ตอนที่ 321 มาหลายครั้งหน่อยก็ไม่ถือสา ตอนที่ 322 ประเภทเดียวกัน

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 321 มาหลายครั้งหน่อยก็ไม่ถือสา

ซ่งอิงหัวเราะเบาๆ ส่งสายตาเยาะเย้ยให้เจียงจื่อชาง

ขณะนี้ คนที่ทำหนึ่งตำลึงเงินหายกำลังโกรธจัดเลือดขึ้นหน้า ชี้นิ้วจ่อใบหน้าเจียงจื่อชางแล้วด่าทอยกใหญ่ เจียงจื่อชางแทบจะบ้าตายแล้วจริงๆ ความรู้สึกของการถูกใส่ร้ายป้ายสีเกือบกลบเขามิดแล้ว แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย!

คนเหล่านี้เอาแต่พูดว่าเขาเป็นขโมย!

งานทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่ในเมืองยง ผู้คนหลากหลายอำเภอโดยรอบจำนวนไม่น้อยพากันมาเที่ยวชมทัศนียภาพเช่นกัน โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันงานวันสุดท้าย คนต่างถิ่นค่อนข้างมากหน่อย

ท่ามกลางฝูงชน บังเอิญมีคนสองคนรู้จักเจียงจื่อชาง

ภาพความทรงจำที่มีต่อเจียงจื่อชางพลันย่ำแย่ขึ้นมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ หลังกลับไป ชื่อเสียงของเจียงจื่อชางที่ว่าเป็นหัวขโมยจะถูกจารึกไว้ เพื่อนบ้านซ้ายขวา สหายคนสนิท ต่างรับรู้ถ้วนหน้า

เจียงจื่อชางอึดอัดใจถึงที่สุด ทว่าในเวลานี้เอง ซ่งอิงก็นวยนาดจากไปแล้ว

นางควบรถเกวียนลา ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับมามอง

ใจเจียงจื่อชางแทบจะแตกละเอียดแล้ว

เอากี่สิบเหรียญทองแดงไปก็ไม่เท่าไร แต่นั่นเป็นตำลึงเงินของเขาเชียวนะ!

ส่วนซ่งอิงกลับดีใจแทบบ้า เจียงจื่อชางผู้นี้เป็นสิ่งที่สวรรค์ส่งลงมาดูแลนาง นี่ให้เงินนางถึงสองครั้งแล้ว ช่างเป็นคนดีผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ!

คนที่ดีงามเช่นนี้ มาหากันหลายๆ ครั้งหน่อยนางก็ไม่ถือสา!

ซ่งอิงอยากรีบกลับหมู่บ้านซิ่งฮวา แต่ก่อนกลับไปจะต้องบอกกล่าวซ่งหม่านซานไว้เสียหน่อย

คราวนี้เข้าร้านเซียนเส้อมาอีกครั้ง ค้นพบว่ากิจการมีความแตกต่างกับก่อนหน้านี้มาก มีลูกค้าไม่ขาดสาย ทั้งหมดพุ่งมาที่ยาสระชิงซือ ซ่งหม่านซานยุ่งตัวเป็นเกลียวมากเช่นกัน ไม่ว่าจะอาหญิง ป้าใหญ่ แม่นางสาวเยาว์วัยที่มาซื้อของเหล่านั้น ล้วนถูกเขายกยอปอปั้นจนยิ้มไม่หุบ

ซ่งอิงเห็นลักษณะเขาเช่นนี้ นึกถึงอาสะใภ้สี่ครอบครัวตนเองขึ้นมาทันใด

ซ่งหม่านซานก็น่าจะอาศัยความสามารถลักษณะนี้ ล่อลวงให้เหยาซื่อสะใภ้เล็กหลงเขาหัวปรักหัวปรำกระมัง?

