บทที่ 164 ยั่วโมโหองค์ชาย

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

​ภายใต้​ท้องฟ้า​กระจ่าง​ใส​ ​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​ยืน​อยู่​บน​เวที​ด้วย​ใบหน้า​เย็นชา​ ​ตอนที่​เขา​ได้รับ​ข่าว​นี้​ ​เขา​ก็​ถึงกับ​ผุด​ลุกขึ้น​จาก​ตั่ง​ไม้​ที่​ตน​นั่ง​อยู่​ทันที​ ​ใน​ดวงตา​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​ความประหลาดใจ

​ขยะ​ทั้ง​สาม​จาก​หอ​สามัญ​เอาชนะ​ไป​ได้​อย่าง​เหนือ​ความคาดหมาย​หรือ​?​!

​เจ้า​พวก​หอ​ชั้นเยี่ยม​มัว​ทำ​อะไร​อยู่​!

​พวกเขา​จงใจ​ออม​มือ​ให้​คน​พวก​นั้น​หรือเปล่า​?

​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​ขมวดคิ้ว​อย่าง​ทนไม่ไหว​ ​แต่​หลังจากนั้น​ก็​เผย​รอยยิ้ม​เยาะเย้ย​ออกมา​อีกครั้ง

​เขา​ลืม​ไป​ได้​อย่างไร​ว่า​บางครั้ง​ลำดับ​การ​ประลอง​ก็​ส่งผล​ต่อ​ขวัญ​กำลังใจ​ของ​กลุ่ม​มาก​ทีเดียว

​ใน​สอง​รอบ​ที่ผ่านมา​ ​การ​ประลอง​พลัง​ปราณ​นั้น​อยู่​ใน​ลำดับ​สุดท้าย

​หรือ​จะ​พูด​อีก​อย่าง​ก็​คือ​ ​เฮย​เจ๋อ​ไม่มี​แม้แต่​โอกาส​ให้​ได้​ลง​แข่ง​เลย​ด้วยซ้ำ​ ​หาก​เขา​ได้​ลง​แข่ง​ล่ะ​ก็​ ​ผล​ที่​ออกมา​ก็​คง​ไม่​เป็น​เช่นนี้​อย่างแน่นอน

​เมื่อ​คิดได้​ดังนั้น​ ​ริมฝีปาก​บาง​ของ​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​ก็​ยกขึ้น​อย่าง​ดูถูก​อีกครั้ง

​โชค​ของ​เจ้า​พวก​ขยะ​ชั้นต่ำ​จาก​หอ​สามัญ​ช่าง​ดี​เสีย​เหลือเกิน​ ​พวก​มัน​ได้​อานิสงส์​จาก​ระบบ​การแข่งขัน​ถึง​สอง​รอบ​ติด

​แต่​ใน​รอบ​นี้​ ​พวก​มัน​ลืม​ข้อได้เปรียบ​ที่ว่า​นั่น​ไป​ได้​เลย​!

​สงสัย​ว่า​เจ้า​พวก​นั้น​จะเข้า​ใจ​เรื่อง​นี้​ดี​ ​ด้วยเหตุนี้​พวก​มัน​ถึง​ได้​ไม่กล้า​โผล่​หน้า​มาด​้วย​ซ้ำ

​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​มอง​ที่นั่ง​ร้าง​ผู้คน​ของ​หอ​สามัญ​ ​น้ำเสียง​ของ​เขา​ยาม​เอ่ย​กับ​ตู๋​ซู​เฟิง​ที่อยู่​ไม่​ไกล​นัก​ทั้ง​ยานคาง​และ​ฟัง​ดู​เกียจคร้าน​ ​”​ท่าน​เจ้าสำนัก​ขอรับ​ ​เรา​ยัง​เหลือ​เวลา​อยู่​อีก​ครึ่ง​ก้านธูป​ก็​จริง​ ​แต่​หาก​ธูปหอม​ดอก​นี้​ไหม้​หมด​แล้ว​ ​แต่​พวกเขา​ยัง​ไม่​มาป​รากฏ​ตัว​ที่นี่​อีก​ ​เช่นนั้น​เห็นที​ว่า​พวกเรา​คง​ทำได้​เพียง​ตัดสิน​ให้​พวกเขา​แพ้​ไป​ตาม​กติกา​ของ​การ​ประลอง​นี้​เท่านั้น​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ ​ขอ​ท่าน​อย่า​ได้​ปกป้อง​ศิษย์​จาก​หอ​ของ​ตน​เลย​ขอรับ​ ​มิฉะนั้น​พวกเรา​คง​รู้สึก​อึดอัด​ใจ​ยิ่งนัก​”

