ความจริงซีเว่ยก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

คลื่นรบกวนจากไข่ปีศาจสามารถปิดกั้นดวงตาศักดิ์สิทธิได้ในระดับหนึ่ง ตอนนั้นแม้อัสลานสิงโตตัวใหญ่ที่มองไม่เห็นขอดเมื่อเขากลายเป็นผู้ใช้ดาบปีศาจ ทั้ง ๆ ที่เขามีพลังมากกว่าซีเว่ยมาก

นั่นคือเหตุผลที่ซีเว่ยไม่พบไข่ปีศาจที่ซ่อนอยู่ในตัวของเขซิลตั้งแต่ต้น และคิดไปเองว่าการที่เขาไม่สามารถมองเห็นสถานที่บางแห่งในปราสาทได้ เป็นเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ของคราตอสเทพเจ้าแห่งสงครามปกป้องมันไว้ (อันที่จริงห้องของฮอร์รันมีสิ่งนี้)

เมื่อเว่ยพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ การต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้นแล้วที่ปราสาทหลัก

จากนั้นเมื่อเขาร่างเควสเสร็จ และมอบมันให้กับผู้เล่น พวกเขาก็เข้าใจสถานการณ์คร่าว ๆ จากคินลี่ย์

จากนั้น คินลีย์ที่ยังคงพยายามบีบน้ําตาก็พบว่า ผู้เล่นที่ไม่ได้สนใจเธอเลย พวกเขาจู่ ๆ ก็กระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมา สีหน้าของพวกเขาดูน่ากลัวเหมือนกับมีคําว่า “เข้าใจแล้ว ตอนนี้เรา ทุกคนออกไปตัดหัวศัตรูกันเถอะ” หรือ “ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือศัตรูเป็นใคร แต่เรา จะออกไปฆ่าพวกมันทันที

สิ่งนี้ทําให้หญิงสาวตกตะลึง และการประเมินแองโกร่าในใจของเธอก็เพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง คนส่วนใหญ่จะตกใจมากเมื่อพวกเขาได้ยินคําว่า ‘สัตว์ประหลาด พวกเขาจะสับสนและไม่แน่ ใจว่าต้องทําอย่างไรดี

มันก็ดีพอแล้วที่ทุกคนจะเก็บข้าวอย่างใจเย็นและรวดเร็วก่อนที่จะรีบหลบหนีไป แต่ไม่มีผู้ติดตามของแองโกร่าคนไหนตื่นกลัว ความจริงพวกเขาเริ่มเตรียมตัวสู้กลับด้วยซ้ํา

เนื่องจากศินลีย์เองได้รับเลือกให้เป็นลูกศิษย์ของนักเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งของทวีป ดังนั้นเธอจึงอ่านสีหน้าคนได้ค่อนข้างดี เธอมั่นใจว่าท่าทางของผู้เล่นตอนนี้นั้น ไม่ใช่เพราะพวก เขาไม่รู้ว่ากําลังจะต้องไปเผชิญกับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว แต่เป็นความตื่นเต้นที่ไม่อาจระงับได้ และความปรารถนาที่จะต่อสู้ (เพื่อ EXP)

ต้องบอกว่ามันเหมือนกับสีหน้าของนักบุญดาบที่เธอเคยพบในห้องโถงของอาจารย์ เมื่อเขา ได้ยินว่ามีศัตรูที่ทรงพลังปรากฏตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง

ดังนั้นเธอจึงสามารถจินตนาการได้ว่า แม้ตอนแรกเริ่มคนกลุ่มนี้จะไม่ได้แข็งแกร่ง แต่ตราบใด ที่พวกเขาสามารถอยู่รอดต่อไปได้ พวกเขาก็จะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!

ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากแองโกร่าสามารถควบคุมเมล็ดพันธุ์ที่ดีเหล่านี้ได้ เขาอาจมีความสามารถมากกว่าที่คินลีย์ศิต

อย่างไรก็ตาม สัตว์ประหลาดที่กลายร่างมาจากเชซิลนั้นแตกต่างจากสัตว์ประหลาดทั่วไปมาก และคนเหล่านี้อาจไม่รอดหากพวกเขาวิ่งเข้าสู่สนามรบ

แม้ว่าภายนอกศินลีย์จะดูกระสับกระส่ายมาก แต่ภายในเธอสงบและเข้าใจทุกอย่าง

ดังนั้นเธอจึงตัดสินเปิดเผยข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับศัตรู และปล่อยให้คนกลุ่มนี้ล่าถอยเมื่อพวกเขารู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้อันตรายกว่าที่พวกเขาคิด พวกเขาไม่จําเป็นต้องสู้ต่อไป เพราะมันก็ถือเป็นชัยชนะแล้วหากพวกเขาล่าถอยได้อย่างปลอดภัย และปล่อยส่วนที่เหลือให้ผู้แข็งแกร่งจากศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสวและวิหารแห่งความรุ่งโรจน์จัดการ

