นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 8 ซื้อซื้อซื้อ
ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ ใบหน้าได้รูป โครงหน้าชัดเจน และดูกล้าหาญ แต่หล่อมาก ต่อให้ในภพก่อนเคยเห็นดารามาแล้วอย่างมากมาย ณ ตอนนี้ก็ยังคงถูกผู้ชายตรงหน้าคนนี้ดึงดูด

ผู้ชายคนนี้สุดยอดไปเลยจริงๆ หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างก็ดี ยังกระฉับกระเฉงมีพลังขนาดนี้ แต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ ถือว่าคุ้มอย่างมาก

ผู้ชายคนนี้ทำให้คนอื่นชอบอกชอบใจอย่างไม่รู้ตัวจริงๆ

หัวใจเต้น “ตุบตุบ” โจวกุ้ยหลานรีบก้าวเดินไปข้างหน้า พร้อมพูดขึ้นว่า “รีบเดินเถอะ เดี๋ยวฟ้าจะมืดแล้ว”

สวีฉางหลินแบกตะกร้าไว้ข้างหลัง ในมือถือนกกระทา รีบก้าวเดินตามไป

ทั้งสองคนไปที่ร้านขายผ้า จากการต่อรองราคาแล้วก็ขายได้สองตำลึง

สวีฉางหลินที่สงบใจเย็นมาตลอดยังตกตะลึง เขาก็แค่ล่าได้กวางซิก้าตัวหนึ่ง ผ่านการจัดการตามที่โจวกุ้ยหลานสั่ง สามารถขายได้ราคาสูงถึงสิบสี่ตำลึง

แต่ต่อมา เขายิ่งตกตะลึง ภรรยาคนนี้ไม่เพียงหาเงินเก่ง ความสามารถในการใช้เงินก็ยิ่งเก่ง

ได้มาสองตำลึง โจวกุ้ยหลานก็ถามเถ้าแก่ว่ามีผ้าขายไหม

เถ้าแก่มองดูการแต่งกายของทั้งสองคน แล้วก็หยิบผ้าหยาบสีเทาออกมาหนึ่งผืน พร้อมพูดแนะนำโจวกุ้ยหลานว่า “นี่เป็นผ้าที่ร้านเราขายดีที่สุด หนึ่งผืนสี่ร้อยเหวิน หากพวกเจ้าซื้อ ข้าขายให้พวกเจ้าสามร้อยเก้าสิบเหวิน”

โจวกุ้ยหลานเอื้อมมือไปจับ รู้สึกได้ถึงเพียงความหยาบกระด้าง

“มีผ้ามัสลินไหม?”

เถ้าแก่มองดูการแต่งตัวของทั้งสองคนอีกครั้ง เห็นว่าเมื่อกี้พวกเขาเพิ่งขายหนังกวางได้สองตำลึง จึงค่อยโล่งอก

หยิบเอาผ้ามัสลินออกมาสองผืน วางไว้บนโต๊ะ ผืนหนึ่งเป็นสีฟ้า ผืนหนึ่งเป็นสีเขียว

โจวกุ้ยหลานลูบจับดู รู้สึกดีไม่น้อย ไม่เลว รู้สึกดี

เห็นนางพอใจ เถ้าแก่ก็พูดแนะนำต่อว่า “นี่คือผ้ามัสลิน ราคาแพงหน่อย ผ้าหนึ่งผืนแปดร้อยเหวิน ข้าขายให้เจ้าได้ในราคาเจ็ดร้อยแปดสิบเหวิน”

“หากข้าซื้อห้าผืน ราคาสามตำลึงขายไหม?”โจวกุ้ยหลานต่อราคา

เถ้าแก่ถามขึ้นอย่างตกตะลึงว่า “เจ้าจะซื้อห้าผืนจริงๆหรือ?”

ไม่แปลกที่เขาตกตะลึง ชาวบ้านบ้านนอกปีหนึ่งซื้อไม่ถึงหนึ่งผืนผู้หญิงคนนี้มาก็จะซื้อตั้งห้าผืน?

ด้วยสัญชาตญาณ เขาหันไปมองเพื่อเป็นการถามสวีฉางหลิน

สวีฉางหลินก็ค่อนข้างตกตะลึง ภรรยาของตนเองพูดอะไรออกมาก็น่าตกใจจริงๆ

โจวกุ้ยหลานไม่สนใจสายตาทั้งสองคนที่หันมามองนางอีกครั้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เถ้าแก่ ขายไหม?”

