็ปิดบังไม่อยู่อีกต่อไป

หัวหน้าพรรคจะเหมาคนเดียว ไม่น่ารักเกินไปแล้ว!

หลังทานอาหารเสร็จ เฉียวเวยก็จ่ายค่าแรงให้ทุกคน แต่เฉินต้าเตาแสดงออกทันทีว่าไม่รับ ล้อเล่นหรือ เขาพาพี่น้องมาจัดการเรื่องกลุ้มใจให้ฮูหยิน แต่ยังจะรับเงิน? จะไร้น้ำใจมากเกินไปกระมัง!

“ถ้าเจ้าไม่รับ ครั้งหน้าหากทำนาอีก ข้าจะไม่บอกเจ้า” นางร้ายกับเฉพาะบางคนเท่านั้น ผู้ที่สมควรร้ายใส่ นางไม่มีทางใจอ่อนให้ แต่ยามนี้ทุกคนเป็นพวกเดียวกันแล้ว หากร้ายใส่ต่อไปย่อมไม่มีเหตุผล

เฉินต้าเตาเกรงว่าเฉียวเวยจะไม่เรียกใช้พวกเขาอีก หากเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่มีอาหารอร่อยๆ กิน ในที่สุดเขาจึงรับเงินไป แต่เขาไม่ได้รับมากนัก เฉียวเวยให้เงินสามร้อยอีแปะต่อคน แต่เขาขอรับเพียงสองร้อยอีแปะเท่านั้น

มีงานให้ทำ มีเงินให้ใช้และยังมีอาหารอร่อยๆ รสชาติถูกปาก ทุกคนลืมไปแล้วว่ามาด้วยความรู้สึกเช่นไร กลับกลายเป็นคาดหวังให้วันใส่ปุ๋ยหว่านเมล็ดมาถึงเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี

ทุกคนกลับไปอย่างมีความสุข ป้าหลัวกับซิ่วไฉเฒ่าช่วยเฉียวเวยทำความสะอาดสิ่งที่เหลือ

ก่อนหน้านี้เฉียวเวยยังไม่อยากอภัยให้ป้าหลัวนัก แต่วันนี้พริบตาที่ป้าหลัวพุ่งเข้ามาฟันคน ความขุ่นเคืองทั้งหมดก็มลายหายสิ้น

เฉียวเวยส่งบุ้งกี๋ที่ปัดจนสะอาดแล้วให้นาง “วันนี้ ขอบคุณท่านมาก”

ป้าหลัวรับมาด้วยมืออันสั่นเทา “เสี่ยวเวย ก่อนหน้านี้ข้าทำผิดต่อเจ้า ข้าไม่หวังว่าเจ้าจะยกโทษให้ข้าในทันที แต่เจ้าวางใจเถิด ต่อไปข้าจะ…”

เฉียวเวยเอ่ยขัด “เครื่องมือเก็บไว้บ้านของแม่บุญธรรมก่อน ข้าคงไม่ขนกลับขึ้นภูเขาแล้ว”

ป้าหลัวตะลึงอยู่ชั่วครู่ นางมองเฉียวเวยอย่างไม่อยากเชื่อ

ริมฝีปากของเฉียวเวยยกโค้ง “แม่บุญธรรมไม่อนุญาตหรือ”

ป้าหลัวพยักหน้าดั่งสากตำกระเทียม “อนุญาตสิ อนุญาต! แน่นอนว่าข้าอนุญาต!”

เสี่ยวเวยเรียกนางว่าแม่บุญธรรม เสี่ยวเวยให้อภัยนางแล้ว!

ซิ่วไฉเฒ่าลอบพยักหน้า เช่นนี้สิถูกต้อง ครอบครัวเดียวกันย่อมมีกระทบกระทั่งกันบ้าง หากเปิดอกคุยกันก็ไม่มีปัญหาอันใดแล้ว คุณหนูอยู่ข้างนอกคงไม่ง่าย มีครอบครัวคอยดูแลนางจึงจะเป็นการดี!