“ซ่งเอ้อร์ยา หลายวันนี้เจ้าหายไปไหนมา ไปปักธูปขอพรที่วัดต้องนานเนขนาดนี้เชียว? เหล่าจื่อกำลังคิดอยู่พอดี ขืนวันนี้เจ้าไม่กลับมา ข้าจะไปแจ้งคนหายกับทางการขุนนาง!” หลังซ่งหม่านซานเห็นนาง ก็เกือบกระโดดโลดเต้น

หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ความที่ซ่งอิงเป็นเด็กผู้หญิง เขาคงได้ลงมือแตะเนื้อต้องตัวแล้ว

“ข้าไปอยู่ที่วัดมาน่ะ” ซ่งอิงหัวเราะเจื่อน

“เหล่าจื่อรู้น่า ก่อนเจ้าไปก็บอกกล่าวไว้แล้วว่าจะไปจุดธูปขอพร แต่ใครเขาจุดธูปขอพรกันถึงห้าวันเล่า โชคดีที่เหล่าจื่อฉลาด คิดว่าบนเขามีงานทางศาสนาอยู่ พรุ่งนี้ก็จะสิ้นสุดแล้ว หากงานเลิกแล้วเจ้ายังไม่กลับมา…เช่นนั้นก็เพราะถูกคนจับตัวไปแล้ว?” ซ่งหม่านซานสบถฮึ

“อาสี่ ขอโทษด้วย ข้าไปค้าขายบนเขานิดหน่อย ได้หาเงินไปสามสี่วัน” ซ่งอิงบอกอย่างซื่อตรง

“นี่หากเปลี่ยนเป็นพ่อเจ้า ได้ถูกเจ้าทำให้ตกใจจนบ้าไปแล้วแน่ๆ” ซ่งหม่านซานกลอกตามองบนใส่ซ่งอิง “ค้าขายอะไรล่ะ ได้เงินมาบ้างหรือไม่ ต้องการจะเจียดให้อาสี่อย่างข้าสักหน่อยหรือไม่”

“นี่ท่านก็มียาสระผมชิงซือแล้วมิใช่หรือ งานอื่นยังทำไหวอีกหรือ” ซ่งอิงหัวเราะเยาะ

“ได้เงินก็ทำได้!” ซ่งหม่านซานยืนกรานคำเดิม

ซ่งอิงกลับส่ายหน้า “ท่านตั้งหน้าตั้งตาดูแลร้านนี้ไปเถิด เงินที่ได้จากยาสระชิงซือนี้ยังถือว่าน้อยนิด ท่านรอหน่อยแล้วกัน ไว้ข้าคิดค้นสินค้าใหม่ออกมาแล้ว ร้านเราแห่งนี้จะต้องมีผลกำไรไหลมาเทมาแน่นอน ต่อให้ท่านรับส่วนแบ่งหนึ่งส่วน ก็ทำเงินได้มากกว่าคนอื่นอยู่ดี!”

“จริงหรือ” ซ่งหม่านซานเลิกคิ้ว ดีใจยิ่ง

ซ่งอิงพยักหน้า

ตอนนี้นางค่อนข้างวางใจในตัวซ่งหม่านซานไม่น้อย

แม้จะเห็นว่าอาสี่ของนางผู้นี้พูดจาค่อนข้างโผงผาง แต่พอทำงานขึ้นมาก็ชวนให้นางประหลาดใจไม่น้อยทีเดียวเชียว

ตัวอย่างเช่นร้านค้านี้ ทั้งนอกและในล้วนจัดไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นพิเศษ ด้านในทั้งสว่างโล่งทั้งมีกลิ่นหอม ด้วยบุคลิกของเขานั้น เมื่อเปลี่ยนไปอยู่ในชุดที่ดูซื่อสัตย์น่าคบหา ก็กลายเป็นผู้ดูแลร้านที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่งคนหนึ่ง

“เช่นนั้นเจ้ารีบๆ คิดค้นสินค้าใหม่ออกมาหน่อย ขอเพียงทำให้อาสี่เจ้าอย่างข้าหาเงินได้ ให้ข้าเรียกเจ้าว่าบรรพบุรุษก็ไม่มีปัญหา!” ซ่งหม่านซานตบๆ บ่าของซ่งอิง และเอ่ยประโยคหนึ่งที่เกือบทำให้ซ่งอิงเข่าทรุด!

