บทที่ 164 กรีดร้องให้ดังกว่านี้อีกหน่อย แฟนหนุ่มของคุณจะได้ออกมา

ปลอบใจฉัน ด้วยรักเธอ

รู้ทั้งรู้ว่าเรื่องในอดีตนั้นจะไม่มีใครพูดถึงมันอีก และเฉียว โยวโยวก็คงไม่มีวันรู้ อย่างไรก็ตามเมื่อฟู้เจียนปอได้ยินสิ่งที่หลานเสี่ยวถางพูดอยู่นั้น หัวใจของเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกถึงขีดสุด

เวลาผ่านไปสักพัก เขาจึงปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ

เมื่อรู้สึกถึงปฏิกิริยาที่ผิดปกติของเขาในตอนนี้ เขาจึงกระแอมในลำคอ และแสร้งทำเป็นไปดูเวลา: “ผมไปดูนะว่าอาหารจะมาส่งเมื่อไหร่”

หลานเสี่ยวถางไม่ได้เปิดโปงเขา แต่พยักหน้า: “อืม ฉันหิวนิดหน่อยแล้วล่ะ”

โชคดีที่ไม่นานนักพนักงานชายเดลิเวอรี่ก็โทรหาฟู้เจียนปอพอดี และเขาก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว: “เสี่ยวถาง ผมจะออกไปรับอาหารนะ”

หลังจากที่ทั้งสองทานอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว เฉียวโยวโยวก็ยังไม่ตื่น

หลานเสี่ยวถางไปที่ห้องของตัวเองเพื่อทำความสะอาด และเมื่อเธอเดินออกมา เธอก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศภายนอกนั้นดูแปลก ๆ

เธอหันไปมองและเห็นฟู่สีเกอ เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า: “สีเกอ คุณมาที่นี่ได้อย่างไรกันคะ?”

ฟู่สีเกอถือถุงและพูดว่า “เดิมทีผมกลับไปแล้ว แต่เมื่อผมเห็นว่าคุณแม่ของผมซื้อรังนกมาเยอะแยะไว้ที่บ้าน และเมื่อคิดได้ว่าเพื่อนของคุณถูกกระทบกระเทือนสมองอย่างแรง จึงเหมาะที่จะทานรังนกผลผลิตที่ได้จากน้ำลายของนก ดังนั้นผมจึงนำมานี่ไงล่ะ”

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นรังนก แต่ทำไมคุณถึงได้พูดน่าเกลียดมากขนาดนั้นด้วย หลานเสี่ยวถางหยิบกระเป๋าขึ้นมาอย่างเซ็ง ๆ: “ผลิตจากน้ำลายอะไรกัน นี่มันสำหรับบำรุงเพื่อความงามเหอะ?”

“บำรุงเพื่อความงาม?เหอะ ก็โกหกผู้หญิงพวกเธอนะสิ” น้ำเสียงของฟู่สีเกอดูไม่สบอารมณ์เล็กน้อย: “แบ่งคุณแม่มาบ้างก็ดี คุณแม่จะได้ไม่ต้องกังวลใจว่าจะหาสูตรอะไรในการทำรังนกนี้ เพราะมันช่างน่ารำคาญจริง ๆเลย”

หลานเสี่ยวถางไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี : “ถ้าคุณเอามันไปแล้ว คุณแม่ของคุณก็แค่หาซื้อใหม่ได้อีก ท่านก็ต้องกังวลใจเหมือนเดิม”

ฟู่สีเกอส่ายหัว: “ไม่ เธอเป็นคนจู้จี้จุกจิกมาก เธอเลือกทานแต่เจ้าที่สั่งมาจากประเทศมาเลเซียเจ้าประจำนั้นเท่านั้นแหละ รังนกไม่ใช่จะผลิตขึ้นมาได้ง่าย ๆ ผมเอามาหมดแล้ว เธอก็คงจะหยุดกังวลได้สักระยะหนึ่ง ”

หลานเสี่ยวถางยิ้ม: “คุณระวังเถอะถ้าคุณกลับถึงบ้านคุณจะโดนทำโทษแน่ ”

“เหอะ สองสามวันนี้ผมไม่กลับไปแล้วล่ะ ผมวางแผนจะนอนที่โรงพยาบาลนี่แหละ!” ฟู่สีเกอเอนตัวลงนอนบนโซฟา: “ถ้าเป็นที่นี่เธอตามหาไม่พบอย่างแน่นอน! รอเมื่อเฉียวโยวโยวออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ คาดว่าความโกรธของเธอจะบรรเทาลงแล้วล่ะ เมื่อถึงเวลานั้นผมค่อยใช้คำพูดหวาน ๆ พูดไม่กี่ประโยค เธอก็ลืมแล้วล่ะ”

หลานเสี่ยวถางชี้ไปที่ห้อง: “ที่นี่มีเพียงสองห้อง ห้องหนึ่งสำหรับเจียนปอและอีกห้องหนึ่งสำหรับฉัน แล้วคุณจะพักที่ไหนคะ?”