เฉียวเวยพาเด็กๆ กลับไปบนเขา

หลังจากทำนามาทั้งวัน เฉียวเวยก็เหนื่อยจนไม่อยากขยับตัว

แม้จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูไม่ได้ทำนาด้วย แต่การไปแย่งเนื้อกับพวกท่านลุงก็เหนื่อยมากเหมือนกัน ตอนที่เฉียวเวยกลับมาจากต้มน้ำในห้องครัว เด็กๆ ทั้งสองคนกับเสี่ยวไป๋ก็ผล็อยหลับไปบนโต๊ะแล้ว

คืนนั้นทั้งแม่และลูกหลับสนิทโดยไม่รู้ตัวสักนิดว่ามัจจุราชกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้พวกเขาทีละน้อย

ในป่าอันมืดสนิทจนยื่นมือออกมาก็มองไม่เห็นนิ้ว บุรุษสวมชุดดำสองคนกำลังมุ่งหน้ามาด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ ทั้งสองคนร่างกายกำยำนัก คนหนึ่งในนั้นแววตาเยือกยะเย็น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต

หลังจากเดินมาได้สักพัก บุรุษชุดดำผู้มีดวงตาเย็นยะเยือกก็เอ่ยปาก “อู๋ต้าจิน เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้มาผิดทาง”

อู๋ต้าจินกระซิบ “ข้าสืบอยู่นานกว่าจะมั่นใจ ไม่ผิดแน่”

บุรุษชุดดำเอ่ยอย่างดูแคลน “จำเป็นต้องทำตัวเป็นลับๆ ล่อๆ ด้วยหรือ สตรีเพียงนางเดียว ข้าบุกเข้าไป ฟันฉับเดียวก็สังหารนางได้แล้ว!”

อู๋ต้าจินขมวดคิ้ว “นางมิใช่สตรีธรรมดา! พี่น้องพรรคชิงหลงประมือกับนางมาหลายครั้ง ล้วนพ่ายให้กับนางทุกครั้ง!”

บุรุษชุดดำเยาะเย้ย “อู๋ต้าจิน คงมิใช่เจ้าไม่อยากยอมรับว่าเจ้ากระจอกงอกง่อย จึงจงใจบรรยายความเก่งกาจของนางเกินจริงกระมัง”

อู๋ต้าจินสำลัก จริงอยู่ว่าเขาจงใจโม้เรื่องอีกฝ่ายเพื่อให้ตนเองดูดี เพราะถึงอย่างไรปราชัยให้คนแข็งแกร่งก็ไม่เสียหน้าเท่ากับพ่ายแพ้ให้คนอ่อนแอ แต่เรื่องที่อีกฝ่ายรับมือไม่ง่ายก็มิใช่เรื่องโกหก ไม่เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงพ่ายแพ้อีกฝ่ายได้ไม่เป็นท่าขนาดนั้น

ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์วันนั้น เขาก็คับแค้นอยู่ในอก สาวน้อยผู้นั้นมิได้ชนะเขาด้วยทักษะการเล่นพนัน แต่เพราะทักษะการหลอกลวง! หากมีความสามารถ ก็ถือดาบจริงมาประลองกับเขาสิ! นางกล้าหรือไม่

หลังเขาสูญเสียพรรคชิงหลงก็เป็นเหมือนสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง ท่านอ๋องไม่แม้แต่จะเหลียวแลเขา ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะสาวน้อยคนนั้น!

หากวันนี้ไม่สับแม่สาวคนนั้นให้เละ เขาก็ไม่ใช่อู๋ต้าจิน!