ตอนที่ 322 ประเภทเดียวกัน

ซ่งอิงคิดอยู่ว่าหากยามนี้ผู้เฒ่าตระกูลซ่งอยู่ เกรงว่าจะหวดลูกหลานผู้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนี้ไม่ยั้งมือเป็นแน่

รับหลานสาวเป็นบรรพบุรุษ เกรงว่าบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรใต้ผืนพสุธาจะโกรธเกรี้ยวจนพากันปีนออกมาน่ะสิ

“ครั้งก่อนที่ท่านบอกว่าจะแนะนำผู้ช่วยให้แม่ข้า…” ซ่งอิงเอ่ยย้ำขึ้นมาอีกครั้งก่อนไป

“ข้าก็คาดเดาว่าหากไม่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า วันนี้เจ้าก็น่าจะลงเขามา จึงส่งข่าวบอกให้นางไปหาเจ้าที่หมู่บ้านในอีกสองวันให้หลัง ถึงเวลาเจ้าก็ดูเอาเองแล้วกัน หากมีหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งที่รูปลักษณ์ดำคล้ำ ผิวพรรณหยาบกร้านเข้าหมู่บ้านไป นั่นก็คือนาง!” ซ่งหม่านซานกล่าวทันที

ซ่งอิงส่งเสียงตอบรับแล้วเดินจากไป

นางยอมใจในตัวซ่งหม่านซาน

จะร้ายจะดีนางก็เป็นเด็กผู้หญิงนี่? นางจะกลับบ้านด้วยตนเองแล้ว ซ่งหม่านซานกลับไม่เอ่ยปากบอกกล่าวว่าเดินทางปลอดภัยสักคำ? อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เด็กช่วยงานในร้านผู้นั้น ยามนี้ยังอดเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้ “ผู้ดูแลร้าน เถ้าแก่เหนียงเราไม่ใช่ว่า…จะกลับบ้านแล้วหรือ อยู่ห่างจากที่นี่ตั้งไกล จะไม่เป็นไรกระมัง? หรือไม่ท่านไปส่งนางสักหน่อย?”

“ส่งบ้าส่งบออะไร นางไม่ใช่เด็กเล็กเสียหน่อย หากขี้ขลาดตาขาวจริงจะควบรถเกวียนลามาตามลำพังได้หรือ หากเดินทางไปตามเส้นทางหลักตลอดทาง ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้หรอกน่า” ซ่งหม่านซานไม่เก็บเอามาใส่ใจจริงจัง

หากเป็นเมื่อก่อนเช่นยามที่ซ่งอิงยังไม่ได้ไปเมืองหลวงตอนนั้น เขาย่อมไม่ปล่อยให้หลานสาวเดินทางตอนมืดค่ำตามลำพังเป็นแน่

แต่ตอนนี้เขาคบหาสมาคมกับหลานสาวผู้นี้มาแล้วหลายครั้ง จึงพอรู้ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นปรมาจารย์ที่ใจกล้าไม่น้อยคนหนึ่ง

เขาคนผู้นี้น่ะ ไม่มีประโยชน์อื่นใด นอกจากเข้ากับพวกประเภทเดียวกันได้ดีเป็นพิเศษ

ซ่งอิงเดินร่วมทางไปกับเขาได้ นั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าความสามารถของซ่งอิงก็เป็นเช่นเดียวกับเขาที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แล้วนับประสาอะไรกับเส้นทางยามราตรีที่มืดสลัว?

แน่นอนละว่า เส้นทางหลักปลอดภัยจริงอย่างว่า ขอเพียงหลานสาวไม่ทำอะไรพิเรนทร์รนหาที่ตาย ใครหน้าไหนก็ทำร้ายนางไม่ได้แม้แต่เส้นขนเดียว

