ตอนที่ 171 มหาคลื่นแห่งยุคสมัย

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 171 มหาคลื่นแห่งยุคสมัย

สำนักงานใหญ่สตาร์ไลท์ ฉินโจว

ในการประชุมระดับสูงประจำเดือนธันวาคม ทุกคนได้ทำการสรุปผลลัพธ์อย่างจำเพาะเจาะจงเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียในงานของบริษัทช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา

และที่หัวโต๊ะประชุมใหญ่ของห้องประชุม บอสนั่งพลางใช้มือขวาเท้าคาง ฟังหัวหน้าของแต่ละแผนกรายงานงานในปีนี้

“ประธานกรรมการครับ…”

ยามที่การรายงานจบไปหนึ่งวาระ ก็มีคนเอ่ยเรียกบอสใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่ากำลังใจลอยอยู่หรือเปล่า

“อืม”

หลี่ซ่งหวาประธานกรรมการผู้ซึ่งออกกำลังอยู่เป็นกิจวัตรรูปร่างกำยำ ไม่เหมือนกับบุคลากรรระดับสูงคนอื่นๆ ที่ลงพุงเพราะสุรา เขาเพียงแค่ตอบรับเบาๆ เสียงหนึ่ง จะเรียกว่ายังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์ก็ได้

เมื่อสายตาของทุกคนเบนไปจับจ้อง เขาถึงเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีบร้อน “สถานการณ์ของบริษัทย่อยทำไมไม่มีใครพูดถึงล่ะครับ”

ขณะที่หลี่ซ่งหวากวาดสายตามองไป ทุกคนก็ก้มหน้างุด รีบปิดปากเงียบกริบ

ยามที่ทุกคนคิดว่าปีนี้ประธานกรรมการจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนปีที่ผ่านมา จู่ๆ หลี่ซ่งหวาก็เอ่ยว่า “ช่องทางข่าวสารของพวกคุณปิดกั้นกันเกินไปหรือเปล่าครับ ถึงว่าเบื้องบนก็ยังทนดูต่อไปไม่ไหว…”

“ทางฉีโจว ปิดตัวแล้วหรือครับ”

ประโยคหลังของหลี่ซ่งหวาไม่ได้ดึงดูดความสนใจสักเท่าไหร่ เพียงแค่มีหัวหน้าลองถามหยั่งเชิงขึ้นมา บุคลากรระดับสูงของสำนักงานใหญ่รู้มาโดยตลอดว่าบริษัทย่อยมีโอกาสล้มละลาย เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา

“งั้นลองดูนี่แล้วกันครับ”

หลี่ซ่งหวากล่าวเสียงเบา

เลขาชายด้านข้างกดเปิดข้อมูลชุดหนึ่งขึ้นมาอย่างรู้หน้าที่ ภาพฉายขึ้นบนหน้าจอใหญ่ในห้องประชุม

ทุกคนหันไปมอง

ทันใดนั้นก็ตะลึงค้างไป

นี่เป็นรายงานผลงานประจำปี ถ้าหากมองเพียงช่วงก่อนหน้า บริษัทย่อยกำลังดิ่งสู่ภาวะวิกฤตดังที่คาดการณ์ไว้

ทว่าตั้งแต่เดือนกันยายนมาจนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นเดือนธันวาคม เส้นกราฟบนตารางรายงานก็พุ่งขึ้นกะทันหันอย่างมีนัยยะสำคัญ จนเกิดเป็นรูปร่างของยอดเขา!

“นี่คือ?”

จู่ๆ เหล่าโจวหัวหน้าแผนกประพันธ์เพลงซึ่งนั่งอยู่ประจำตำแหน่งก็พลันเบิกตากว้าง เอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ “เซี่ยนอวี๋?”

เขาหันไปมองหลี่ซ่งหวา

บุคลากรระดับสูงคนอื่นๆ หาคำว่า ‘เซี่ยนอวี๋’ บนเส้นกราฟชันอยู่นานโข ทว่าคำพูดของเหล่าโจวดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง ดังนั้นหลายคนจึงมองไปยังยอดเขาขนาดย่อมซึ่งพุ่งสูงในภาพ ราวกับมองเห็นเงาร่างของใครบางคนซ่อนอยู่หลังยอดเขานี้

หลังจากนั้นพวกเขาก็มองไปยังหลี่ซ่งหวา เช่นเดียวกับที่เหล่าโจวทำเมื่อครู่

หลี่ซ่งหวาพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงว่ายืนยันคำพูดของเหล่าโจว ขณะเดียวกันก็ไขข้อข้องใจของผู้คนด้วย

