บทที่ 166 จะไม่ทำให้เกิดปัญหา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 166 จะไม่ทำให้เกิดปัญหา

“ไม่คิดว่าความบริสุทธิ์ของเจ้าจะถูกทำลายด้วยมือของข้า ข้าคิดไปคิดมา คิดว่าควรจะรับผิดชอบเจ้าให้ถึงที่สุดถึงจะถูก”

เอิ่ม……

ก็จริงอย่างว่า

ในสมัยโบราณ อย่าพูดว่ารักสนิทสนมกัน แม้แต่มือ ถูกคนอื่นพบเข้าก็ถือว่าสูญเสียความบริสุทธิ์แล้ว

และนางกับเย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่จูบกัน

คาดว่าเย่แจ๋หยิ่งคงรู้สึกว่า อย่างไรก็เป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าจะพังก็ให้พังด้วยมือของเขาเถิด!

“เจ้าคิดว่าจะรับผิดชอบอย่างไร?” หลานเยาเยาสงสัยในจุดนี้มาก

“แน่นอนว่า……ความบริสุทธิ์จะต้องถูกทำลายให้หมดก่อนที่จะรับผิดชอบ” เย่แจ๋หยิ่งกล่าวอย่าง ตรงไปตรงมา

“……”

ไอ้ระยำ!

ไอ้เย่แจ๋หยิ่งบ้านี่ ยิ่งอยู่ยิ่งไม่ปกติ

พูดอะไรทำลายความบริสุทธิ์ต้องทำลายทิ้งให้หมด บ้าอะไร เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความตั้งใจ อสุจิขึ้นสมองรึไง

และแล้ว!

นางจึงถลึงตาใส่เขาอย่างโหดเหี้ยม แล้วผลักเขาออกไปสุดแรง จากนั้นเก็บเสื้อคลุมของตนเองขึ้น สวมใส่ด้วยความโมโห

ใครจะรู้……

สวมเสื้อคลุมได้เพียงครึ่งเดียว แขนถูกฝ่ามือใหญ่คว้าไว้

“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าทำอะไร? บอกเจ้าไว้เลย! เรื่องนี้อย่าแม้แต่จะคิด”

“เยาเยา ก่อนที่จะเจอเจ้า ข้าไม่เคยคิดถึงความรักระหว่างชายหญิง ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้ามีความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นต้องได้รับความสำเร็จกับเจ้าเท่านั้น แม้ว่าตอนนี้ในใจเจ้าจะไม่มีข้าเลยก็ตาม ข้าก็จะจับเจ้าไว้ในมือให้แน่น”

นี่ก็รุนแรงเกินไปรึเปล่า!

ยังจะให้มีชีวิตอยู่ต่อไปไหม? พูดให้น่าฟังหน่อยจะตายหรือไง?

หลานเยาเยาหมดคำพูดกุมขมับอย่างช่วยไม่ได้ กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังทันที: “เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าฟังข้าให้ดี ไม่ว่าเจ้าจะชอบข้าจริง หรือรู้สึกว่าข้ามีคุณค่าในการใช้ประโยชน์มากก็ตาม ต้องการใช้รูปงามยั่วยวนข้า

สรุปคำเดียว สิ่งที่ข้าต้องการคือคู่เดียวตลอดชีวิต หากเจ้าไม่สามารถทำได้ งั้นก็เชิญเจ้ารักษาระยะห่างกับข้า มิฉะนั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นแม้แต่นิดเดียว ข้าก็จะไม่รับผิดชอบ”

อย่างไรก็ตามตอนนี้นางกอดขาของเย่แจ๋หยิ่งเอาไว้ และไม่ได้เกลียดเขา คิดว่าการคบผู้ชายเช่นนี้สักคนมีแฟนมันต้องเป็นเรื่องดี

แต่!

แนวคิดเรื่องเพศชายที่เหนือกว่าในแผ่นดินใหญ่นี้มีความจริงจังเป็นพิเศษ ไม่ต้องพูดถึงคนรวย แม้แต่สามัญชนคนธรรมดา ตราบใดที่ครอบครัวมีเงินอยู่บ้าง จะมีภรรยาหลายคน

อย่าพูดถึงคนในราชวงศ์เหล่านี้เลย ก่อนแต่งงานก็มีสาวใช้ที่หลับนอนด้วยหลายคน หลังจากแต่งงาน หญิงงาม ห้องสนมก็ถูกยัดไปที่หลังลานอย่างไม่คิดชีวิต

แม้ว่าจะมีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง ก็ต้องมีผู้หญิงคนหรือสองคน

แม้โหลวเย่วบอกว่า เย่แจ๋หยิ่งยังไม่เคยสัมผัสผู้หญิง แม้แต่สาวใช้สำหรับหลับนอนก็ไม่มี

แต่หลานเยาเยารู้สึกว่า นี่เป็นเพราะเย่แจ๋หยิ่งยังไม่ได้ลิ้มรสความสนุกระหว่างชายและหญิง ดังนั้นจึงไม่สนใจในด้านนี้

ดูอย่างตอนนี้ ก็ดิ้นไม่เป็นไม่เป็นสุขแล้วไม่ใช่รึไง?

