บทที่ 160 เพื่อความร่วมมือที่ดีต่อกัน

เจ้าของร้านพิศวง

ขยายร้าน?!

นี่มันกระตุ้นความสนใจของคล็อด และเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองได้รับข้อมูลใหม่ที่ไม่ธรรมดาเข้าเสียแล้ว

เขามัวแต่ยุ่งจัดการกับเรื่องของพวกงานเลี้ยงโลหิตอยู่ในช่วงนี้และไม่ได้สังเกตเลยว่าร้านสื่อวีดิทัศน์ข้าง ๆ ได้ปิดตัวลงแล้ว

มันดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้าของร้านสื่อวีดิทัศน์

หัวใจของคล็อดเต้นผิดจังหวะเมื่อเขาระลึกถึงคำพูดที่ว่า “มูเอนจะดูแลที่นั่น”

ในเมื่อมูเอนคือผู้ช่วยเจ้าของร้าน ซึ่งก็หมายความว่าเธอได้รับการฟูมฟักโดยเจ้าของร้านหลินมาโดยตรง มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า ‘เจ้าของร้านส่วนต่อเติม’ จะเป็นใคร

เขาไม่ได้พูดเลยว่าจะให้เธอตั้งธุรกิจของตัวเอง…

แล้วตอนนี้ เขาก็อนุญาตให้เธอเข้าไปพัวพันกับเรื่องของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดได้

หากโบสถ์นั้นกำลังควบคุมประชาชนด้วยสารเสพติดอยู่จริง ถ้าเช่นนั้นการล่มสลายของมันก็เลี่ยงไม่ได้ ในตอนนั้นศาสนาใหม่ก็ต้องขึ้นมาแทนที่มันเพื่อความมั่นคงของประชาชนในนอร์ซิน

ต่อให้ไม่มีก็ตาม ฝ่ายอื่น ๆ ก็คงจะแนะนำศาสนาใหม่ขึ้นมากันแน่

คำพูดเหล่านี้ของเจ้าของร้าน…มีความหมายลึกซึ้งจริง ๆ

ด้วยความที่คล็อดเป็นชายหนุ่มผู้ปราดเปรื่องผู้มีความสามารถในการคิดอย่างฉับไว เขาก็นึกถึงความเป็นไปได้มากมายขึ้นได้ในทันที…

แต่รายละเอียดนั้นจะยืนยันได้ก็ต่อเมื่อเขาได้ตรวจสอบกับวินเซนต์และมูเอนแล้ว ไม่ว่าอย่างไร เจ้าของร้านหลินก็ได้มอบคำตอบให้เขาแล้ว และถ้าหากเอาแต่มัวทึกทักเอาเองเหมือนคนตาบอดก็คงโง่เง่าเต็มที

แต่เมื่อคิดอีกทีแล้ว พฤติกรรมอันใจกว้างของเจ้าของร้านหลินก็ดูจะเป็นการทดสอบจุดยืนของหอพิธีกรรมต้องห้ามเช่นกัน…

คล็อดคิดกับตนเอง ยังจะมีอะไรให้ทดสอบอีกเหรอครับ? พวกเราเป็นของคุณหมดทั้งใจเลยนะ ไม่ต้องห่วงไป เราพร้อมทำตามคำสั่งคุณ สภาผู้อาวุโสเองก็ยังโหยหาร่างก…อะแฮ่ม เปล่าครับ ผมหมายถึงระดับขั้นพลังของคุณอยู่!

แน่นอนว่าเขาไม่พูดคำพวกนี้ออกมาหรอก…

ตัวคล็อดเองก็ไม่ได้สนิทกับมูเอนและวินเซนต์ ดังนั้นพวกเขาอาจจะไม่ได้เปิดเผยข้อมูลบางอย่างให้กับเขา แต่อาจารย์ของเขาโจเซฟนั้นมีสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับเจ้าของร้านหลิน

คล็อดกระเอ็มให้คอโล่งแล้วถามอย่างพอสังเขป “คุณวางแผนจะเปิดร้านส่วนขยายแบบไหนเหรอครับ?”