ห้องประชุมเงียบกริบลงชั่วขณะ

หลี่ซ่งหวากล่าวทำลายความเงียบงัน แต่ครั้งนี้กลับมองตรงไปทางเหล่าโจว “สัญญาของเซี่ยนอวี๋ แก้ใหม่เลยครับ”

“เข้าใจแล้วครับ”

เหล่าโจวตอบอย่างยิ้มแย้ม

หลี่ซ่งหวาไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ แต่กลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “ข่าวทางการช่วงนี้พวกคุณได้ดูใช่ไหมครับ”

ทุกคนชะงักไป

หัวข้อนี้กระโดดข้ามไปไกลเกินไปหรือเปล่านะ

ไม่นานก็มีคนตอบ “ประธานกรรมการหมายถึงข้อเสนอของทางจงโจวเหรอคะ”

จงโจวเป็นศูนย์กลางการปกครองของบลูสตาร์

และข่าวซึ่งเป็นที่ฮือฮาของช่วงนี้ก็คือข้อเสนอซึ่งจงโจวเป็นผู้ริเริ่ม ว่าแต่ละทวีปจะไม่แยกกันปกครองอีกต่อไป

แต่ฮือฮาก็ส่วนฮือฮา

ไม่มีใครคิดว่าข้อเสนอนี้จะผ่านจริงๆ เพราะนี่เป็นประเด็นเก่าเต่าล้านปีที่ถูกยกขึ้นมาบ่อยครั้ง หรือจะบอกว่าเป็นประเด็นที่โผล่ขึ้นมาทุกปีก็คงได้

ทุกคนต่างก็เอ่ยแสดงความเห็นของตน ท่าทางแลดูคุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี

“เรื่องนี้ไม่มีทางสำเร็จ”

“บลูสตาร์ของพวกเราบอกว่าจะผนึกรวมกัน แต่ตอนนี้แต่ละทวีปเป็นเอกเทศ สถานการณ์แทบจะเทียบได้กับแยกกันเป็นแต่ละประเทศแล้ว”

“คนละประเทศกันจะไปรวมกันง่ายๆ ได้ยังไง”

“แต่ละทวีปต่างคนก็ต่างพัฒนา แถมยังอุตส่าห์จำกัดการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอีก ก็เพื่อรักษาไม่ให้วัฒนธรรมของดินแดนตัวเองได้รับผลกระทบ”

“พวกเราอยากดูหนังของฉีโจวก็ต้องอิมพอร์ตเข้ามา ภาษีของแต่ละทวีปก็สูงจนน่ากลัวอีก”

“เพลงของพวกเราเองก็ปล่อยเพลงในฉีโจวได้ยาก ข้อจำกัดด้านการซื้อขายลิขสิทธิ์เยอะเกินไป ทางฉีโจวทำแบบนี้คงไม่ใช่เพราะกลัวเพลงของเราไปตีตลาดทวีปอื่นหรอกใช่มั้ย ไม่งั้นเราก็คงไม่จำเป็นต้องเปิดบริษัทย่อยอะไรที่นั่นหรอก”

“…”

หลังจากผู้คนว่ากันไปต่างๆ นานา ในที่สุดก็เป็นอันต้องเงียบลง

เพราะนิ้วมือของหลี่ซ่งหวาเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ นั่นบอกเป็นนัยว่าในตอนนี้ประธานกรรมการมีเรื่องจะพูด

“ข้อเสนอผ่านในวาระแรกแล้ว”

หลี่ซ่งหวาถอนหายใจ

เขานึกไม่ถึงว่าข้อเสนอซึ่งถูกยกขึ้นมาทุกปีและแทบจะเป็นไปไม่ได้ กลับผ่านการตรวจสอบวาระแรกในปีนี้

ทางจงโจวน่าจะคิดว่า

แต่ละทวีปต่างปกครองตนเอง และความไม่เป็นหนึ่งเดียวกันซึ่งยืดเยื้อและเห็นได้ชัดเจน ได้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในหลายๆ ด้าน เช่น วัฒนธรรม หรือแม้แต่วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีสินะ?