เถ้าแก่คนนั้นค่อยมั่นใจว่าโจวกุ้ยหลานต้องการซื้อจริงๆ ในใจคิดคำนวณดู ถึงแม้แต่ละผืนจะได้กำไลเพียงนิดเดียว แต่ห้าผืนก็ได้กำไลไม่น้อยแล้ว

เมื่อคิดได้แล้ว ก็เลือกให้ตามที่โจวกุ้ยหลานต้องการห้าผืน แล้วใส่ไว้ในตะกร้าสวีฉางหลินที่มีแต่ยาสมุนไพร

แล้วก็ถามซื้อปอกผ้าห่มกับเถ้าแก่อีก จ่ายเงินไปสามตำลึงสามเหรียญเสร็จ แล้วค่อยเดินออกมาจากร้านขายผ้า

โจวกุ้ยหลานที่ถือเงินไว้กับตัวเป็นจำนวนมาก ต่อมาก็เริ่มต้นกับการซื้อซื้อซื้อ

ท่านแม่ไ่ก่? เอามาสองตัวก่อน ไข่ไก่? เอามาหนึ่งร้อยฟอง ไข่เป็ด เอามายี่สิบฟอง ยังมีคนขายไข่ห่านด้วย? เอามายี่สิบฟอง

ข้าวสาร ขาดไม่ได้เด็ดขาด เอามาห้าชั่งก่อน เยอะเกินก็กลัวพวกเขาจะแบกไม่ไหว

แป้ง เอามาสามสิบชั่ง

แล้วก็ซื้อมันเปลวสี่ชั่ง เอาไปทอดเป็นน้ำมัน เกลือที่บ้านเหลือไม่เยอะแล้ว ซื้อเพิ่มหนึ่งชั่ง

เมล็ดหัวไชเท้า ซื้อไว้ก่อนบางส่วน ปลูกไว้จะได้มีผักกิน

กวาดซื้อขนาดนี้แล้ว ตะกร้าสวีฉางหลินที่แบกอยู่ข้างหลังนั้นเต็มหมดแล้ว สวีฉางหลินติดเสื้อคลุมของตนเองให้ดี เอาวางด้านบนสุดของตะกร้า ปกคลุมตะกร้าไว้อย่างมิดชิด

ในมือโจวกุ้ยหลานถือไก่ไว้สองตัว เดินผ่านร้านขายซาลาเปา ได้กลิ่นซาลาเปาไส้เนื้อ นางอดทนไม่ไหว ซื้อซาลาเปาไส้เนื้ออีกสิบลูก

สุดท้ายเห็นมีคนขายแพะอยู่ข้างถนน นางก็ซื้อแพะตัวเมียตัวหนึ่งด้วยเงินห้าตำลึง กับแพะน้อยที่ยังกินนมอยู่อีกหนึ่งตัว

ใกล้จะถึงฤดูหนาวแล้ว นางยังจะต้องซื้อฝ้ายมาทำผ้าห่มและเสื้อผ้า แต่เดินอยู่ในตำบลตั้งนาน ก็ไม่เห็นมี จึงต้องไว้ครั้งหน้าค่อยว่ากัน

ทั้งสองคนมองดูท้องฟ้าแล้ว ก็รีบเดินทางกลับบ้าน

ระหว่างทางเจอรถเกวียนที่รับลูกค้ามาหมู่บ้านต้าสือ โจวกุ้ยหลานดึงสวีฉางหลินขึ้นไปนั่งบนรถเกวียนด้วยเงินหกเหวิน

วันนี้บนรถม้าไม่มีใคร คนแก่ที่ขับรถเกวียน เห็นพวกเขาซื้อของเยอะขนาดนี้ จึงพูดคุยกับโจวกุ้ยหลานหลายประโยค โจวกุ้ยหลานบอกว่าเงินพวกนี้ล้วนได้มาจากเงินเก็บของสวีฉางหลิน

คนแก่ขับรถเกวียนแอบกลืนน้ำลาย นายพรานคนนี้มีเงินเก็บเยอะขนาดนี้เลยหรือ มีความสามารถจริงๆ แต่เมื่อเห็นว่าโจวกุ้ยหลานใช้หมดภายในวันเดียว ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

รถเกวียนส่ายแกว่งไปมาจนโจวกุ้ยหลานนั่งไม่ติด แต่เมื่อคิดว่าสวีฉางหลินต้องแบกของหนักขนาดนี้เดินข้ามภูเขาสองลูก นางก็ทำใจไม่ได้ จำต้องอดทนไว้ ในใจครุ่นคิดคำนวณ ต่อไปเมื่อมีเงินจะต้องซื้อรถเกวียนม้าสักคัน