“คู่เดียวตลอดชีวิต?” เย่แจ๋หยิ่งเงียบไปชั่วขณะ มุมปากสูงขึ้นเล็กน้อย “คือนับตั้งแต่ตอนนี้หรือ?”

บางทีอารมณ์ของหลานเยาเยาก็ขึ้นๆ ลงอยู่บ้าง แต่ดูออกว่านางเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น

ในเมื่อเสนอออกมาแล้ว งั้นก็หมายความว่า นางมีความรู้สึกกับเขามาก

เป็นเช่นนี้ก็ดี ต่อไปก็ไม่ต้องกังวล นางจะถูกคนอื่นลักพาตัวไป

“ฮะ?” นี่เขาตอบตกลงแล้วเหรอ?

ไม่ใช่มั้ง! ข้อเรียกร้องเช่นนี้ก็ตอบตกลงงั้นหรือ?

หลานเยาเยามองเขาอย่างสงสัย จึงคิดถึงความน่าเชื่อถือของคำพูดของเขามีมากแค่ไหน

“เจ้าสาบานให้มีอันเป็นไป”

สาบานอะไรให้มีอันเป็นไป ไร้ความน่าเชื่อถือสำหรับในยุคปัจจุบัน ซึ่งความสำคัญนั้นแตกต่างกันกับสมัยโบราณ

“เจ้าเชื่อเรื่องนี้? คำสาบานที่มีอันเป็นไปที่เหนือความคาดหมายเหล่านั้น ให้ข้าใช้ทั้งชีวิตเพื่อทำตามสัญญาคู่เดียวตลอดชีวิตจะดีกว่า”

หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะตะลึงเล็กน้อย มองไปที่เขานิ่ง

แม้ว่าเสียงของเขาจะดูน่าขันเล็กน้อย แต่นางไม่เคยเห็นท่าทางของเขาที่ดูจริงจังขนาดนี้มาก่อน

ทันใดนั้น!

นางเบะปาก กล่าวขึ้นราวกับผิดหวังอย่างมาก:

“ไม่กล้าสาบานให้มีอันเป็นไปก็แล้วไป”

ความจริงแล้ว มีความสุขมากในใจ

“แล้วตอนนี้เจ้ายินยอมหรือยัง?” เย่แจ๋หยิ่งจะไม่เพิกเฉยต่อรอยยิ้มในดวงตาของนางอยู่แล้ว และแล้วจึงรีบไล่ตามชัยชนะทันที

พูดอยู่ก็รีบช่วยนางสวมเสื้อผ้า เมื่อเห็นเครื่องหมายบนไหปลาร้าของนาง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย

ครั้งหน้าก็น่าจะประสบความสำเร็จได้!

“ยินยอมอะไร?” หลานเยาเยาแสร้งทำเป็นโง่ทันที

แต่ เย่แจ๋หยิ่งจะปล่อยโอกาสครั้งนี้ไปได้อย่างไร?

“เป็นผู้หญิงของข้าเย่แจ๋หยิ่งเพียงคนเดียว!”

“ก็ดูการประพฤติของเจ้าแล้วกัน เจ้าใช้ทั้งชีวิตเพื่อทำตามสัญญามีคู่เดียวตลอดชีวิต งั้นข้าก็จะใช้ทั้งชีวิตเพื่อบอกคำตอบกับเจ้า”

“ได้!”