“ข้า ข้าเคยเห็นสัตว์ประหลาดแบบนั้นในสารานุกรมของอาจารยข้า…..เซซิลอาจกลายเป็นปีศาจในตํานาน!” หญิงสาวทําหน้าตื่นตระหนก “ไม่มีใครนอกจากอัครมุขนายกหรือมุขนายกชุดขาวจะสามารถเอาชนะมันได้…”

แองโกร่าพยักหน้าก่อนที่หญิงสาวจะได้พูดว่า “เราต้องขอความช่วยเหลือจากศาสนจักรสีขาวอันสว่างไสว!” และพูดว่า “ข้ารู้แล้ว”

ไม่ใช่แค่แองโกร่า ทุกคนในห้องก็กําลังแสดงท่าทางที่บอกว่า “โอ้ ปีศาจ” ก็แค่ปีศาจ ไม่จํา เป็นต้องตื่นตระหนก” หรือ “เรารู้ดีว่ามันเป็นปีศาจ

เครื่องหมายคําถามผุดขึ้นบนหัวของคินลีย์ “???”

“พวกเจ้าจะรู้อะไร!

“นั่นมันปีศาจ เวรเอ๊ย!”

ไม่ใช่อิมพ์กํามะถันที่คลานไปทั่วนรก! มันคือปีศาจที่สามารถทําลายกองกําลังทหารนับร้อย ได้ในไม่กี่นาที!

“แล้วพวกเจ้าจะสู้ยังไง? ไม่มีใครในพวกเจ้าดูเหมือนนักบวชนอกจากผู้หญิงที่ใส่ชุดสีขาว (เจส สิก้า) ที่ถือไม้กางเขน! ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่ข้าได้มาจากนักเล่นแร่แปรธาตุระดับแนวหน้าของทวีปจะใช้ได้ผล! ตอนนี้การหนีเป็นทางเลือกเดียวของพวกเรา!”

การพูดเช่นนั้นจะทําให้ภาพลักษณ์ที่นุ่มนวล บอบบาง และอ่อนโยนของเธอ ที่เธอแสร้งทํา มาตลอตเสียหาย

“ข้าคิดว่ามันดีกว่าหากเราจะใช้แผนระยะยาว

ภายใต้การนําของแองโกร่า ผู้เล่นก็เริ่มมุ่งหน้าออกจากอาคารไปยังปราสาทหลัก

“ไปกันเถอะ!”

“โอ้!!”

คินลีย์รู้สึกว่าความดันโลหิตของเธอพุ่งสูงขึ้นทันที

“ฟังคนอื่นเขาพูดบ้างเช่!”

ไม่ใช่ว่าแองโกร่าไม่ฟังเธอ แต่พ่อของเขากําลังตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถ “ใช้แผนระยะยาว” ได้

ยิ่งไปกว่านั้น ระบบก็ได้ออกเควสมาแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าศัตรูเป็นเพียงผู้ที่ถูกความชั่วร้ายครอบงําและยังไม่ได้กลายเป็นปีศาจที่แท้จริง

ดังนั้น ทางเลือกที่ถูกต้องในตอนนี้คือการกําจัดมัน

****

มีทางเดินสองทางเชื่อมต่อปราสาทหลักกับอาคารด้านนอก สถานที่ที่แองโกร่าและพรรคพวกของเขาอยู่คืออาคารด้านข้างปราสาทหลัก แต่ประตูทางเข้าหลักเป็นเพียงจุดเดียวที่สามารถเข้าสู่ปราสาทอินทรีเงินได้ ที่จริงมันอาจมีทางลับอยู่ 2-3 ทางไว้สําหรับใช้หลบหนี แต่แองโกร่าไม่รู้เรื่อง

ที่แรก คินลี่ย์กําลังวางแผนที่จะผูกผ้าปูเตียง หรืออะไรก็ตามเป็นเชือกและหนีออกจากทางหน้าต่าง แต่แองโกร่าและผู้ติดตามของเขากลับมุ่งตรงไปยังปราสาทหลัก และมันยากที่เธอจะหนีไป ได้ด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นเธอจึงติดตามพวกเขา แม้ว่าเธอจะสาปแช่งพวกเขาอยู่ในใจไปตลอดทางก็ตาม

“มีศัตรูเฝ้าอยู่ตรงทางออกข้างหน้า เราควรทํายังไงดี” โจโผล่หัวออกไปมองทางด้านหน้าจากมุมทางเดิน ก่อนจะหันกลับไปถามคนอื่น ๆ เมื่อเห็นลูกสมุนอยู่เฝ้าใกล้ทางออก