ทั้งสองปีนเข้ามาในเรือนอย่างเงียบเชียบ

อู๋ต้าจินกระซิบ “นางทำนามาทั้งวัน น่าจะไม่ตื่นง่ายๆ แต่นางมีเพียงพอนอยู่ตัวหนึ่ง มันฉลาดนัก เจ้าต้องระวัง”

บุรุษชุดดำแค่นเสียงหยัน เขาเป็นองครักษ์เงาชั้นยอดของยิ่นอ๋อง จะจัดการเพียงพอนตัวเดียวไม่ได้หรือ

เสี่ยวไป๋ตื่นตั้งแต่ทั้งสองคนกระโดดเข้ามาในเรือนแล้ว มันเงี่ยหูฟังอย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่ง ก็ใช้อุ้งเท้าตะกุยเฉียวเวย

แต่เฉียวเวยหลับสนิทมากจริงๆ มันตะกุยอยู่นานก็ยังไม่ตื่น

ทันใดนั้นกระดาษหน้าต่างก็ถูกคนเจาะเป็นรู ไม้ไผ่เลาหนึ่งสอดเข้ามา

ดวงตาของเสี่ยวไป๋ดุดัน มันโก่งตัวแล้วกระโจนเข้าใส่ ตบไม้ไผ่ทีเดียวกระเด็น!

ทว่าชั่วพริบตานั้นเอง มือแข็งแรงก็ทะลุกระดาษเข้ามาคว้าหมับที่คอของเสี่ยวไป๋ เสี่ยวไป๋ร้องครวญคราง ถูกอีกฝ่ายกระชากผ่านหน้าต่างออกไปทันที

ตอนที่ 56 ประมือ

บุรุษชุดดำมองดูสัตว์ตัวจ้อยที่กำลังดิ้นรนสุดชีวิตอยู่ในกำมือ มันไม่สามารถส่งเสียงใดๆ ได้เพราะลำคอถูกจับไว้ เขาแสยะยิ้มเย็นยะเยือก “ติดกับข้าแล้วสินะ ผู้ใดให้เจ้าโอหังนัก!”

อู๋ต้าจินยกนิ้วให้อย่างดีใจ “ยอดเยี่ยม ความคิดล้ำเลิศจริงๆ! ก่อนหน้านี้เคยได้ยินว่าเจ้าตัวเล็กนี่ทำร้ายพี่น้องพรรคชิงหลงไปหลายคน ข้ายังคิดอยู่ว่าต้องลงแรงสักยกจึงจะกำราบมันได้! คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะจับได้ในครั้งเดียว!”

บุรุษชุดดำแค่นเสียงอย่างลำพอง หากจับเพียงพอนตัวเดียวไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นเขาก็ไม่ควรอยู่ข้างกายยิ่นอ๋องแล้ว

เพียงพอนตัวนี้ดูไม่เหมือนเพียงพอนทั่วไป อาจเป็นสินค้าหายาก ประเดี๋ยวนำไปมอบเป็นของกำนัลแก่ท่านอ๋อง ไม่แน่อาจได้ความดีความชอบก็เป็นได้!

บุรุษชุดดำมัดเสี่ยวไป๋แล้วยัดไว้ในถุงผ้า

เสี่ยวไป๋ถูกมัดแน่น ปากก็ถูกปิดไว้ มันจ้องเขาด้วยแววตาโกรธขึ้ง

อู๋ต้าจินชักมีดสั้นที่เอวออกมา กำลังงัดหน้าต่างเพื่อเข้าไปสังหารพวกนางแม่ลูก แต่บุรุษชุดดำหยุดเขาไว้

“มีอะไรหรือ” เขาถามอย่างสงสัย

บุรุษชุดดำพูดอย่างครุ่นคิด “หากเกิดคดีฆ่าคนตาย ที่ว่าการอำเภอย่อมต้องสอบสวน สืบมาถึงข้ากับเจ้าสองคนถือเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าพัวพันไปถึงท่านอ๋องด้วยจะแย่”

อู๋ต้าจินสนใจแต่การแก้แค้น ไม่เคยนึกถึงจุดนี้ หมู่บ้านซีหนิวสังกัดอยู่ที่ว่าการอำเภอเซียงจัง นายอำเภอประจำที่ว่าการแห่งนั้นเป็นพวกหัวแข็ง หากโวยวายใหญ่โตจนเรื่องไปถึงเมืองหลวง พวกเขาคงรับผลที่ตามมาไม่ไหวแน่

“แล้วจะทำเช่นไร” เขากำมีดสั้นแน่น

บุรุษชุดดำมองไปรอบๆ สายตาหยุดอยู่ที่ประตูห้องครัว “ตามข้ามา”