ฟังคำตอบของนาง เย่แจ๋หยิ่งยิ้มในทันที ยิ้มที่แตกต่างจากที่ผ่านมา ราวกับเด็กน้อย

จากนั้นเขาก็จับมือนางแล้วรีบเดินลงไปชั้นล่าง ตรงไปที่ห้องอาหาร

เย่แจ๋หยิ่งเข้าครัวด้วยตนเอง ทำอาหารที่หลานเยาเยาชอบกินเต็มโต๊ะ จากนั้นยกก็ไปกินที่ห้องนอนของเย่แจ๋หยิ่ง

หลังจากกินดื่มอิ่มมื้อหนึ่งแล้ว

หลานเยาเยานั่งอยู่หน้าของหน้าต่าง มองไปที่กระถางต้นไม้เล็กๆ ที่แขวนอยู่ตรงหน้าหน้าต่าง ในใจหวั่นไหว แล้วนำมันลงมาวางไว้บนโต๊ะ

“เจ้าชอบมันหรือ?”

เย่แจ๋หยิ่งที่เปลี่ยนเป็นชุดดำทั้งร่างเดินมา นั่งลงที่ข้างกายหลานเยาเยา

“ไม่ใช่ ข้านึกถึงเรื่องหนึ่ง”

“หืม?”

เผชิญกับความสงสัยของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยานำเลือดที่หานแสให้เอาไว้ในวันนี้ออกจากระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

“สิ่งนี้คือเลือดในตัวที่เอาออกมาจากคนไข้ของเย่หลีเฉินที่พามาในวันนี้ ผู้นั้นมีโรคประหลาดมาก เขาไม่ได้โดนกู่ และไม่ได้โดนพิษ แต่มีสองสิ่งที่มองไม่เห็นในร่างกาย กำลังปะทะกันอยู่

และสองสิ่งนี้ เป็นอันตรายถึงชีวิต มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในร่างกายของเขา เพราะร่างกายมนุษย์ไม่สามารถทนต่อสิ่งนี้ได้ หากสัมผัสก็จะตาย

แต่ ผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ได้ แม้ว่าเขาจะได้รับความทรมานอยู่บ่อยครั้งก็ตาม แต่มันน่าเหลือเชื่อที่เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้

อีกอย่างเจ้าดูเลือดนี้ เป็นสีแดงเข้ม ราวกับได้รับพิษ ดังนั้นข้าต้องการทำการทดลอง”

ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ดวงตาของหลานเยาเยาก็ยิ่งสว่างขึ้น ราวกับว่าสนใจอาการป่วยของหานแสเป็นพิเศษ

“ทางที่ดีอย่าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา”

ดูท่าทางที่จริงจังของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาหยุดอาการที่แสดงออกทันที กล่าวถามอย่างสงสัย: “เพราะอะไร?”

แม้ว่าเมื่อนางเห็น หานแส ในแวบแรก ก็รู้สึกว่าเขาไม่ธรรมดา แต่ดูท่าทางของเย่แจ๋หยิ่งในเวลานี้ ยิ่งรู้สึกได้ว่า หานแสไม่เพียงแต่ไม่ธรรมดาเท่านั้น

“เขาเป็นคนที่ลึกลับ ความลึกลับที่ไม่สามารถตรวจสอบได้”

“ลึกลับ?”

“คนที่มีตัวตนลึกลับ ยกเว้นผู้ที่จงใจปิดบังตัวตน ก็เหลืองเพียงคนที่ตายไปแล้วเท่านั้น”

เย่แจ๋หยิ่งมีพลังอำนาจมากมายขนาดนี้ ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ คาดว่าเป็นคนที่ไม่ธรรมดาอย่างมากเช่นกัน

“แต่ มีจุดหนึ่งที่แน่ใจได้ว่า เขามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเรือแห่งความสิ้นหวังอย่างแน่นอน””

เรือแห่งความสิ้นหวัง?!

เมื่อนึกถึงเรือแห่งความสิ้นหวัง ภาพที่เห็นคนเป็นๆ เปลี่ยนเป็นกระดูกสีขาวนั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกเสียวที่สันหลังขึ้นมา

แต่!

ดูเหมือนว่า เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้เพิ่งรู้จักหานแส ในวันนี้ และยังกำลังตรวจสอบเขาอยู่

“วางใจเถิด! ข้ากลัวมีปัญหามาก จะไม่ยั่วโมโหเขาง่ายๆ แต่ข้าก็ยังสามารถใช้เลือดนี้เพื่อทำการทดลองได้”

ดังนั้น หลานเยาเยาจึงเปิดฝาขวดออก นำเลือดของหานแสหยดลงบนภาชนะ

ภาชนะค่อยๆ กลายเป็นขี้เถ้าจากที่เลือดหยดลงมาจนถึงโคน……

เมื่อมองดูภาชนะทั้งใบกลายเป็นขี้เถ้า หลานเยาเยาจึงออกเสียงจุ๊ๆ : “นี่คือไฟเลือด?”