หลินเจี๋ยคิดสักนิดแล้วแจ้งมุมมองของเขา “ร้านข้าง ๆ ใหญ่กว่าที่นี่นิดหน่อย เพราะงั้นหนังสือส่วนใหญ่บนชั้นวางที่นี่และที่นั่นคงมีพื้นที่มากพอสำหรับการซื้อและยืมแล้วล่ะครับ”

“ผมจะใช้พื้นที่ร้านข้าง ๆ เป็นคาเฟ่หนังสือที่จะเสิร์ฟขนมทานเล่นและมีที่นั่งที่มากกว่านี้ นั่นคงเป็นที่ที่สะดวกกว่าในการพูดคุย ส่วนลูกค้านั้นก็ขึ้นกับมูเอนครับ”

เพราะฉะนั้น เพื่อขยายธุรกิจและดึงดูดลูกค้าให้มากขึ้น ทั้งสองร้านก็จะแยกทิศทางธุรกิจออกจากกัน จุดมุ่งเน้นของร้านส่วนขยายจะเป็นการขายกาแฟและชา ส่วนการซื้อหนังสือก็จะยังคงอยู่ในร้านหลัก เพียงแค่ว่าร้านข้าง ๆ จะให้พื้นที่ลูกค้าในการอ่านหนังสือและพักผ่อน

และจุดขายก็คือเจ้าของร้านคนสวยที่แม้จะแค่ยืนอยู่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ก็ดึงสายตาคนได้แล้ว

นั่นคือเหตุที่ทำไมการดึงลูกค้าจึงขึ้นกับมูเอน คาดว่าเธอคงดูน่าดึงดูดกว่าผู้ใหญ่เต็มตัวอย่างหลินเจี๋ย…อย่างน้อย ๆ ก็ด้านรูปลักษณ์แหละนะ

อย่างนี้นี่เอง…คล็อดคิดกับตนเอง

หรือนี่จะหมายความว่าเจ้าของร้านหลินจะอยากสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ที่เข้ามายืมหนังสือกันนะ?

เขาเคยได้ยินจากอาจารย์ของเขามาก่อนว่ากิจการร้านหนังสือนั้น ‘ย่ำแย่’ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีระยะเวลาที่ยาวนานก่อนจะครบกำหนดยืมหนังสือด้วย

ดังนั้นในเวลาส่วนใหญ่ ลูกค้าของร้านหนังสือจึงไม่ค่อยได้มีโอกาสพบลูกค้าคนอื่น ๆ นัก และไม่มีปฏิสัมพันธ์หรือการสื่อสารระหว่างกันเลย

เจ้าของร้านหนังสือต้องเคยมีปฏิสัมพันธ์และฝึกฝนคนมากกว่าที่พวกเขารู้แน่ ๆ

ดังนั้นพลังที่ร้านหนังสือนี้ถือครองจึงอาจเกินกว่าจินตนาการของพวกเขา เพียงแค่ว่ามันคงเจือจางมากจนยังไม่เป็นที่รู้กัน

และตอนนี้เมื่อมีร้านส่วนขยาย หรือนี่จะหมายความว่าเจ้าของร้านหนังสือมีความคิดที่จะก่อตั้งองค์กรที่สร้างจากลูกค้าที่เข้ามายืมหนังสือ?

อีกอย่าง หรือเขาจะบอกใบ้ว่ามูเอนจะเป็นโฆษกของร้านหนังสือโดยการให้เธอรับหน้าที่ดูแลร้านข้าง ๆ?

ด้วยการสันนิษฐานนานาที่หมุนเวียนในใจเขา คล็อดก็ตามวินเซนต์และมูเอนมายังร้านข้าง ๆ

ร้านที่ได้รับการรีโนเวตใหม่นั้นดูตระการตามาก ด้วยการจัดร้านที่สง่างามและนิ่มนวล มีเถาดอกไม้ ดอกแม็กโนเลียหลายกระถางและต้นไม้ประดับบนฉากคั่นร้านเต็มไปหมด มันดูต่างจากบรรยากาศมืดมนของร้านหนังสือข้าง ๆ อย่างลิบลับ

แน่นอนว่าไม่อาจหาที่ติใด ๆ ต่อฝีมือช่างของหอการค้าแอชได้เลย

ด้วยการเพิ่มเติมเล็กน้อยของหลินเจี๋ยโดยอิงจากคาเฟ่หนังสือที่เขาเคยเห็นมาก่อน ร้านใหม่นี้ก็ถูกตกแต่งออกมาในสไตล์โมเดิร์น

เทียบกับอาซีร์ที่ระดับเทคโนโลยียังค่อนข้างล้าหลังเหมือนช่วงปี 80 หรือ 90 แล้ว สไตล์การแต่งร้านอันสดชื่นบริสุทธิ์ราวกับเป็นเรื่องแต่งนี้ช่างชวนให้สดชื่นและสะดุดตาเอามาก ๆ