ทั้งสองเดินย่องเข้าไปในห้องครัวอย่างเงียบกริบ

ห้องครัวสะอาดอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่เตาก็สะอาดไร้ที่ติ หม้อและกระทะถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีคราบน้ำมันใดๆ หากไม่ใช่ว่าที่นี่แลดูทรุดโทรมยิ่งนัก บุรุษชุดดำเกือบจะคิดว่าตนเองกำลังเดินเข้าไปในห้องครัวของจวนอ๋อง

หญิงชาวบ้านธรรมดาผู้ไม่เคยเห็นโลกกว้าง เหตุใดจึงจัดห้องครัวได้เป็นระเบียบเช่นนี้

แม้แต่มีดยังลับจนเงาวับ!

ในใจบุรุษชุดดำลังเลอยู่พริบตาหนึ่ง

อู๋ต้าจินเปิดตู้กับข้าว หยิบเนื้อเย็นชืดชิ้นหนึ่งยัดเข้าปาก ดวงตาเป็นประกาย “องครักษ์หลิน นี่…นี่ สาวน้อยคนนี้ทำอาหารอร่อยมาก!”

องครักษ์หลินเหลือบมองอู๋ต้าจินด้วยความรังเกียจ เขาหาน้ำมันงาสองโหลใหญ่พบข้างโถข้าว เขาถือไว้เองโหลหนึ่งและโยนอีกโหลหนึ่งให้อู๋ต้าจิน

อากาศแห้งพึงระวังฟืนไฟ หากนางตายในบ้านตนเองเพราะไฟไหม้ ย่อมไม่เกี่ยวข้องอันใดกับผู้อื่น

แผนการนี้เดิมทีสมควรไร้ช่องโหว่ หากไม่มีพรรคพวกที่นิสัยดั่งสุกร

หลังจากอู๋ต้าจินได้ลิ้มรสความอร่อยของเนื้ออันเย็นชืด เขาก็ยกอาหารอย่างอื่นออกมาอีกหลายจาน!

เรื่องนี้จะโทษเขามิได้ เขาคอยซุ่มอยู่นานปานนี้ หิ้วท้องตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

แล้วอาหารที่สาวน้อยคนนี้ทำก็รสชาติดีกว่าฝีมือภรรยามากนัก ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเหตุใดขนมที่นางขายในเมืองจึงเป็นที่นิยม ช่างมีความสามารถจริงๆ

เขากินอย่างตะกละตะกลามจนเผลอชนถูกชามใบหนึ่ง ชามใบนั้นอยู่เหนือโถข้าวสาร มันร่วงลงมากระแทกกับโถจนเกิดเสียงดังเคร้ง แล้วตกลงมาแตกเป็นเสี่ยงๆ

เสียงดังลั่นปลุกเฉียวเวยให้ตื่นจากห้วงฝัน

เฉียวเวยลืมตา แววตาเย็นยะเยือก นางควานหาเด็กๆ บนเตียงเป็นสิ่งแรก เด็กๆ อยู่กันครบ ต่อมานางจึงควานหาเสี่ยวไป๋ กลับพบว่ามันหายไปแล้ว…

นางพลิกตัวลุกขึ้นนั่งทันที!

นางเห็นรูบนกระดาษที่หน้าต่างในทันใด แสงจันทร์สลัวส่องเข้ามา กลิ่นหอมของน้ำมันงาลอยโชยมา

กลิ่นฟุ้งเช่นนี้ ผิดปกติแล้ว!

นางเพ่งสายตามองก็เห็นเงาร่างหนึ่งแวบผ่านกระดาษหน้าต่างไป

เงานั่นเป็นของอู๋ต้าจิน เขารู้ว่าตนเองทำเสียเรื่องแล้วจึงถือขวดโหลน้ำมันงาวิ่งออกมาทันที

บุรุษชุดดำถลึงตามองเขาอย่างขัดใจ “กลัวเปิดเผยร่องรอยมิพอหรืออย่างไร”

ทะเล่อทะล่าวิ่งผ่านหน้าต่าง หากสตรีนางนั้นตื่นอยู่ เวลานี้ก็คงรู้ตัวแล้วว่ามีคนอยู่ในเรือน

ช่างเป็นตัวไร้ประโยชน์ ไม่แปลกใจเลยที่พ่ายแพ้สตรีนางหนึ่ง!

