ตอนที่ 169 ผงาด
บริษัทโลนวูล์ฟ
บรรยากาศหลายวันมานี้ค่อนข้างตึงเครียด เพราะนับตั้งแต่บริษัทส่งออเดอร์ ทางชีซิงก็น่าจะได้ข้อสรุปในเร็ววัน
“ไม่รู้ว่าครั้งนี้ผลงานของเรดมูนเป็นอย่างไร พวกเราจะแพ้หรือเปล่า”
รองหัวหน้ากระวนกระวายใจ
สีหน้าของหัวหน้าแลดูเย็นชา “ออเดอร์แข่งขันในครั้งนี้โลนวูล์ฟจะแพ้ไม่ได้ เพราะคู่แข่งของเราคือเรดมูน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อันดับของสองบริษัทใกล้เคียงกัน แค่ความแค้นของทั้งสองบริษัท เราก็มีเหตุผลมากพอให้แพ้ไม่ได้แล้ว!”
“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
รองหัวหน้าทอดถอนใจอีกครั้ง “ฉันยอมพังเองดีกว่า แพ้ให้หนึ่งในบริษัทไก่กาพวกนั้น แต่จะไม่แพ้ให้เรดมูนเด็ดขาด แถมยังมีทั้งวงการคอยจับตาดูออเดอร์แข่งขันของพวกเราอยู่ ถ้าแพ้ละก็ขายหน้าแย่เลย”
“คุณก็กล้าพูดนะ”
หัวหน้าจนคำพูด ก่อนจะเอ่ยอย่างอับจนหนทาง “แต่ที่คุณพูดก็จริง ถ้าจะแพ้ให้อีกสามบริษัท ยังดีกว่าแพ้เรดมูน อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องโดนเรดมูนหัวเราะเยาะ ใครๆ เขาก็รู้กันหมดว่าสองบริษัทเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน”
ขณะเดียวกันนั้นเอง
ณ บริษัทเรดมูน
สถานการณ์ทางนี้แทบไม่ได้แตกต่างจากโลนวูล์ฟเลย
พนักงานทุกระดับล้วนรอผลของออเดอร์ชีซิง เพราะทั้งสองบริษัทเป็นคู่แข่งตัวฉกาจกัน ต่อให้ตอนนั้นจะบอกว่าลงเอยกันด้วยดีแล้ว แต่หนามยอกอกไหนเลยจะบ่งออกไปได้ง่ายๆ
“ปัญหาจิ๊บจ๊อย!”
“เรดมูนต้องชนะ!”
“ถึงยังไงเพลงนี้ก็ทุ่มสุดตัวกันแล้ว นักแต่งเพลงมือทองหลายคนช่วยกันออกความเห็น กว่าจะทำเพลงนี้ออกมาได้ ทุกคนได้ฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่เลว ไม่มีเหตุผลให้แพ้โลนวูล์ฟเลย”
“…”
ปากก็พูดมาเสียมั่นอกมั่นใจ ทว่าความจริงแล้วบรรดานักประพันธ์เพลงส่วนมากให้กำลังใจตัวเองอยู่ต่างหาก บทเพลงของพวกเขาไม่เลวก็จริง แต่ทางโลนวูล์ฟเองก็พยายามสุดความสามารถเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
การรอคอยทำให้คนเรารู้สึกทรมานเสมอ
ทว่าผู้ที่ทนทุกข์ทรมานมีเพียงโลนวูล์ฟและเรดมูน ในวงการกลับรู้สึกตื่นเต้นประหนึ่งกำลังรับชมละครหลังข่าว ไม่ว่าสองบริษัทนี้จะชนะหรือปราชัย ก็เป็นเรื่องสนุกเรื่องหนึ่งซึ่งผู้คนในวงการคอยติดตาม ถึงขั้นที่ผู้ว่าจ้างบางรายเองก็ยังซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก
“สองเดือนแล้ว”
“ผลจะออกแล้ว”
“โลนวูล์ฟมีความหวังมากกว่า”
“ดูจากอันดับแล้วโลนวูล์ฟเก่งกว่า”
“แต่อันดับของเรดมูนก็ไม่ได้ต่ำกว่ามากนะ”
“ทางชีซิงน่าจะประกาศได้แล้วนะ ยังไงซะตอนนี้เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นร้อนขึ้นมา คนตั้งเยอะแยะรอผลอยู่ ยังไงฉันก็คาดหวังว่าเรดมูนจะชนะ เพราะอันดับของเรดมูนต่ำกว่าหน่อย”
“แกเห็นใจคนอ่อนแอว่างั้น?”