“ตรงไหนก็ได้” ฟู่สีเกอพูดอย่างเฉยเมย: “หรือทำตามกฎเก่าก็ได้”

เขาหมายถึงว่าก่อนหน้านี้หลานเสี่ยวถางเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เล่นไพ่กันและถ้าใครก็ตามที่แพ้พนันคน ๆนั้นต้องนอนบนโซฟา

“ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีเถอะ!” หลานเสี่ยวถางเปิดถุงและเห็นรังนกที่สวยงามอยู่ข้างใน เธอรู้สึกเจ็บปวดใจแทนคุณแม่ของฟู่สีเกอ และพูดกับตัวเองว่า: “ฉันไม่รู้วิธีการตุ๋นรังนกจริง ๆ รอให้ฉันศึกษาสูตรการทำก่อนนะ!”

ฟู่สีเกอซึ่งเอนนอนเล่นอยู่บนโซฟาก็ได้ลุกขึ้นนั่ง: “โอเค ผมทำเป็น อีกสักครู่ผมค่อยทำก็แล้วกันนะครับ!”

ในขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องครัว หลังจากดูอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดกับฟู้เจียนปอว่า “คุณฟู้ครับ คุณไปซื้อหม้อตุ๋นหน่อยสิ รังนกต้องตุ๋นในหม้อแยกน้ำเท่านั้น”

ฟู้เจียนปอเหลือบมองไปที่ฟู่สีเกอและลังเลเล็กน้อย

จากสัญชาตญาณของผู้ชายนั้น เขารู้สึกว่าฟู่สีเกอเหมือนเป็นภัยคุกคามสำหรับเขา

อย่างไรก็ตาม หลานเสี่ยวถางพูดด้วยน้ำเสียงก้องกังวานว่า: “เจียนปอใต้ตึกโรงพยาบาลก็น่าจะมีขายแล้วนะ คุณลองไปหาซื้อที่แผนกหมอแพทย์แผนจีนดู”

ฟู้เจียนปอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากลุกขึ้นและหยิบกระเป๋าเงินแล้วเดินออกไปทันที

เมื่อเขาเดินไปถึงที่ประตู โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

เขากดรับสายพร้อมพูดว่า: “คุณแม่”

เสียงของผู้หญิงที่พูดจากปลายสายก็ดังขึ้น: “เจียนปอ แม่ถึงที่สถานีรถไฟแล้ว ลูกอยู่ที่ไหน?”

ฟู้เจียนปอตบหัวตัวเองทันที: “คุณแม่ครับ คุณแม่ถึงสถานีแล้วหรือครับ?”

วันนี้เฉียวโยวโยวประสบอุบัติเหตุ เขากลับลืมไปเลยว่าคุณแม่ของตัวเองเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่า วันนี้พวกเขาจะไปเยี่ยมเขา!

คุณแม่พูดว่า: “อืม เพิ่งถึงสถานี คนเยอะมาก เจียนปอ ลูกกับโยวโยวอยู่ที่ไหนกัน?”

แม้ว่าคุณแม่ของเขาจะอาศัยอยู่ในเมืองใกล้เคียง แต่ต้องนั่งรถไฟความเร็วสูงและต้องใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 40 กว่านาที แต่เวลานี้ก็ดึกมาแล้ว อยู่ในสถานีรถไฟนั้นก็ไม่ปลอดภัย ฟู้เจียนปอปวดหัวจนต้องนวดขมับของตัวเอง: “คุณแม่ครับ คุณแม่อย่าเดินไปเรื่อยนะครับ ผมอยู่ระหว่างทางรถติดมากครับ ผมกำลังเดินทางไปรับคุณแม่นะครับ คุณแม่หาที่นั่งแล้วนั่งรอผมไปรับก่อนนะครับ”

คุณแม่พูดว่า: “โอเค ไม่ต้องกังวล แม่จะรอให้ลูกมารับอยู่ที่สถานีนี่แหละ”

