ตอนที่ 144 ตีกลอง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 144 ตีกลอง
คนทั่วหล้าจะคิดว่าเขาเป็นเพียงจักรพรรดิผู้ไร้ความสามารถ คิดว่าเขาเป็นจักรพรรดิที่หูเบาหลอกง่าย!

โทสะของฮ่องเต้ประทุอยู่ในพระทัย เดือดดาลเป็นที่สุด

“ฝ่าบาท เหลียงอ๋องเสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทรงรออยู่ที่ด้านนอก…” เกาเต๋อเม่ากระซิบข้างหูของฮ่องเต้อย่างแผ่วเบา

“เรียกตัวลูกเดรัจฉานนั่นเข้ามาให้เรา!”

เกาเต๋อเม่าหันไปสั่งขันทีเล็กให้ออกไปเชิญเหลียงอ๋องเข้ามา เหลียงอ๋องที่ใบหน้าขาวซีดเดินตัวงอเข้ามาด้านในอย่างหวาดกลัว เมื่อเห็นสีพระพักตร์ที่เคร่งขรึมของฮ่องเต้ก็ขาอ่อนจนคุกเข่าลงตรงหน้าประตูทันที ขันทีเล็กต้องช่วยประคองจึงพาเขาเดินมาถึงกลางท้องพระโรงได้

เหลียงอ๋องมองไปทางองค์หญิงใหญ่ และไป๋ชิงเหยียนอย่างกล้าๆ กลัวๆ แวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้น

“ลูก…ลูกคาราวะเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองเหลียงอ๋องที่ตัวสั่นเทาแวบหนึ่ง สายพระเนตรไปหยุดอยู่ที่จดหมายเหล่านั้น คาดเดาอยู่ในพระทัยว่าคนที่ขี้ขลาดอ่อนแออย่างเหลียงอ๋องจะกล้าลอกเลียนแบบลายมือของท่านกั๋วกงเพื่อใส่ร้ายว่าจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกบฏจริงๆ หรือ

สายพระเนตรของฮ่องเต้เหลือบมองไปยังไป๋ชิงเหยียนที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่กล่าวสิ่งใดออกมาอย่างอดไม่ได้ ทว่า หากนี่คือแผนการของไป๋ชิงเหยียน นางต้องการสิ่งใดกันแน่ หรือบุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตทั้งตระกูล นางจึงอยากให้โอรสของเขาเสียชีวิตลงทั้งหมดเช่นเดียวกัน

ศีรษะของฮ่องเต้เต้นตุบๆ ตอนแรกคือซิ่นอ๋อง บัดนี้ก็เหลียงอ๋องอีก…

“คาราวะ! เรายังมีกะจิตกะใจรับคำคาราวะของเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ” น้ำเสียงของฮ่องเต้เคร่งขรึม

“สารเลว! เหตุใดเจ้าถึงสั่งให้บ่าวรับใช้ชายของเจ้าติดสินบนสาวใช้ของจวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อนำจดหมายเหล่านี้ไปวางไว้ในห้องหนังสือของเจิ้นกั๋วอ๋องด้วย!”

เหลียงอ๋องโขกศีรษะลงบนพื้นหลายครั้งด้วยร่างที่สั่นเทา รีบยอมรับออกมาอย่างตกใจ

“เสด็จพ่อโปรดระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ ลูก…ลูกหลงรักคุณหนูใหญ่ไป๋มากจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ทว่า คุณหนูใหญ่ไป๋เกลียดชังลูกมาก ลูกจึงทำเรื่องเหลวไหลเช่นนี้ลงไปพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อได้โปรดให้อภัยให้ลูกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้หรี่ตาแคบลง เคาะนิ้วลงบนจดหมายที่อยู่บนโต๊ะน้ำชาด้านหน้าเป็นระยะ

“หลงรักคุณหนูใหญ่ไป๋ ดังนั้นจึงเลียนแบบลายมือของเจิ้นกั๋วอ๋องเขียนจดหมายทรยศแผ่นดินขึ้นมาเพื่อนำไปวางไว้ในห้องหนังสือของเจิ้นกั๋วอ๋องอย่างนั้นหรือ!”

เหลียงอ๋องเบิกตาโพลง ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ

“เหตุใดเสด็จพ่อจึงตรัสเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ จดหมายที่ลูกเขียนเป็นเพียงจดหมายรักไม่กี่ฉบับเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ลูกแค่อยากอ้างชื่อของเจิ้นกั๋วอ๋อง บะ…บีบบังคับให้คุณหนูใหญ่ไป๋ยอมแต่งงานกับลูกเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!”