หลี่ซ่งหวาพูดจบ

ทั้งห้องประชุมก็เงียบกริบในฉับพลัน

ถ้าหากประโยคนี้ออกมาจากปากของคนอื่น ต้องไม่มีใครเชื่ออย่างแน่นอน แต่หลี่ซ่งหวาเป็นคนพูดออกมาเอง ทุกคนจึงเชื่ออย่างสนิทใจ

เพราะเบื้องหลังของหลี่ซ่งหวานั้นค่อนข้างพิเศษ เพียงแต่โดยปกติแล้วไม่มีใครกล้าพูดกันเกินงาม แต่ความจริงโดยพื้นฐานที่ทุกคนเข้าใจโดยทั่วกันก็คือ หลี่ซ่งหวาน่าจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องมา

“จะผนวกจริงๆ เหรอ”

“ไม่คิดจะแยกจากกันเลยว่างั้น?”

“ติดต่อกันไร้พรมแดน?”

“จงโจวรวบอำนาจรวมศูนย์?”

หลังจากความเงียบงันชั่วขณะ ในห้องประชุมก็เกิดเสียงดังระดับอึกทึกขึ้นมา!

ใครไม่รู้บ้างว่าหลังจากที่แต่ละทวีปผนวกกันไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น แต่ขณะเดียวกันทุกคนก็ตระหนักดีว่าภายใต้สิ่งที่เรียกว่ามหาคลื่นแห่งยุคสมัยนี้ ไม่มีใครอยู่รอดได้โดยลำพัง!

“นี่แค่ผ่านวาระแรก”

หลี่ซ่งหวาข่มกลั้นความคิดอันยุ่งเหยิงในจิตใจ “นโยบายนี้จะเลือกสองทวีปมานำร่อง และฉินโจวเรากับฉีโจวซึ่งมีบริษัทย่อยของเราอยู่ ก็ถูกเบื้องบนเลือกให้เป็นพื้นที่นำร่องพอดี”

ทุกคนกำลังย่อยข้อมูลนี้ด้วยความยากลำบาก

หลี่ซ่งหวาหยุดไปชั่วครู่ รอทุกคนประมวลผลกันพอประมาณแล้ว ถึงพูดต่อ “นี่เป็นแค่การเริ่มต้น พอฉินโจวกับฉีโจวผนวกรวมกัน หลังจากนั้นทวีปอื่นๆ ก็จะทำลายข้อจำกัดและกำแพงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นการผนวกบลูสตาร์ที่แท้จริง แน่นอนว่าบลูสตาร์ใช้ระบบเดียวมานานแล้ว สิ่งที่เรียกว่าผนวกรวมที่จริงแล้วก็เป็นแค่การผนวกรวมวัฒนธรรม”

“งั้น…”

“ก็หมายความว่า”

“บลูสตาร์กำลังจะต้อนรับยุคใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน…”

“ยุคแห่งศิลปะวัฒนธรรมและความบันเทิง?”

สายตาของผู้คนไปหยุดอยู่ที่หลี่ซ่งหวา ในช่วงเวลาเช่นนี้ การตัดสินใจของหลี่ซ่งหวาจะมีผลต่ออนาคตของบริษัท!

“จะพูดแบบนั้นก็ได้”

หลี่ซ่งหวาสูดลมหายใจเข้าลึก “เพลงของพวกเราเติบโตได้ดี เพราะเราเป็นบริษัทในฉินโจว และเมื่อฉีโจวรวมเข้ากับตลาดของเรา ทางเลือกของอาชีพและสายงานต่างๆ ก็จะเพิ่มมากขึ้น พอถึงตอนนั้นก็จะไม่มีมาตุภูมิแห่งดนตรีหรือตำหนักภาพยนตร์อีกต่อไป ทุกอาชีพจะเติบโตไปด้วยกันและเชื่อมโยงถึงกันอย่างใกล้ชิด…”

มีคนกระซิบถามว่า “งั้นคุณคิดจะทำยังไง”

หลี่ซ่งหวาตอบอย่างเคร่งขรึม “ภายใต้มหาคลื่นแห่งยุคสมัย อุตสาหกรรมหลายด้านของฉินโจวกับฉีโจวจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง พวกเราจะต้องออกตัวเจาะตลาด ขยายตลาดให้กว้างขึ้น เราจะรวบรวมสรรพกำลังไปในการพัฒนาภาพยนตร์ แน่นอนว่างานที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอย่างดนตรีก็ห้ามทิ้งเด็ดขาด เพราะมันเป็นรากฐานในการก่อตั้งสตาร์ไลท์ของเรา”

ผู้คนล้วนตกอยู่ในภวังค์

บอกว่าจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนจริงๆ แฮะ

……………………………………………………