​ตู๋​ซู​เฟิง​นั่ง​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ของ​อาจารย์​หัวหน้า​หอ​สามัญ​อย่าง​สง่างาม​ ​หลังจาก​ได้ยิน​คำพูด​ของ​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​ ​เขา​ก็​ทำ​เพียงแค่​ยก​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​ ​แล้ว​กล่าว​ด้วย​น้ำเสียง​ราบเรียบ​ไร้อารมณ์​ว่า​ ​”​ตำแหน่ง​ที่​ข้า​นั่ง​อยู่​ในเวลานี้​ไม่มี​สิทธิ์​ตัดสิน​สิ่งใด​ด้วยซ้ำ​ ​แล้ว​ข้า​จะ​ไป​ปกป้อง​พวกเขา​ได้​อย่างไร​”

​”​ท่าน​เจ้าสำนัก​พูด​ถูก​ ​หลิง​เซ​วี​ยน​ ​เจ้า​คิดมาก​เกินไป​แล้ว​ ​ยืน​รอ​อีก​สักหน่อย​แล้วกัน​”​ ​อาจารย์​ไป๋​ที่นั่ง​อยู่​ข้างๆ​ ​ลูบ​เครา​ของ​ตน​เบา​ๆ​ ​ใบหน้า​ของ​เขา​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความพอใจ​อย่าง​ยาก​จะ​อธิบาย​ได้​ ​”​อีกไม่นาน​เจ้า​ก็​คงได้​ลงมา​ ​อย่างไร​เสีย​หอ​ชั้นเลิศ​ของ​เรา​ก็​เป็น​ผู้ชนะ​ทุกปี​อยู่​แล้ว​ ​รอ​พวกเขา​อีก​สัก​ครึ่ง​ก้านธูป​แล้ว​จะ​เป็นไร​ไป​เล่า​ ​อย่า​ใจร้อน​ไป​หน่อย​เลย​”

​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​ยิ้ม​ ​”​ท่าน​อาจารย์​ ​ศิษย์​มิได้​ใจร้อน​ขอรับ​ ​ข้า​เพียงแต่​เกรง​ว่า​คู่ต่อสู้​จะ​กลัว​จน​ไม่กล้า​แม้แต่​จะ​โผล่​หน้า​มาต​่าง​หาก​ ​หาก​เป็น​เช่นนั้น​ท่าน​เจ้าสำนัก​คง​รู้สึก​เสียใจ​ไม่น้อย​ขอรับ​”

​”​ที่​เจ้า​พูด​ก็​ถูก​”​ ​อาจารย์​ไป๋​แสร้งทำ​หน้า​นิ่ง​ ​แล้ว​ลอบมอง​ไป​ทาง​ตู๋​ซู​เฟิง​ ​”​ท่าน​เจ้าสำนัก​ ​ศิษย์​ทั้ง​สาม​จาก​หอ​ของ​ท่าน​ได้​ลงทะเบียน​การ​แข่ง​เอาไว้​หรือไม่​ ​หาก​พวกเขา​ต้องการ​ที่จะ​ยกเลิก​การ​แข่ง​นี้​ ​ทำ​เพียงแค่​ถอน​ชื่อตัว​เอง​ออก​ไป​ก็​พอแล้ว​ ​อย่างไร​เสีย​ ​ปกติ​แล้ว​บรรดา​คน​อวดดี​เช่นนั้น​ก็​ล้วนแต่​กลัว​ว่า​ตน​จะ​เสียหน้า​เวลา​อยู่​ต่อหน้า​ผู้คน​จำนวนมาก​ ​จน​ไม่​สามารถ​อยู่​ใน​สำนัก​ต่อ​ได้กัน​ทั้งนั้น​ ​พวก​ข้า​เข้าใจ​ดี​ ​เรา​บอก​ให้​หลิง​เซ​วี​ยน​กับ​เพื่อน​ๆ​ ​ออม​มือ​ให้​พวกเขา​ใน​ระหว่าง​ประลอง​ก็ได้​ ​แต่​ไม่เห็น​จำเป็นต้อง​ทำ​ถึงขั้น​ที่​ไม่​ปรากฏตัว​ออกมา​เช่นนี้​เลย​”