ทางเดินแคบเกินไป ง่ายต่อการป้องกันและยากต่อการโจมตี ผู้เล่นอาจติดกับดักได้หากพวก เขาพยายามบุกเข้าไปตรง ๆ

หากเวลาถูกลากออกไป และเซซิลกลายเป็นปีศาจที่แท้จริง ผู้เล่นคงจะต้องส่ง GG” ออกไปท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างไม่อาจทําอะไรได้

(GG = ย่อมาจากคําว่า good game จุดประสงค์ที่แท้จริงคือแสดงความมีน้ำใจนักกีฬาต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ในแง่ลบ ยังแปลว่า “git gud” (get good) คํานี้จะไว้เยาะเย้ยยั่วโมโหผู้เล่นใหม่ประมาณว่า “ไปฝึกมาใหมให้ดีกว่านะจ๊ะ!”)

“ทางเดินทั้ง 2 อยู่ใกล้กันมาก…จะดีกว่าถ้าเราสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของศัตรูได้” แองโกร่าคิดจะให้ผู้เล่น 2-3 คนเสนอตัวไปเป็นเหยื่อล่อ

ในทางกลับกัน แม้ผู้เล่นจะดูอ่อนแอ แต่การแสดงทักษะซูเพล็กซ์อันน่าทึ่งของโจที่น้ำพุด้านหน้าปราสาทนั้นค่อนข้างน่าตกใจ หากผู้เล่นจับศัตรูไม่ได้ในคราวเดียว และปล่อยให้ศัตรูมีโอกาสเรียกพวกมาเพิ่ม เรื่องก็จะยิ่งแย่

นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาต้องส่งเหยื่อที่ดูอ่อนแอออกไป ศัตรูจะได้คิดว่าไม่จําเป็นจะต้องขอความช่วยเหลือ

แม้ว่าทหารจะกลายเป็นลูกสมุนปีศาจและสูญเสียสติปัญญาไปมาก แต่พวกเขาก็หลอกไม่ง่าย

“ข้าจัดการเอง” จู่ ๆ เอลิ่น่าก็อาสา

เด็กสาวหยิบลูกบอลสีขาวแดง (โปเกบอล) ออกมาจากหน้าอกแบน ๆ ของเธอแล้วเหวี่ยงมันลงพื้น “คล็อกกาโตว์ข้าเลือกเจ้า!”

ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาขณะที่ลูกบอลกระทบพื้น คล็อกกาโตว์ซึ่งกําลังทานอาหารเย็นอยู่ ที่หมู่บ้านมนุษย์กบก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขา

หลังจากเอลีน่าสรุปสิ่งที่ต้องทํา คล็อกกาโตว์ก็เหวี่ยงปลาเค็มรมควันในมือทิ้งทันที ก่อนจะกล่าวทักทายเด็กสาว “ฮาคุน่ามาคร็อกคร็อก! ข้าสัญญาว่าจะทํางานนี้ให้สําเร็จ!”

ด้านข้างพวกเขา คินลีย์กําลังจ้องมองทุกอย่างตรงหน้าเธอด้วยสายตาที่หมองหม่น

เกิดอะไรขึ้น?

เกิดอะไรขึ้น?

กบตัวนั้นมาจากไหน?

ศักดินาของแองโกร่าไม่ใช่เมืองชายแดนที่ห่างไกลหรอกเหรอ?

ผู้คนที่นั่นจะเรียนรู้ทักษะการเล่นแร่แปรธาตุขั้นสูงเช่นนี้ได้อย่างไร

***

ขณะที่สมุนทั้ง 2 กําลังคุยกันด้วยภาษานรก

“สวัสดีทุกคน”

ที่นั่น มนุษย์กบตัวผอมกําลังยืนอยู่ไม่ไกลขณะส่ายก้นไปที่พวกเขา อวดลวดลายเล็ก ๆ ที่ คล้ายกับดอกเบญมาศด้านหลัง “พวกเจ้าอยากเห็นดอกไม้น้อย ๆ ของข้าไหม”

ลูกสมุนปีศาจพูดไม่ออก

10 วินาทีต่อมา

คล็อกกาโตว์ส่งเสียงแหลม เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือหัว ขณะที่บินผ่านทางเดินนั้นไปอย่างรวดเร็วโดยมีลูกสมุน 2 ตัววิ่งไล่ตาม

“ไม่มีใครอยู่ที่ทางออกแล้ว! ไปกันเลย!”

ดังนั้นผู้เล่นจึงใช้โอกาสนี้เปิดประตูเข้าไปในปราสาทหลัก

มีเพียงคินลี่ย์เท่านั้นที่มองไปยังทางที่กบตัวน้อย ที่ถูกกําหนดให้ต้องเสียสละตัวเองหายไปอย่างเศร้าใจ