“จดหมายในมือของฝ่าบาทคือจดหมายที่บ่าวรับใช้ชายของจวนเหลียงอ๋องนำมามอบให้สาวใช้ของจวนเจิ้นกั๋วงกงที่ประตูข้างของจวน จากนั้นถูกจับได้คาหนังคาเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย จดหมายถูกเปิดอ่านต่อหน้าทุกคน หากฝ่าบาทไม่เชื่อ ทรงเรียกบ่าวรับใช้ชายของจวนเหลียงอ๋อง และสาวใช้ต่ำช้าผู้นั้นมาสอบถามก็ได้เพคะ!” องค์หญิงใหญ่กล่าวกับฮ่องเต้เสียงสะอื้น

“ใช่พ่ะย่ะค่ะ ลูกสั่งให้ถงจี๋ไปเอง ทว่า จดหมายที่ลูกมอบให้ถงจี๋คือจดหมายรักจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ!” เหลียงอ๋องวิตกกังวลราวกับไม่รู้จะยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองอย่างไรดี คลานเข้าไปก้มศีรษะแนบพื้นพลางร้องไห้อ้อนวอนอยู่ด้านหน้า

“หากเสด็จพ่อมิทรงเชื่อก็เรียกถงจี๋มาสอบถามได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ต่อให้ลูกมีความกล้ามากเพียงใดก็มิกล้าทำเรื่องเช่นนี้หรอกพ่ะย่ะค่ะ!”

ฮ่องเต้หรี่ตาพลางตรัสขึ้น “นำตัวเข้ามา”

ไม่นาน ถงจี๋และชุนเหยียนที่ถูกมัดอยู่ก็ถูกพาตัวเดินเข้ามาด้านใน

ถงจี๋ยังดีเพราะติดตามรับใช้เหลียงอ๋องมาตั้งแต่เด็ก เขาเคยพบฮ่องเต้มาก่อนแล้ว ทว่า ชุนเหยียนตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง กลัวว่าฮ่องเต้ตรัสออกมาเพียงคำเดียวศีรษะของนางก็จะหลุดออกมาจากบ่าอย่างง่ายดาย นางหดตัวกลม ตัวสั่นเทาเป็นลูกนกอยู่อย่างนั้น กลัวกระทั่งว่าน้ำตาของตัวเองอาจทำให้ฮ่องเต้ทรงพิโรธ จึงไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ออกมา

“ถงจี๋…เจ้ารีบอธิบายกับเสด็จพ่อเร็วเข้าว่าข้าให้จดหมายใดกับเจ้า! เหตุใดจดหมายเหล่านั้นถึงกลายเป็นจดหมายเลียนแบบลายมือของเจิ้นกั๋วอ๋องได้!”

“องค์ชาย บ่าวไม่ทราบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” ถงจี๋ตกใจจนเอาแต่ร้องไห้ นิสัยคล้ายคลึงกับเหลียงอ๋องมาก

“บ่าวก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเหตุใดเนื้อหาในจดหมายรักของพระองค์จึงกลายเป็นเนื้อหาดังเช่นที่คุณหนูสี่อ่านออกมาพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “หลังจากที่เหลียงอ๋องมอบจดหมายให้เจ้าแล้ว เจ้าพกติดตัวอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ หรือเจ้าได้บอกผู้ใดเรื่องที่เหลียงอ๋องสั่งให้เจ้านำจดหมายรักไปมอบให้สาวใช้ของจวนเจิ้นกั๋วกงบ้างหรือไม่ หากเหลียงอ๋องถูกใส่ร้ายจริงๆ มีแค่เจ้ากล่าวไปตามความจริงเท่านั้น ถึงจะสามารถสืบหาความจริงได้”

ถงจี๋ร้อนใจต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเหลียงอ๋องจึงรีบกล่าวออกมา

“ไม่มีขอรับ! ข้ากล้าสาบานต่อฟ้าดินว่าไม่มีขอรับ! หลังจากที่องค์ชายมอบจดหมายให้ข้า ข้าพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟังทั้งสิ้นขอรับ! คืนนั้นข้าพกจดหมายฉบับนี้ติดตัวไว้ตลอด ข้ารู้สึกไม่เป็นธรรมแทนองค์ชายจึงนอนไม่หลับทั้งคืน! ใช่แล้ว…เกาเซิงก็รู้เรื่องนี้ด้วยขอรับ เกาเซิงเป็นคนมอบจดหมายเหล่านี้ให้ข้าต่อหน้าของเหลียงอ๋องขอรับ!”