​ตู๋​ซู​เฟิง​หมุน​ถ้วย​ชา​ใน​มือ​ ​น้ำเสียง​อ่อนโยน​อันเป็น​นิสัย​แผ่วเบา​กว่า​ที่​เคย​ ​”​ใคร​บอกอา​จารย์​ไป๋​หรือว่า​พวกเขา​คิด​ที่จะ​ยกเลิก​การแข่งขัน​ ​พวกเขา​ก็​เพียงแค่​มาสาย​ไป​เล็กน้อย​เท่านั้น​ ​ยัง​ไม่ทัน​ถึง​เวลา​แข่ง​เลย​ด้วยซ้ำ​ ​อาจารย์​ไป๋​จะ​ร้อนใจ​ไป​ทำไม​กัน​”

​”​หึๆ​ ​ท่าน​พูด​ถูก​ ​ข้า​จะ​ร้อนใจ​ไป​ทำไม​กัน​ ​แน่นอน​ว่า​คนที​่​ควรจะ​ร้อนใจ​ย่อม​ไม่ใช่​ข้า​”​ ​น้ำเสียง​ประหลาด​ของ​อาจารย์​ไป๋​แฝง​ไป​ด้วย​ความ​ยียวน​ ​พร้อมกันนั้น​เขา​ก็​ละสายตา​ออกมา​จาก​ร่าง​ของ​ตู๋​ซู​เฟิง

​ตู๋​ซู​เฟิง​นั่ง​นิ่ง​ไม่​พูดจา​ ​พลาง​ทอดสายตา​มอง​ไกล​ออก​ไป​ ​สายตา​ของ​เขา​หยุด​ลง​บน​ธูปหอม​ที่​ใกล้​จะ​มอด​ลง​เต็มที

​เด็กรับใช้​ของ​เขา​เอน​ตัว​เข้ามา​หา​เล็กน้อย​ ​พร้อม​รายงาน​บางอย่าง​ให้​เขา​ฟัง

​ตู๋​ซู​เฟิง​ขมวดคิ้ว​ทันที

​ใน​ตอนนั้น​นั่นเอง​ ​จู่ๆ​ ​ก็​มีเสียง​ของ​ใคร​บางคน​ตะโกน​ขึ้น​มา​ว่า​ ​”​ธูป​กำลังจะ​หมด​ดอก​แล้ว​!​”

​ตู๋​ซู​เฟิง​จับ​ถ้วย​ชา​ที่อยู่​ใน​มือ​แน่น​ ​นัยน์ตา​สีดำ​สนิท​ของ​เขา​จม​ลง​สู่​ความลึก​ล้ำ

​ผู้ตัดสิน​ทั้ง​สาม​มองหน้า​กัน​ ​จากนั้น​จึง​เริ่ม​หยิบ​พู่กัน​ขึ้น​มา​จุ่มน้ำ​หมึก​ ​และ​กำลังจะ​เขียน​คำ​ว่า​ ​’​ทิ้ง​การแข่งขัน​’​ ​ลง​ใน​ช่อง​ของ​หอ​สามัญ​ ​แต่​แล้ว​พวกเขา​ก็ได้​ยิน​เสียงดัง​ปัง​!

​ผนัง​รอบ​เวที​การ​ประลอง​ถูก​ใคร​บางคน​เตะ​จน​เป็น​รู​!