ฟู้เจียนปอเดินกลับมาที่ห้องพักฟื้นคนไข้ เขาเหลือบมองดูฟู่สีเกอสักครู่ และพูดกับหลานเสี่ยวถางอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “เสี่ยวถาง วันนี้คุณแม่ของผมมา เดี๋ยวผมจำเป็นต้องไปรับคุณแม่ของผมที่สถานีรถไฟ คุณช่วยผมดูแลโยวโยวหน่อยนะ รอเมื่อผมรับคุณแม่แล้ว ผมจะรีบกลับมาทันที”

หลานเสี่ยวถางถามว่า: “แล้วพวกคุณจะพักที่ไหน”

ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าฟู้เจียนปอเคยวางแผนที่จะอาศัยอยู่กับเฉียวโยวโยว แต่เมื่อเฉียวโยวโยวยังนอนพักฟื้นอยู่ แน่นอนว่าหลานเสี่ยวถางจะตัดสินใจแทนเฉียวโยวโยวไม่ได้ เธอจึงยื่นกุญแจบ้านของตัวเองให้กับฟู้เจียนปอ

“ผมจะหาโรงแรมใกล้โรงพยาบาลพักสักสองวัน” ในขณะที่พูดอยู่นั้นฟู้เจียนปอก็เหลือบมองฟู่สีเกอ แล้วจึงบอกลาหลานเสี่ยวถาง: “เสี่ยวถาง อย่าลืมดูแลโยวโยวแทนผมด้วยนะครับ ผมจะรีบไปรีบกลับ!”

“โอเค คุณไม่ต้องห่วง!” หลานเสี่ยวถางพูดกับฟู่สีเกอว่า : “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะไปซื้อหม้อตุ๋นเอง!”

“เอาเถอะ ใครจะให้ผู้หญิงออกไปซื้อได้ล่ะ! ถ้าอาเฉินรู้เข้าต้องฆ่าผมตายแน่!” ฟู่สีเกอลุกขึ้นแล้วพูดว่า “คุณชายอย่างผมจะเป็นคนไปซื้อเองครับ!”

จากนั้นห้องก็เงียบลงทันที หลานเสี่ยวถางเห็นสูตรบอกว่าการตุ๋นรังนกนั้นต้องให้รังนกพองตัวขึ้นก่อน ดังนั้นเธอจึงไปที่ห้องครัวเพื่อล้างชามที่สะอาดและเอารังนกแช่น้ำสองสามชิ้น

ทันทีที่เธอเดินกลับมา เธอได้ยินเสียงของเฉียวโยวโยว ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปหาเธอทันที

“เสี่ยวถาง” เฉียวโยวโยวลืมตาขึ้น: “มีเพียงเธอคนเดียวหรือ?”

หลานเสี่ยวถางรีบอธิบายสถานการณ์สั้น ๆแล้วพูดว่า: “ฉันไม่ได้เอากุญแจของเธอให้เจียนปอ”

“อืม” เฉียวโยวโยวกล่าวว่า:“ให้พวกเขาพักในโรงแรมเถอะ!”

หลังจากคิดอยู่สักครู่ เธอก็ถามว่า “ฟู่สีเกอยังไม่กลับเหรอ?”

“เขาบอกว่าเขาหลบคุณแม่ของตัวเอง” หลานเสี่ยวถางกล่าวว่า: “แล้วแต่เขาแล้วกัน ยังไงซะฉันก็ไม่ยอมเอาห้องของฉันให้เขาหรอก”

“อืม” เฉียวโยวโยวทำหน้ามุ่ย “เสี่ยวถาง ฉันหิวแล้ว”

“ฉันจะไปอุ่นโจ๊กให้เธอนะ แต่เธอดื่มน้ำอุ่นก่อนดีกว่านะ!” หลานเสี่ยวถางป้อนน้ำอุ่นให้เฉียวโยวโยวดื่ม และเมื่อเธอกลับไปที่ห้องครัวเพื่ออุ่นอาหารอยู่นั้น ฟู่สีเกอก็กลับมาพร้อมหม้อตุ๋นทันที

เขาวางหม้อตุ๋นไว้ในครัว แล้วเดินออกมาข้างนอก: “เธอตื่นแล้วเหรอ?”

“อืม เธอบอกฉันว่าเธอหิวแล้ว” หลานเสี่ยวถางพยักหน้า แล้วหยิบโจ๊กออกมาจากไมโครเวฟ เมื่อเห็นว่าร้อนไปหน่อย เธอจึงเป่าอีกครั้ง

ฟู่สีเกอเดินไปที่ข้าง ๆเฉียวโยวโยว และชำเลืองมองเธอ: “นี่ขนาดสมองโดนกระทบกระเทือนมาสีหน้ายังดูดีขนาดนี้เลยนะเนี่ย เป็นหญิงเหล็กจริง ๆเลยนะเธอเนี่ย!”