สังคมแถบเมืองยงสงบเรียบร้อย เช่นนั้นย่อมต้องปลอดภัยกว่าสถานที่อื่นมากโขอยู่แล้ว

ซ่งอิงซื้อของจำนวนไม่น้อยจากตัวเมืองยงก่อน จากนั้นจึงกลับไป

ตลอดทางราบรื่นอย่างยิ่ง นางออกจากเมืองไปในคืนวันนั้น ตอนค่ำแวะที่พักแห่งหนึ่งระหว่างเส้นทางสายหลักเพื่อพักผ่อนสักหน่อย ประชาชนทั่วไปออกจากบ้านมาส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ นางมีรถเกวียนลาถือว่าไม่เลวแล้ว แม้นอนกลางดินกินกลางทราย แต่อย่างน้อยก็มีเพื่อนร่วมทาง

ตอนบ่ายวันรุ่งขึ้นถึงบ้าน

เจอฮั่วหลิน ซ่งต๋า และซ่งอู่ เด็กน้อยทั้งสามคนเลิกเรียนพอดี ทันทีที่เห็นนาง ทั้งสามคนนี้ก็เหมือนลูกหมาที่เชือกหลุด กระโดดโลดเต้นยกใหญ่ มองดูแล้วน่าขันเล็กน้อย

แต่ซ่งอิงก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเช่นกัน

เด็กน้อยมีความสดใสเริงร่า นับแต่ภูตโสมอยู่คลุกคลีกับซ่งต๋าตลอดจนซ่งอู่ เขาก็รู้ความขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ไม่เหมือนปีศาจตัวน้อยตนหนึ่งเลยสักนิด

“ระยะนี้พวกเจ้ายังเป็นเด็กดีหรือไม่” หลังซ่งอิงถูกรายล้อม นางมีสีหน้าสุขใจ ขณะเดียวกันก็เอ่ยปากถาม

“ท่านแม่ ท่านรีบๆ ให้ข้าย้ายกลับมาเร็วหน่อยเถอะ ข้าทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!” ภูตโสมเอ่ยปากกล่าวทันควัน

ซ่งอิงตะลึงงันชั่ววูบ คิดไปว่าเขาได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรเข้าแล้ว ตระหนกตกใจขึ้นมาทันที “เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ”

ซ่งต๋าและซ่งอู่ใช้มือปิดปากหัวเราะ

ภูตโสมเป่าแกมป่อง “ท่านแม่ ท่านดูแลแม่ท่านหน่อยเถอะ! หลังจากท่านไป ทุกวันมีแต่น้ำแกงเนื้อสัตว์และซาลาเปา ตอนเช้าเป็นซาลาเปา ตอนกลางวันเป็นซาลาเปา ตอนเย็นก็ยังเป็นซาลาเปาอีก ท่านดูข้าตอนนี้สิ กลมขึ้นมากแล้วใช่หรือไม่ ข้าแทบจะกลายเป็นปีศาจซาลาเปาอยู่แล้ว!”

ซ่งอิงกระตุกมุมปากเล็กน้อย

จากนั้นก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

มารดานางเป็นคนหนึ่งที่พาซื่อ ก่อนนางไป ได้บอกให้มารดานางอยู่บ้านฝึกทำอาหารตามตำรับไว้หน่อย ด้วยอุปนิสัยของนาง จะต้องเชื่อฟังคำพูดที่บอกอย่างยิ่งเป็นแน่ ถึงขั้นนำคำพูดของนางที่เอ่ยไว้ลงมือทำตามอย่างเกินกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ!

“น้ำแกงเนื้อสัตว์ไม่อร่อยหรือ เมื่อก่อนเจ้ากินผัดผักป่าก็ยังสุขใจเสียยิ่งอะไรดีนี่” ซ่งอิงกล่าวยิ้มๆ

“พี่รอง ระยะนี้นอกจากซาลาเปาและน้ำแกงเนื้อสัตว์ น้องหลินก็ไม่ได้กินอย่างอื่นเลย!” ซ่งต๋าเอ่ยเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยค “ข้ายังดีหน่อย มีทางด้านแม่ข้าสมทบให้ แต่ก็กินลักษณะเช่นนี้กับน้องหลินไปหกเจ็ดมื้อเช่นกัน ไม่เพียงแค่พวกเรานะ ทางด้านอาสะใภ้รองแล้วก็ท่านปู่ท่านย่าก็ได้ซาลาเปาและน้ำแกงเนื้อที่ส่งไปให้ไม่น้อยเช่นกัน…”