​ฝุ่น​สีขาว​ตลบอบอวล​อยู่​ใน​สายตา​ ​ที่​ตรงนั้น​คล้าย​มี​ร่าง​สาม​ร่าง​ปรากฏ​ขึ้น​ ​แต่ละ​ร่าง​มีบร​รยา​กาศ​ที่​แตกต่าง​กัน​ ​แต่​ตัวตน​ของ​แต่ละคน​นั้น​กลับ​ดู​โดดเด่น​เป็นพิเศษ

​หนา​นกง​เลี่ย​ยัก​คิ้ว​ขึ้น​ข้าง​หนึ่ง​ ​ทั่วทั้ง​ร่าง​ของ​เขา​ประดับประดา​ไป​ด้วย​ความ​เย้ายวน​และ​มี​อิสร​เสรี​ ​เขา​ยกมือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​สาง​เส้น​ผม​ของ​ตัวเอง​ ​ที่​ข้อมือ​ขาว​ไร้​ริ้วรอย​นั้น​มีส​ร้อย​ลูกประคำ​ห้อย​อยู่​ ​ดวงตา​เรียว​ของ​เขา​แย้มยิ้ม​อย่าง​ซุกซน​ ​เขา​ไม่มีเวลา​พอที่​จะ​ยับยั้ง​กลิ่นอาย​ชั่วร้าย​ที่​แผ่ออก​มาจาก​ร่าง​ของ​ตนเอง​เอาไว้​ได้​ทัน​ ​เพียงแค่​เสี้ยว​หนึ่ง​จาก​คิ้ว​ของ​เขา​ก็​ทำให้​บรรดา​เด็กสาว​หลงเสน่ห์​จน​ใบหน้า​แดง​ซ่าน​ไป​ตาม​ๆ​ ​กัน

​คน​ถัดมา​คือ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ที่​ยืน​อยู่​ข้าง​เขา​ด้วย​รอยยิ้ม​ไม่​กว้าง​นัก​ ​แต่​รอยยิ้ม​บาง​ๆ​ ​นั้น​กลับ​ดูเหมือน​ไม่ใช่​รอยยิ้ม​เสียที​เดียว​ ​ใน​ท่าทาง​เฉื่อยชา​ของ​นาง​มี​เอกลักษณ์​บางอย่าง​แฝง​อยู่​ ​นาง​ใช้​มือ​ข้าง​ซ้าย​ของ​ตน​พับ​แขน​เสื้อ​ที่​มือขวา​พร้อมกับ​กระตุก​ยิ้ม​มุม​ปาก​เล็กน้อย​ ​เมื่อ​เทียบ​กับ​ผู้หญิง​คนอื่น​แล้ว​ ​นาง​ดู​มีเสน่ห์​มากกว่า​…

​และ​คน​สุดท้าย​คือ​ชายหนุ่ม​ผม​ดำ​ใน​ชุด​สีเงิน​ ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ยืน​อยู่​ด้านหลัง​พวกเขา​ ​และ​กำลัง​ค่อยๆ​ ​สาวเท้า​เดินตาม​มา

​สายลม​พัด​เส้น​ผม​สีดำ​ของ​เขา​ ​เสื้อคลุม​ตัว​ยาว​ที่อยู่​ใน​อากาศ​เย็นเฉียบ​ปกคลุม​ไป​ด้วย​ฝุ่น​หนาเตอะ​ ​แต่​ก็​ดูรา​วกับ​ว่า​มัน​ไม่ได้​เปรอะเปื้อน​เลย​แม้แต่น้อย​ ​ตรงกันข้าม​ ​บรรยากาศ​อัน​สูงศักดิ์​อันเป็น​เอกลักษณ์​เฉพาะตัว​ของ​เขา​กลับ​พรั่งพรู​ออกมา​ ​ประหนึ่ง​ราชา​ปีศาจ​ที่นั่ง​อยู่​ใน​ปราสาท​โบราณ​อัน​รกร้าง​ ​ทั้ง​สง่างาม​ ​และ​เยือกเย็น​…

​”​ไป​กัน​เถอะ​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​กระตุก​ยิ้ม​พร้อมกับ​เงยหน้า​ขึ้น​ ​นาง​จงใจ​พูด​อย่าง​ชัดถ้อยชัดคำ​ว่า​ ​”​ไป​ทำให้​พวกเขา​ได้​รู้กัน​ดีกว่า​ว่า​หอ​สามัญ​อย่าง​พวกเรา​นั้น​โอหัง​เพียงใด​”