เฉียวโยวโยวจ้องมองไปที่เขา: “มีใครเขาพูดกับคนป่วยแบบนายกัน?!”

“นี่ผมกำลังชมคุณอยู่นะ!” ฟู่สีเกอหันศีรษะและเห็นหลานเสี่ยวถางได้นำโจ๊กมาแล้ว เขาเอื้อมมือไปรับและพูดว่า “เสี่ยวถาง คุณยกหัวเตียงของเธอขึ้น”

“อืม” หลานเสี่ยวถางเดินไป ยกหัวเตียงและวางหมอนไว้รองหลังของเฉียวโยวโยว

เธอกำลังจะไปป้อนโจ๊กให้กับเฉียวโยวโยว แต่เห็นว่าฟู่สีเกอได้ตักโจ๊กหนึ่งช้อนแล้วป้อนให้เฉียวโยวโยว : “หญิงเหล็ก ทานซะ”

เฉียวโยวโยวอ้าปากของเธอ และมองฟู่สีเกอด้วยหน้าตาบูดบึ้ง

“ดูเหมือนว่าจะยังไม่ค่อยหิวสักเท่าไหร่ ถ้างั้นอีกสักพักค่อยทานแล้วกัน !” ฟู่สีเกอพูดพร้อมกับถือชามจะเดินจากไป

“นี่!” เฉียวโยวโยวคำราม

“ดูสิ หน้าตาอย่างกับแม่เสือ!” ฟู่สีเกอหันหลังกลับมาและป้อนโจ๊กให้เธอ: “เอาล่ะ คุณต้องทานให้อิ่มก่อนถึงจะมีแรงสู้กับผม”

เฉียวโยวโยวค้อนตาใส่เขาทีหนึ่ง แต่ก็ยังคงอ้าปากเมื่อเขาป้อนโจ๊กให้เธอทาน

ทั้งสองคนเถียงโต้ตอบแบบนั้นอยู่ตลอด และฟู่สีเกอก็ป้อนโจ๊กให้เธอทานจนหมดชาม เขาวางชามเปล่าลงแล้วพูดว่า: “คุณหนูทั้งสองคนครับ ผมจะไปตุ๋นรังนกให้พวกคุณนะครับ!”

เป็นเพราะรังนกแช่ไว้ไม่นานพอ ดังนั้นจึงต้องเคี่ยวสักพัก เมื่อฟู่สีเกอยุ่งอยู่ในครัวอยู่นั้น ฟู้เจียนปอก็ได้โทรเข้ามา และเขาบอกว่าเขาเพิ่งรับคุณแม่ และรอเขาจัดการที่พักให้คุณแม่เสร็จแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึงโรงพยาบาล

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฟู้เจียนปอก็มาพร้อมกับคุณแม่ของเขา

ทันใดนั้น ในห้องพักฟื้นคนไข้ก็คึกคักขึ้นมาทันที หลังจากทักทายกันเสร็จ หลานเสี่ยวถางก็เห็นว่าเฉียวโยวโยวมีอาการเหนื่อยเล็กน้อย เธอจึงขอให้ฟู้เจียนปอส่งคุณแม่ของเขากลับไป อีกฝั่งหนึ่งในห้องครัวรังนกก็ตุ๋นเสร็จแล้ว และวางไว้ในที่เย็นโดยธรรมชาติ

และเมื่อฟู้เจียนปอกลับมา เขาก็เห็นหลานเสี่ยวถางตักรังนกอยู่ ดังนั้นเขาจึงขอบคุณฟู่สีเกอ และเอื้อมมือไปเอารังนกจากมือของหลานเสี่ยวถางมา แล้วเดินไปที่ข้างเตียงและพูดกับเฉียวโยวโยวว่า: “โยวโยว มาเดี๋ยวผมป้อนให้คุณเอง ”

เฉียวโยวโยวเหลือบมองดูรังนกที่ใสสะอาดในชาม ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอ้าปากไม่ออก :“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันได้รับการกระทบกระเทือนแค่สมอง แต่มือของฉันไม่ได้หัก ดังนั้นฉันจะทานเองได้ค่ะ เจียนปอคุณแค่ช่วยฉันตั้งโต๊ะเท่านั้นพอค่ะ ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวโยวโยว ฟู่สีเกอซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาที่กำลังดูโทรศัพท์มือถือของเขาอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองเฉียวโยวโยว เขาจ้องมองเฉียวโยวโยวนิ่ง ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