ทว่าร้านหนังสือร้านหลักก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ในอดีตหลินเจี๋ยไม่มีเงินจะรีโนเวตมัน แต่ตอนนี้ชายหนุ่มก็คุ้นชินกับมันแล้วและไม่อยากจะเปลี่ยนแปลงอะไร

ร้านใหม่จะเป็นเครื่องมือที่ดีในการดูดเม็ดเงินในอนาคต ดังนั้นหลินเจี๋ยจึงคิดตกแต่งมันอย่างประณีต

ในฐานะของคนที่คุ้นชินกับการเห็นร้านรวงในเขตกลางที่พวกขุนนางและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเข้าใช้งานกัน คล็อดนั้นก็ยังคงตื่นตะลึงกับสไตล์การตกแต่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนี้อยู่ดีเมื่อก้าวเข้าไปในร้านใหม่

ไม่ใช่เพราะว่าร้านนี้งดงามจับตาจับใจขนาดนั้น แต่มันไม่ใช่อะไรที่เขาเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นนี่จึงเป็นประสบการณ์ที่โดดเด่น

“เจ้าของร้านหลินก็ออกแบบร้านนี้เหรอครับ?” คล็อดพยายามเริ่มบทสนทนากับเด็กสาวผู้เย็นชา

ในขณะที่ผู้ช่วยผู้ว่าง่ายของร้านหนังสือรับหน้าที่เพียงเสิร์ฟเครื่องดื่มและจัดหนังสือ คล็อดก็สามารถสัมผัสถึงออร่าอันตรายสุดขีดที่ออกมาจากตัวเธอได้ในระหว่างการติดต่อเล็กน้อยระหว่างเขาและเธอ

นี่ชัดเจนเป็นพิเศษสำหรับคล็อดผู้ถือได้ว่าเป็น ‘ตำรวจสำหรับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ’ และรับมือกับอาชญากรอยู่บ่อย ๆ

เขาสามารถสัมผัสถึงบรรยากาศไร้กังวลและไร้การจำกัดได้ เธอนั้นราวกับดาบที่คมกริบแต่ไม่มีฝักดาบ ตราบใดที่เธอนึกอยากจะทำบางอย่าง เธอก็จะทำมันแน่

ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าของร้านหลินแล้วล่ะก็ เด็กสาวคนนี้คงจะกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรต้องหมายจับและคงจะอยู่เกือบบนสุดในรายชื่อบุคคลที่อันตรายที่สุดด้วยอย่างแน่นอน!

มูเอนพยักหน้าแล้วสำรวจร้าน ความอ่อนโยนปรากฏในดวงตาของเธอขณะที่พูด “ใช่ค่ะ ของพวกนี้ทั้งหมดถูกออกแบบและชี้แจงโดยเจ้าของร้านเองค่ะ”

ในระหว่างนั้น หลินเจี๋ยมาที่นี่ทุก ๆ สองสามวันเพื่อคุมงานรีโนเวตของหอการค้าแอช และทำให้แน่ใจว่าพวกเขาทำได้ตามที่คาดหวัง เขาหมกมุ่นและทุ่มเทให้การรีโนเวตร้านนี้จนเขาห่วงมันมากกว่าการจัดห้องนอนเขาเองใหม่เสียอีก

คล็อดนั้นทำได้เพียงประทับใจ เฮ้อ…เจ้าของร้านหลินนี่รอบรู้และสามารถรอบด้านจริง ๆ

วินเซนต์ดูจะเงียบกว่าเก่า เขาคว้าเก้าอี้แบบสุ่มแล้วนั่งลงด้วยสีหน้าราบเรียบก่อนจะเริ่มเล่าประสบการณ์ในช่วงนี้ของตัวเองออกมา

แนวคิดในตอนนี้ของวินเซนต์และมูเอนคือการเปิดโปงอาชญากรรมของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดสู่สาธารณะก่อน แล้วจึงดำเนินการเผยแพร่ศาสนาใหม่ของพวกเขาให้คนรู้จัก เริ่มจากคนในสังฆมณฑลที่วินเซนต์เคยช่วยมาก่อนในอดีต โอกาสที่คนทั่วไปจะเชื่อนั้นจะสูงกว่าเนื่องด้วยชื่อเสียงที่เขาเคยสั่งสมมาที่นั่น…

แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ขาดไป พวกเขาต้องการความร่วมมือจากหอพิธีกรรมต้องห้าม

“นี่ไม่ใช่ปัญหาเลยครับ ถ้าโบสถ์แห่งจุดสูงสุดรายงานกับเราว่ามีศาสนาชั่วร้ายอุบัติมา เราก็จะแค่ลากคดีให้ยืดเยื้อไป”