​มัน​เป็น​แค่​คำพูด​ง่ายๆ​ ​เพียง​ประโยค​เดียว

​คน​ทั้ง​สาม​ที่​นิสัย​ต่างกัน​สุดขั้ว​ ​แต่​มี​รูปร่างหน้าตา​ไม่ธรรมดา​ ​เดิน​เรียง​ต่อกัน​ก้าว​เข้าสู่​เวที​การ​ประลอง​ซึ่ง​เต็มไปด้วย​เสียงดัง​เซ็งแซ่​จาก​ผู้คน​มากมาย

​ท่าทาง​ไม่แยแส​ผู้ใด​เช่นนั้น​คล้าย​จะ​ตอบรับ​คำพูด​ที่​อาจารย์​ไป๋​พูด​ไป​เมื่อครู่นี้

​ใช่​แล้ว​!

​พวกเขา​ยโส​โอหัง​ถึง​เพียงนั้น​เชียว​ล่ะ​!

​เมื่อ​เห็น​คน​ทั้ง​สาม​ ​คิ้ว​หงอก​ขาว​ของ​อาจารย์​ไป๋​ก็​ขมวด​เข้าหา​กัน​ทีละน้อย​ ​เขา​ส่งเสียง​เย็นชา​ด้วย​ความไม่พอใจ​ว่า​ ​”​ข้า​ไม่เคย​เห็น​ใคร​มาป​รากฏ​ตัว​บน​เวที​ด้วย​วิธี​เช่นนี้​มาก​่อน​!​”

​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​และ​สหาย​ของ​นาง​ไม่สน​ใจ​ใน​สิ่ง​ที่​เขา​พูด​ ​พวกเขา​ทั้ง​สาม​มา​หยุด​ยืน​อยู่​ตรงหน้า​ตู๋​ซู​เฟิ​งอย​่าง​รวดเร็ว​ ​น้ำเสียง​ของ​พวกเขา​ล้วน​ฟัง​ชัดเจน​ทุก​คำพูด​ ​”​ตัวแทน​หอ​สามัญ​รายงานตัว​!​”

​ผู้ตัดสิน​ที่นั่ง​อยู่​ไกล​ออก​ไป​มองเห็น​หน้า​ทั้ง​สาม​ไม่ชัด​นัก​ ​แต่​หลังจากที่​ได้ยิน​คำพูด​นั้น​ ​พวกเขา​ก็​ลุกขึ้น​ยืน​ ​และ​วาง​พู่กัน​ลง​อีกครั้ง

​ตู๋​ซู​เฟิง​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​ลูกศิษย์​ที่​ทำตัว​น่า​ปวดหัว​ที่สุด​ทั้ง​สาม​คนตรง​หน้า​ ​เขา​พูด​อย่าง​อ่อนโยน​ว่า​ ​”​หัก​หนึ่ง​หมื่น​ตำลึง​ ​แต่​อย่างไร​พวก​เจ้า​ก็​ยัง​เหลือ​เงินอยู่​อีก​หก​หมื่น​ตำลึง​”

​[​ทำไม​ล่ะ​]

​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​เลิก​คิ้ว​ ​”​ท่าน​เจ้าสำนัก​ ​พวก​ข้า​ไม่น่า​จะ​มาสาย​มิใช่​หรือ​”

​เมื่อ​เห็น​สีหน้า​เหมือน​คนที​่​เพิ่ง​กลืน​แมลงวัน​เข้าไป​ของ​อาจารย์​ไป๋​ ​พวก​นาง​ก็​รู้​ว่า​มาทัน​เวลา

​”​มีเรื่อง​วิวาท​กับ​คู่ต่อสู้​หลัง​จบ​การ​ประลอง​จน​ก่อให้เกิด​ความวุ่นวาย​ใหญ่โต​ ​หัก​ไป​ห้า​พัน​ตำลึง​ ​นอกจากนี้​…​”​ ​ตู๋​ซู​เฟิง​หันหน้า​ไป​มอง​ผนัง​ที่​ถูก​ทำลาย​อย่าง​ไม่รีบร้อน​ ​”​ทำลาย​ทรัพย์สิน​ของ​สำนัก​ ​หัก​อีก​ห้า​พัน​ตำลึง​”