“ถ้าจะเห็นใจคนอ่อนแอจริงๆ เทียบกับเรดมูนกับโลนวูล์ฟแล้ว ผู้ว่าจ้างอย่างบริษัทตัวประกอบอีกสามรายที่เหลือไม่อ่อนแอกว่าหรือไง เอาไว้รอดูสามบริษัทที่เหลือโค่นเรดมูนกับโลนวูล์ฟ ตอนนั้นแหละจะสนุกสุดๆ!”
“…”
แน่นอนว่าบทสนทนาด้านหลังมาจากเจตนาอยากสัพยอกหยอกเอิน คนที่พูดว่าเรดมูนและโลนวูล์ฟจะถูกล้มนั้นเพียงแค่คะนองปากก็แค่นั้น
แม้ว่าเรดมูนและโลนวูล์ฟต่างก็ไม่ค่อยชอบใจกับความคะนองปากประเภทนี้สักเท่าไหร่ก็เถอะ
และขณะที่ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในความกระวนกระวาย ตัวแทนผู้ว่าจ้างของชีซิงก็ติดต่อทั้งสองบริษัทไปในที่สุด
ผลของออเดอร์แข่งขันออกมาแล้ว
“เป็นยังไงบ้างคะ”
ทันทีที่โลนวูล์ฟรับโทรศัพท์จากตัวแทนของชีซิง ก็ลอบกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
ขณะนั้นรองหัวหน้าก็รีบขยับเข้ามาใกล้โทรศัพท์มือถือโดยหลงลืมเรื่องมารยาทไปเสียสนิท เพราะอยากฟังผลของออเดอร์แข่งขันในทันที
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
ตัวแทนจากชีซิงบอก
หัวหน้าและรองหัวหน้าของโลนวูล์ฟสบตากัน ขณะเดียวกันก็เห็นความผิดหวังฉายวาบในแววตาของอีกฝ่าย
รองหัวหน้าส่ายหน้า
สุดท้ายแล้วก็เป็นหัวหน้าที่แข็งใจพูดออกไปว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ค่อยยอมรับผลสักเท่าไหร่ “ครั้งนี้ผลงานของเรดมูนดีกว่าของพวกผมเหรอครับ”
“ไม่ใช่ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น?”
“สตาร์ไลท์มิวสิก”
“…”
หลังจากตัวแทนจากชีซิงวางสายไป หัวหน้าของโลนวูล์ฟยังคงตั้งสติกลับมาไม่ได้
จนกระทั่งเสียงสัญญาณในโทรศัพท์หายไป เขาถึงพึมพำขึ้นมาว่า “เหมือนจะพังจริงๆ ด้วย”
ฝีเท้าของรองหัวหน้าพลันชะงักค้าง
นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
ขณะที่โลนวูล์ฟตระหนักได้ว่าตนโดนโค่นแล้ว ทางฝั่งเรดมูนก็ได้รับข้อมูลเดียวกันจากชีซิง
อย่างไรก็ดี ปฏิกิริยาของเรดมูนนั้นสุขุมเยือกเย็นกว่าทางโลนวูล์ฟอย่างเห็นได้ชัด หัวหน้าทั้งสองคนคล้ายกับว่าจะยอมรับผลจากชีซิงได้ง่ายกว่า
“คุณปักธงตั้งเป้าไว้ไม่ใช่เหรอครับ”
จู่ๆ หัวหน้าของเรดมูนก็โพล่งขึ้นมา
รองหัวหน้าของเรดมูนรู้ว่าอีกฝ่ายมีความหมายโดยนัย การตอบสนองจึงไม่ได้ช้าไปกว่าอีกฝ่ายเลย
“คุณเองก็ปักธงตั้งเป้าไว้เหมือนกัน พวกเราสองคนยืนอยู่ด้วยกันเหมือนแม่ทัพบนเวที[1]มั้ยล่ะคะ”
มีแต่เบื้องหลังของแม่ทัพบนเวทีนั่นแหละ ถึงจะปักธงไว้เต็มไปหมด
ผ่านไปราวยี่สิบนาทีหลังจากที่เรดมูนและโลนวูล์ฟทราบผล ผลของออเดอร์แข่งขันของชีซิงก็ถูกประกาศออกไป
ผู้รวมงาน: สตาร์ไลท์มิวสิก เซี่ยนอวี๋
แต่ปฏิกิริยาของผู้คนจำนวนมากที่ได้เห็นผลลัพธ์เป็นครั้งแรกกลับไม่ใช่ตกใจ ทุกคนมีเพียงความสับสนและงุนงง…
อะไรเนี่ย
นี่มันอะไรกัน
นี่มันพล็อตที่นักเขียนบทละครน้ำเน่าคนไหนเขียนขึ้นมา
คิดว่าพวกเราจะตกใจหรือไง พวกเราไม่ตกใจหรอก
พวกเราแค่รู้สึกว่าพล็อตเรื่องที่คุณเขียนมาไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย เรียกว่าเพ้อเจ้อเลยก็ได้!