คล็อดพูดต่อ “แต่ปัญหาจะเป็นวิธีการเผยแพร่ศาสนาใหม่ของพวกคุณนะครับ ผมเชื่อว่าพวกคุณรู้สถานะของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดในนอร์ซินมากกว่าที่ผมรู้อีก รวมไปถึงหลักคำสอนและชื่อของศาสนาใหม่ที่จะต้องบันทึกอย่างเป็นทางการอีกนะครับ”

“ฉันพิมพ์วัตถุดิบสำหรับการทำเอกสารทางการเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณแค่นำมันกลับไปก็พอ” มูเอนแสดงความมีประสิทธิภาพสูงของเธอในฐานะผู้ช่วยร้านหนังสือ เธอพูดต่ออย่างเฉยเมย “ส่วนเรื่องการเผยแพร่นั้น พวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอกค่ะ”

วินเซนต์หยิบบุหรี่ที่บู้บี้ออกมาจากในกระเป๋าชุดของเขาแล้วพูดเสียงเบา “หลังจากผมหนีออกมา ผมก็ได้รับตัวอย่างแก่นจันทร์ศักดิ์สิทธิ์มาจากอดีตเพื่อนร่วมงานของผม คุณสามารถนำมันกลับไปตรวจส่วนประกอบได้นะครับ”

แม้ว่าบาทหลวงจะถูกปิดตาอยู่ แต่คล็อดสามารถสัมผัสความรู้สึกกดดันได้เหมือนเขากำลังถูกจ้องมอง

คนอันตรายอีกคนแล้ว…

“เข้าใจแล้วครับ” คล็อดถอนหายใจ “หอพิธีกรรมต้องห้ามจะให้ความร่วมมืออย่างสุดความสามารถ เราจะไม่ยืนเฉย ๆ ถ้าโบสถ์แห่งจุดสูงสุดทำเรื่องชั่วร้ายแบบนั้นอยู่จริง ๆ แต่การพยายามกำจัดองค์กรใหญ่ยักษ์แบบนี้เป็นงานที่ยากมาก ๆ และเรายังต้องทำงานร่วมกันอยู่นะครับ”

“ดังนั้น” เขายื่นมือของเขาออกมาพลางมองคนทั้งสอง “เพื่อความร่วมมือที่ดีต่อกันครับ”

วินเซนต์เหลือบมองมูเอนอย่างไม่ตั้งใจ ทว่าเธอก็ไม่ได้ขยับตัวเลย เขาเข้าใจว่าตัวเองจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามากในขณะที่ลุกขึ้นยืน

ทั้งสองจับมือกันแน่น

ในขณะที่หลินเจี๋ยรออยู่คนเดียวในร้านหนังสือ เขาก็พลันได้รับการติดต่อจากเชอร์รี่

เขาหยิบอุปกรณ์สื่อสารและคิดถึงคุณหนูน้อยที่บอกว่าเธอจะมาเยี่ยมในไม่ช้า ปรากฏว่าเธอคงเสร็จธุระที่ถ่วงตารางเวลาของตัวเองแล้ว

หลังจากรับสาย ก็เป็นไปตามคาด เสียงที่ค่อนข้างอ้อแอ้ของคุณหนูน้อยก็ดังมาจากปลายสาย “คุณหลิน!”

แค่ฟังเสียงของเธอ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของเด็กสาวที่ทำตัวเหมือนเด็กคนนี้มีแล้ว

ทว่าเขาก็ยังได้ยินถึงความกังวลและทุกข์ใจในน้ำเสียงของเธอด้วย นี่คือเสียงแบบเดียวกับตอนที่เธอมาขอความช่วยเหลือจากเขาในครั้งแรก

“เชอร์รี่?”

“ในที่สุดคุณก็จัดการเรื่องที่ติดค้างทางฝั่งคุณได้แล้วเหรอครับ? หรือคุณต้องการความช่วยเหลืออีกครับ?” หลินเจี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม

“เอ่อ…” หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เธอก็ลดเสียงลงแล้วพูด “ทางฉันน่ะนะมีเรื่องยุ่งอยู่จริง ๆ แหละ แหล่งข่าวของฉันได้หนังสือเล่มนึงมาจากคอนกรีฟ เจ้าน้องโง่ที่อยากฮุบอำนาจของฉันเองแหละ แต่ว่าไม่มีใครเข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่ในหนังสือเล่มนั้นเลย ฉันเลยอยากปรึกษาคุณหลินเรื่องนี้…”