เมื่อเอ่ยถึงเกาเซิง ถงจี๋รีบหันไปมองเหลียงอ๋อง

“องค์ชาย ก่อนหน้านี้องค์ชายสั่งให้เกาเซิงไปพบชุนเหยียนใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ บ่าวได้ยินหมัวมัวของจวนเจิ้นกั๋วกงกล่าวว่ามีองครักษ์หน้าตาเย็นชาไปหาชุนเหยียน ทว่าชุนเหยียนไม่ได้ออกมาพบ! เกาเซิงฝีมือดี ไม่มีทางถูกคนลอบสับเปลี่ยนจดหมายแน่นอน เช่นนั้นเกาเซิงต้องจงใจทำร้ายองค์ชายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

ยิ่งกล่าวสีหน้าของถงจี๋ก็ยิ่งซีดเผือด ราวกับปักใจแน่แล้วว่าเกาเซิงต้องการทำร้ายเหลียงอ๋อง เขาร้องตะโกนออกมา

“หลังจากที่บ่าวรับจดหมายมาจากมือของเกาเซิง เกาเซิงก็ออกจากจวนไปแล้วยังไม่ได้กลับมาเลยพ่ะย่ะค่ะ บ่าวเตือนองค์ชายแล้วว่าไม่ควรเก็บคนฝีมือดีอย่างเกาเซิงไว้ข้างกาย เขาต้องหนีไปแล้วแน่…”

ใจของเหลียงอ๋องกระตุกวูบ เขานึกไม่ถึงเลยว่าถงจี๋จะลากเกาเซิงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย!

ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วสูง การที่ถงจี๋โยนความผิดให้เกาเซิงเป็นเรื่องที่น่ายินดีเกินความคาดหมายของนาง

เกาเซิงเป็นคนขององค์ชายรองที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว ตอนนั้นองค์ชายรองต้องการช่วยชีวิตตระกูลฝั่งมารดาของถงกุ้ยเฟยจึงตัดสินใจนำกำลังทหารบุกเข้าไปในวังหลวง ทว่า ถูกฮ่องเต้วางกับดักยิงธนูสังหารอยู่ในประตูอู่เต๋อ คนขององค์ชายรองที่หนีไปได้จึงหนีไปขอความช่วยเหลือจากเหลียงอ๋อง ข้างกายของเหลียงอ๋องมีคนขององค์ชายรองอยู่ ฮ่องเต้จะทรงคิดเช่นไรกัน!

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่าบาทได้โปรดเรียกเกาเซิงองค์รักยอดฝีมือของเหลียงอ๋องมาสอบสวนด้วยเถิดเพคะ! จะได้รู้ว่ามีคนต้องการยุแยงให้เหลียงอ๋อง และตระกูลไป๋แตกหักกัน หรือเหลียงอ๋องต้องการทำลายตระกูลไป๋ให้พังพินาศกันแน่!” หลังจากที่ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพฮ่องเต้ด้วยความนอบน้อมเสร็จ นางจึงกล่าวขึ้น

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมองไป๋ชิงเหยียนซึ่งมีสีหน้าสงบนิ่ง ยังไม่ได้เอ่ยตรัสสิ่งใดก็ได้ยินเสียงกลองดังแว่วมาแต่ไกล

กลองเติงเหวินตั้งอยู่หน้าประตูอู่เต๋อมาเป็นร้อยปี เป็นเพียงสัญลักษณ์อย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่เคยมีผู้ใดกล้าไปตีกลองเติงเหวินมาก่อน

ทว่า ไม่รู้ว่าปีนี้เป็นปีอัปมงคลอันใด กลองเติงเหวินที่ไม่เคยถูกตีมาก่อนกลับถูกตีถึงสองครั้งในปีนี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเกิดอันใดขึ้นกัน!

ฮ่องเต้ทรงเดือดดาลถึงขีดสุด รู้สึกหงุดหงิดพระทัยมาก ตวาดเสียงสูง “ผู้ใดตีกลองเติงเหวินอีก!”

“ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ บ่าวสั่งให้คนไปสืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกเดี๋ยวคงมีคนกลับมารายงานพ่ะย่ะค่ะ” เกาเต๋อเม่าเสียวสันหลังวูบ

ฮ่องเต้ขบกรามอย่างโมโห “ส่งคนไปพาตัวเกาเซิงที่จวนเหลียงอ๋องด้วยมาด้วย หากไม่อยู่ที่จวน ให้กรมราชทัณฑ์ไปตามจับมา!”

เหลียงอ๋องก้มหน้าคำนวณสถานการณ์อยู่ในใจ เกาเซิงคงรู้ข่าวว่าเขาโดนเรียกตัวเข้าวังจึงสั่งให้คนพาตัวหลิวฮ่วนจางไปตีกลองเติงเหวินเพื่อฟ้องร้องว่าเจิ้นกั๋วอ๋องเป็นกบฏ แม้ไม่ได้เป็นไปตามแผนการที่วางไว้ แต่ก็ถือว่าใช้ได้!

เช่นนี้…เขาและถงจี๋จะได้หลุดพ้นจากเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด

เมื่อเห็นว่าเหลียงอ๋องค่อยๆ ผ่อนคลายแผ่นหลังที่ดูเป็นกังวลลง มือที่ประสานอยู่ที่หน้าท้องของไป๋ชิงเหยียนกระชับแน่นขึ้นทันที นางได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างราบรื่น