จากนั้นเฉียวโยวโยวก็ทานรังนกจนหมดชาม และไม่ยอมให้ใครป้อน

ในตอนกลางคืน เพราะฟู่สีเกอเป็น “ส่วนเกิน” ดังนั้นเขาจึงหลับไปบนโซฟาอย่างไม่มีทางเลือกอีก

ก่อนเข้านอน เฉียวโยวโยวไม่ค่อยชอบใส่สายสวนปัสสาวะ ใส่แล้วรู้สึกมันอึดอัดมาก และขอให้พยาบาลถอดมันออก

ใครจะไปรู้ว่าวันนี้เธอทั้งทานโจ๊กและทานรังนก เธอเพิ่งนอนได้ไม่นาน ก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ

เธอขยับร่างกายอย่างเซ็ง ๆ เธอลังเลว่าจะกดเรียกพยาบาลด้วยกระดิ่งเรียกหรือไม่อยู่นั้น อยู่ ๆมือของเธอก็เหมือนสัมผัสโดนเข้ากับอะไรสักอย่าง และเธอเปล่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ

ฟู่สีเกอนอนอยู่บนโซฟา ดังนั้นเมื่อมีบางอย่างเกิดขึ้น เขาก็ลืมตาขึ้นทันที

เขามองเข้าไปในห้องพักฟื้นคนไข้และเห็นเฉียวโยวโยวกำลังดึงผ้าห่มขึ้น ดังนั้นเขาจึงบิดขี้เกียจและเดินเข้าไปหาทันที

เฉียวโยวโยวกำลังสับสนอยู่ว่าจะกดกริ่งเรียกพยาบาลอยู่ไหมนั้น และเธอก็เห็นกลุ่มเงาที่ใกล้เข้ามา เมื่อใกล้เข้ามาถึงเธอก็มองเห็นว่าเป็นฟู่สีเกอ

เขาถามเธอว่า: “ดึกดื่นไม่ยอมนอน หรือว่าต้องการทำเรื่องอย่างว่าล่ะ?”

เฉียวโยวโยวมองตาค้อน: “ฉันแค่ต้องการปัสสาวะ!”

“เอาล่ะ เดี๋ยวผมจะพาคุณไปเข้าห้องน้ำเอง!” ในขณะที่ฟู่สีเกอพูดอยู่นั้น เขาเปิดผ้าห่มและสอดมือใต้ข้อพับของเฉียวโยวโยวด้วยแขนของเขา แล้ววางมืออีกข้างหนึ่งกอดบนหลังเธอ และอุ้มเธอขึ้นมา

เมื่อได้ยินเธอร้อง ‘อ๊าก’ เขาก้มศีรษะลงแนบข้างหูของเธอแล้วพูดว่า:“กรีดร้องให้ดังกว่านี้อีกหน่อย แฟนหนุ่มของคุณจะได้ออกมา”

เฉียวโยวโยวรีบปิดปากของเธอ และจ้องมองฟู่สีเกอด้วยความไม่สบอารมณ์

เขาอุ้มเธอไปที่ห้องน้ำและวางไว้ข้างชักโครก: “ให้ผมช่วยคุณถอดด้วยไหม”

“ไสหัวไป!” เฉียวโยวโยวเอื้อมมือออกไปผลักฟู่สีเกอ

เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ หันหลังแล้วพูดว่า :“เสร็จแล้วเรียกผม”

เฉียวโยวโยวมองที่หลังของเขาและพูดด้วยความโมโห: “ออกไปสักทีสิ คุณอยู่ในนี้ฉันจะทำธุระในห้องน้ำได้อย่างไรกันล่ะ?!”

“ตกลง คุณเป็นคนป่วย คุณเป็นใหญ่ ” ฟู่สีเกอเดินออกไป: “เดี๋ยวหลังจากหนึ่งนาทีแล้วผมจะเข้ามา คุณนั่งอยู่ตรงนั้นห้ามขยับ”

ไม่รู้ว่ามันอยู่ภายใต้ความกดดันมากเกินไปหรือเปล่า ทั้ง ๆที่เฉียวโยวโยวอยากเข้าห้องน้ำอย่างมาก แต่มันใช้เวลานานมากกว่าจะทำธุระเสร็จ

ทันทีหลังจากที่เธอทำธุระเสร็จ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ใส่กางเกง ฟู่สีเกอก็เดินเข้ามาแล้ว