อู๋ต้าจินเป็นฝ่ายผิดย่อมมิกล้าเถียงเขา “ถ้าเช่นนั้นตอนนี้ควรทำอย่างไร”

“ได้แต่จัดการตรงๆ แล้ว” บุรุษชุดดำส่งขวดโหลให้อู๋ต้าจิน แล้วชักกระบี่ย่องไปทางประตูหน้าอย่างเงียบเชียบ

เฉียวเวยกลั้นลมหายใจ แนบตัวติดกับกำแพงข้างประตู

ทันใดนั้นกระบี่เล่มหนึ่งก็แทรกผ่านช่องว่างระหว่างบานประตูเข้ามา รูม่านตาของนางหดเล็ก มือกำมีดสั้นแน่น

กระบี่เล่มนั้นฟันเหล็กดุจเป็นโคลน ฉับเดียวก็ฟันกลอนประตูขาด

บุรุษชุดดำคือองครักษ์เงาแห่งจวนอ๋อง เขาไม่เห็นหญิงสาวตัวเล็กๆ อยู่ในสายตา เขาก้าวอาดๆ เข้าไปในบ้าน ตวัดกระบี่ฟันเฉียวเวยผู้ซ่อนตัวอยู่หลังประตู!

เฉียวเวยไถลตัวหลบลงด้านล่าง กระบี่ของเขาจึงฟันเข้าไปในกำแพง

จากนั้นเฉียวเวยก็มุดลอดใต้แขนเขาอย่างว่องไว หนีเข้าไปในตัวบ้าน

บุรุษชุดดำคิดไม่ถึงว่านางจะหลบกระบี่ของตนได้ เขาชะงักชั่วพริบตาหนึ่ง ก่อนจะไล่ตามไปอย่างเกรี้ยวกราด

ทันทีที่เฉียวเวยเข้าไปในบ้าน นางก็ได้กลิ่นน้ำมันงาอบอวล จากนั้นหันไปเห็นอู๋ต้าจินกำลังถือขวดน้ำมันอยู่ ยังมีสิ่งใดไม่เข้าใจอีก

เจ้าลูกสุนัข! รู้หรือไม่ว่าน้ำมันงาแพงเพียงใด ปกตินางตัดใจกินไม่ลงด้วยซ้ำ แต่พวกเขากลับเททิ้งบนพื้น!

คิดจะทำอันใด ลอบวางเพลิงหรือ

ต่ำช้าจริงๆ!

เฉียวเวยชักมีดสั้นออกมาแทงอู๋ต้าจินโดยไม่พูดอะไรสักคำ!

อู๋ต้าจินรีบยกขวดโหลขึ้นบัง มีดสั้นเจาะทะลุขวดโหลทันที น้ำมันงาสาดไปทั่วร่างกายของอู๋ต้าจิน นางฉวยโอกาสที่เขาตั้งตัวไม่ทัน เสือกมีดสั้นเข้าใส่หมายจะเอาชีวิตของเขา!

บุรุษชุดดำรีบเตะหินก้อนน้อยโจมตีหัวไหล่ของเฉียวเวย

เฉียวเวยมือสั่น มีดสั้นเบนจากเป้าหมายครึ่งชุ่น ตัดถูกหูของอู๋ต้าจินขาด!

อู๋ต้าจินลงไปกลิ้งบนพื้นด้วยความเจ็บปวด

บุรุษชุดดำตกตะลึงอีกครั้ง มิใช่เพราะฝีมือของนาง แต่เพราะท่าทางดุร้ายแฝงรังสีอำมหิตนั่น ช่างไม่เหมือนหญิงสาวชาวบ้านจริงๆ

อันที่จริงความคิดของเฉียวเวยเรียบง่ายมาก บุรุษชุดดำวรยุทธ์สูงเกินไป นางไม่รู้ว่าจะเอาชนะได้หรือไม่ หากนางต่อสู้ติดพันอยู่กับบุรุษชุดดำ เดนมนุษย์อู๋ต้าจินจะต้องฉวยโอกาสแอบเข้าห้องไปทำร้ายลูกของนางแน่ ดังนั้นนางต้องจัดการอู๋ต้าจินก่อน!