​หนา​นกง​เลี่ย​ยัง​ไม่​อยาก​จะ​ยอมรับ​ ​”​พวก​ข้า​จำเป็นต้อง​ใช้​ทางลัด​มาที​่​นี่​”​ ​ถ้า​พวกเขา​ไม่​ถีบ​ผนัง​เข้ามา​ ​พวกเขา​ก็​คงมา​ไม่ทัน​แน่​ ​อีกทั้ง​เหตุผล​หลัก​ก็​คือ​การ​ถีบ​ผนัง​คงจะ​ดึงดูดสายตา​ใครต่อใคร​ได้ดี​ทีเดียว​มิใช่​หรือ

​ตู๋​ซู​เฟิ​งม​อง​หนา​นกง​เลี่ย​ ​สายตา​คู่​นั้น​เหมือนกับ​กำลัง​พิจารณา​ว่า​เขา​ควรจะ​หัก​เงิน​ห้า​พัน​ตำลึง​นั้น​ไป​ดี​หรือไม่

​เมื่อ​เห็น​ดังนั้น​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​จึง​หันไป​มอง​หนา​นกง​เลี่ย​ ​พร้อมกับ​ยกนิ้ว​โป้ง​ให้​เขา​อย่างรวดเร็ว

​หนา​นกง​เลี่ย​ยก​ริมฝีปาก​ขึ้น​เป็น​รอยยิ้ม​สว่าง​เจิดจ้า​ยิ่งกว่า​ที่​เคย

​ตู๋​ซู​เฟิง​วาง​ถ้วย​ชา​ใน​มือ​ลง​ ​พร้อมกับ​พูด​ช้าๆ​ ​ว่า​ ​”​ต่อปากต่อคำ​กับ​อาจารย์​ประจำ​หอ​ ​หัก​เพิ่ม​อีก​ห้า​พัน​ตำลึง​”

​หนา​นกง​เลี่ย​ ​”​…​”

​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ ​”​…​”

​บ้า​ชะมัด​ ​นี่​เขา​คิด​จะ​ลงโทษ​พวก​นาง​หรือ​ไร​!

​”​เอาล่ะ​ ​ถึงตา​เจ้า​แล้ว​ ​ไป​ขึ้น​เวที​ซะ​”​ ​ตู๋​ซู​เฟิง​เว้น​วรรค​ ​จากนั้น​จึง​พูดเส​ริม​ขึ้น​อีกครั้ง​ว่า​ ​”​ถ้า​เจ้า​เอาชนะ​ได้​อย่างสวยงาม​ ​ข้า​จะ​ยอม​พิจารณา​ยกเลิก​การ​หัก​เงิน​ก่อนหน้านี้​ดู​”

​ท่าน​เจ้าสำนัก​วิธีการ​ตีหนึ่ง​ที​ ​แล้ว​ให้​พุทรา​แดง[1]ของ​ท่าน​จะ​ใช้ได้​ผลดี​เกินไป​แล้ว

​ใน​จำนวน​คน​ทั้ง​สาม​ ​มี​อย่างน้อย​ก็​สอง​คนที​่​ไฟ​แห่ง​ความตื่นเต้น​ลุกโชน​ขึ้น​ทันที​ ​คน​ทั้งสอง​ราวกับ​เชื่อมโยง​อยู่​ใน​จักรวาล​เดียวกัน​ ​ดวงตา​ของ​พวกเขา​เป็นประกาย​เจิดจ้า​ทันทีที่​มอง​ไป​ยัง​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​ที่อยู่​บน​เวที​!

​มุม​ปากของ​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​โค้ง​ขึ้น​ ​ราวกับ​เขา​ไม่เห็น​ว่า​คน​พวก​นั้น​จะ​มีค่า​อัน​ใด​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​”​ในเมื่อ​เจ้า​มา​แล้ว​ ​เช่นนั้น​ก็​รีบ​ขึ้น​มาสู​้​เร็ว​เข้า​ ​หลังจาก​สู้​กัน​เสร็จ​ข้า​จะ​ได้​กลับ​ไป​งีบ​เสียที​”

​ ​————-

[1] ​ตรง​กับ​สำนวน​ไทย​ ​คือ​ ​ตบ​หัว​แล้ว​ลูบ​หลัง