หลายคนแทบล้มหน้าคะมำ ราวกับถูกพายุลูกใหญ่โหมซัด
ท้ายที่สุดแล้วปฏิกิริยาตอบสนองรูปแบบเดิมๆ เกิดขึ้นกับทุกคน ทุกคนต่างก็รู้สึกตะลึงงันระคนอับอาย
การพลิกโผเช่นนี้ไม่เหลือพื้นที่ให้คนในวงการตอบสนองเลยเสียด้วยซ้ำ
“พังจริงเหรอฟระ”
“ครั้งเดียวพังคู่เลย”
“สตาร์ไลท์มิวสิกโหดขนาดนั้นเลย?”
แต่ก็ไม่จำเป็นต้องไปสังเกตสังกาปฏิกิริยาของเรดมูนและโลนวูล์ฟให้มาก เพราะภาพที่เกิดขึ้นก็เห็นชัดแล้ว
“ถูกอันดับสุดท้ายของตารางจัดการเรียบเลย?”
“แกหมายถึงบริษัทที่รั้งท้ายในการจัดอันดับผู้รับงานน่ะเหรอ”
“…”
ความตื่นอกตกใจในวันนี้ถูกครอบงำโดยสตาร์ไลท์มิวสิก
อันที่จริงช่องทางการรับส่งข้อมูลของทุกคนไม่ได้ถูกปิดกั้นถึงขนาดนั้น หลายคนรู้ว่าสตาร์ไลท์มิวสิกมีขาใหญ่อยู่ ไม่งั้นบริษัทนี้คงไม่มีคุณสมบัติพอให้ติดหนึ่งร้อยอันดับแรกหรอก
แต่ขาใหญ่ท่อนนี้จะแข็งแกร่งถึงขนาดไหน ตอนนี้ยังไม่มีใครวัดได้
ทุกคนเมินเฉยกันไปด้วยความเคยชิน
จนกระทั่งในวันนี้ ชีซิงได้ประเมินความแข็งแกร่งออกมาแทนทุกคนแล้ว
“ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“เซี่ยนอวี๋นี่แหละมือสังหารของจริง!”
“ยามโลนวูล์ฟและเรดมูนกอดคอกันตาย ไม่มีปลาตัวไหนที่เป็นผู้บริสุทธิ์!”
“กอดคอกันตายอะไรล่ะ ปรับคำให้มันเข้ากับสถานการณ์หน่อย เห็นชัดๆ ว่าโลนวูล์ฟกับเรดมูนคืนดีกันก่อนตาย!”
“เป็นพระมหากรุณาธิคุณของเซี่ยนอวี๋โดยแท้”
“…”
เรื่องนี้ถูกกล่าวถึงไปต่างๆ นานา
ความตกใจนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประสาทสัมผัสอันว่องไวของบรรดาผู้ว่าจ้าง
เมื่อเซี่ยนอวี๋คว่ำเรดมูนกับโลนวูล์ฟอย่างแทบจะเรียกไว้ว่าด้วยท่วงท่าอันงดงาม ในสมองของผู้ว่าจ้างจำนวนนับไม่ถ้วนก็ผุดความคิดที่เหมือนกันอย่างเหลือเชื่อ
สตาร์ไลท์มิวสิกกำลังจะผงาดขึ้นมา
และหลังจากที่เกิดความคิดนี้ ทุกคนก็เกิดความคิดใหม่ขึ้นอีกครั้งอย่างพร้อมเพียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ไปร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋สักหน่อย?
ส่วนความคิดที่สองนั้นอยู่บนพื้นฐานของความจริงกว่าความคิดแรกอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าผลลัพธ์เพียงอย่างเดียวที่ตามมาจากเรื่องนี้คือ…
โทรศัพท์ของสตาร์ไลท์มิวสิกสายแทบไหม้แล้ว
…………………………………………………..
[1] แม่ทัพบนเวที มาจากคำแสลงอินเทอร์เน็ตว่า ‘แม่ทัพเฒ่าบนเวทีการแสดง’ เปรียบเปรยถึงคนที่ตั้งเป้าหมาย(ปักธง)ไว้เสมอ แต่เป้าหมายเหล่านั้นมักจะทำไม่สำเร็จ