บุรุษชุดดำมองนางอย่างระแวดระวัง “เจ้าอายุยังน้อย แต่กลับลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้ เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่”

เฉียวเวยยิ้มเย็นชา “เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าเป็นผู้ใด แต่กล้ามาหาเรื่องข้าเช่นนั้นหรือ”

บุรุษชุดดำหรี่ตาลง เขารู้สึกว่าใบหน้าของหญิงชาวบ้านนางนี้คุ้นตานัก ราวกับว่าเคยเห็นที่ใดมาก่อน “เจ้ามีนามว่าอันใด”

“เจ้าไม่คู่ควรจะรู้” เฉียวเวยมองถุงที่ห้อยอยู่ตรงเอวของเขา “เจ้าจับเพียงพอนของข้าไว้สินะ”

บุรุษชุดดำยิ้ม “แล้วจะทำไม หากเจ้ามีความสามารถก็มาแย่งเอาเอง!”

แย่งก็แย่งสิ!

เฉียวเวยยกเท้าขึ้นเตะซี่โครงซ้ายของเขา!

บุรุษชุดดำตกใจที่หญิงสาวคนนี้โจมตีเข้าจุดจังเหมิน[1]ของเขา!

ไป๋ฮุ่ย[2]!

เหว่ยลี่ว์[3]!

แต่ละกระบวนท่าล้วนเป็นจุดตาย!

เห็นได้ชัดว่านางไม่เป็นวรยุทธ์ แต่กลับรู้จุดฝังเข็มราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญ นางเป็นผู้ใดกันแน่!

บุรุษชุดดำต่อสู้พัวพันจนไม่สามารถผละออกมาได้

อู๋ต้าจินล้มลุกคลุกคลานขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งเข้าไปในบ้าน

เฉียวเวยตัดถุงข้างเอวของบุรุษชุดดำ เสี่ยวไป๋หลุดจากเชือกตั้งแต่อยู่ในถุงแล้ว ทันทีที่ถุงตกลงพื้น มันก็พุ่งออกมาดุจสายฟ้า!

เฉียวเวยยกมือชี้ “เสี่ยวไป๋ หยุดเขา!”

เสี่ยวไป๋ตวัดกรงเล็บอันแหลมคมและขย้ำกัดอู๋ต้าจินอย่างไร้ความปรานี!

อู๋ต้าจินกรีดร้องทรุดลงบนพื้น

ในเวลาเดียวกัน มีดสั้นของเฉียวเวยก็แทงถูกหน้าอกของบุรุษชุดดำ

“ท่านแม่ ทำอันใดอยู่หรือขอรับ เหตุใดเสียงดังเช่นนี้”

จิ่งอวิ๋นขยี้ตาเดินมาที่ประตูอย่างสะลึมสะลือ

เฉียวเวยดึงมีดสั้นออก หน้าถอดสีทันใด “จิ่งอวิ๋น! เข้าไปเร็ว!”

น่าเสียดายสายไปก้าวหนึ่ง บุรุษชุดดำข่มความเจ็บปวด ใช้วิชาตัวเบาคว้าตัวจิ่งอวิ๋นหายลับไปในความมืด

[1] จุดจังเหมิน จุดลมปราณหน้าซี่โครงแนวระนาบเดียวกับข้อศอก เมื่อถูกโจมตีจะทำให้ตับหรือม้ามกระทบกระเทือน ทำร้ายกะบังลมทำให้เลือดลมติดขัด

[2] ไป๋ฮุ่ย จุดลมปราณกลางกระหม่อม แนวระนาบเดียวกับปลายหูสองข้าง

[3] เหว่ยลี่ว์ จุุดลมปราณบริเวณปลายกระดูกก้นกบ