ตอนที่ 285 ตบหน้าครั้งที่ห้า (7)
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้ทุกคนตะลึง และแม้แต่เฉียวฉู่กับฮวาเหยาเองก็ยังพากันสะท้านหลังจากที่ได้ยิน
เมื่อเคอฉังจวีปล่อยพิษควันเดียวดายออกมาในคราแรก พวกเขาทั้งสองคนก็ได้แผ่พลังวิญญาณออกมาห่อหุ้มร่างกายของตัวเองเอาไว้แล้ว อย่างไรก็ตามท่ามกลางกลุ่มควันพิษที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการกัดเซาะของพิษควันเดียวดายได้อย่างสมบูรณ์ แต่พวกเขาก็สามารถชะลอพิษที่กำลังวิ่งมาถึงตัวได้
แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งเฉียวฉู่และฮวาเหยาเองต่างก็ล้วนรู้สึกได้ว่าท่าไม่ดีแล้ว เพราะถูกพิษควันเดียวดายสัมผัสโดนผิวหนังทั้งคู่ เวลานี้ร่างกายของพวกเขาจึงร้อนระอุราวกับกำลังโดนเปลวเพลิงเผาไหม้ ความเจ็บปวดนั้น แม้แต่พลังวิญญาณก็ยังไม่สามารถขับมันออกไปโดยสมบูรณ์ได้ ผิวหนังของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงผิดปกติ ตามมาด้วยความร้อนที่ค่อยๆ กัดกินอวัยวะภายในทุกส่วน พวกเขารู้สึกได้เลยว่าสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายนั้นกำลังถูกเผาจนไหม้เกรียมแล้ว
แต่จวินอู๋เสียกลับเป็นเหมือนคนปกติ ไม่มีแม้แต่ความผิดปกติเล็กน้อยบนใบหน้าสะอาดของนาง
ความแตกต่างที่สุดขั้วนี้ ทำให้ทุกคนตกตะลึง
รอยยิ้มบนใบหน้าของเคอฉังจวีเปลี่ยนจากบิดเบี้ยวเป็นกระตุกยิกไม่หยุด เขาจ้องไปที่จวินอู๋เสียตาเขม็ง โดยหวังว่าจะพบปฏิกิริยาพิษเล็กๆ น้อยๆ จากตัวนาง
น่าเสียดายที่สุดท้ายมันก็ทำให้คนผิดหวัง จวินอู๋เสียไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าของนาง ไม่มีบาดแผลหรือความเจ็บปวดให้เห็นสักนิด สิ่งที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ นางไม่แม้แต่จะแผ่พลังวิญญาณออกมาห่อหุ้มร่างกายเหมือนกับอีกสองคนที่เหลือเลย แต่สภาพของนางกลับดูดีที่สุด ดูเป็นปกติสุด และยังคงสามารถยืนอยู่ในห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยควันพิษได้อย่างสบายๆ
“เป็นไปได้อย่างไร…” เคอฉังจวีมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างตะลึงงัน แทบไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับพิษควันเดียวดายของเขา พิสูจน์ได้จากปฏิกิริยาของฮวาเหยาและเฉียวฉู่ที่เหงื่อแตกพลั่ก แสดงว่าพิษของเขายังสามารถใช้การได้อยู่
ดังนั้นสิ่งผิดปกติเดียวก็คือเด็กหนุ่มเยาว์วัยที่อยู่ตรงหน้า ทำไมเขาถึงไม่ได้รับผลกระทบใดเลยทั้งที่โดนพิษควันเดียวดายของเขาเข้าไปแล้ว
“เจ้ามียาถอนพิษหรือ”เคอฉังจวีกัดฟันและมองไปที่จวินอู๋เสีย นอกจากเหตุผลที่ว่านางกินยาถอนพิษก่อนเข้ามาที่นี่ เขาก็คิดถึงเหตุผลอื่นไม่ออกแล้ว ต้องรู้ก่อนว่าภายใต้พลังวิญญาณระดับขั้นสีม่วงลงมา ยังไม่เคยมีคนไหนรอดพ้นไปจากพิษควันเดียวดายของเขามาก่อนเลย! จวินอู๋เสียยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีพลังวิญญาณอยู่ในขั้นสีม่วงแล้ว!
“ยาถอนพิษรึ” จวินอู๋เสียยิ้มและส่ายหน้า มองเคอฉังจวีด้วยดวงตาเย็นชาและเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
“บนโลกนี้ทำไมถึงยังคงมีคนที่โง่เขลาเช่นนี้อยู่อีกนะ! ก็แค่ของเล่นเด็กๆ คิดว่าจะเอาชีวิตข้าได้หรืออย่างไร! เจ้าคู่ควรหรือ!”
จวินอู๋เสียเดินเข้าไปหาเคอฉังจวีทีละก้าว พิษควันเดียวดายในห้องใต้ดินไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อนางแม้เพียงปลายเล็บ
ใบหน้าของเคอฉังจวีเปลี่ยนไปเล็กน้อย แขนเสื้อกว้างของเขาก็สะบัดครั้งหนึ่ง เข็มอาบยาพิษสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าใส่จวินอู๋เสียราวกับสายฝน จวินอู๋เสียเองก็ไม่น้อยหน้า แทบจะได้วินาทีเดียวกันกับที่เคอฉังจวีซัดเข็มพิษออกมา เข็มสีเงินในมือของนางก็ทะลวงผ่านอากาศที่เยือกเย็นออกไปกระทบกับเข็มพิษของอีกฝ่ายจนตกลงกับพื้น
“ไม่มีลูกไม้อะไรใหม่ๆ แล้วหรือไง”
เข็มพิษจำนวนนับไม่ถ้วนหล่นเกลื่อนเต็มพื้น มันทอแสงเย็นเยียบ แต่ไม่มีแม้แต่เล่มไหนเลยที่รอดผ่านเข้ามาโดนตัวจวินอู๋เสีย!
ด้วยทักษะที่รวดเร็วเช่นนี้ แม้แต่เฉียวฉู่และฮวาเหยาก็พากันเบิกตาค้าง เมื่อสักครู่พวกเขาไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำว่าจวินอู๋เสียหยิบเข็มเงินออกมา
เห็นได้ชัดว่าไม่มีการใช้พลังวิญญาณแม้แต่น้อย แต่ความรวดเร็วและแม่นยำที่น่ากลัวนี้ เจ้าเด็กนี่มีภูมิหลังเป็นมาอย่างไรกันแน่!
ในเวลานี้ใบหน้าของเคอฉังจวีอาจกล่าวได้ว่ามืดมนถึงขีดสุด!
ในฐานะที่เป็นไพ่ลับใบสุดท้าย แต่กลับใช้ไม่ได้ผลกับเจ้าเด็กน้อยตรงหน้าเลย และเข็มพิษในมือของเขาก็ไม่ได้เร็วไปกว่าเข็มเงินในมือของจวินอู๋เสีย…
หลังจากได้เห็นความเร็วในการซัดเข็มของจวินอู๋เสียถึงสองครั้งติด เคอฉังจวีก็มั่นใจมากว่าตราบเท่าที่เด็กคนนี้เต็มใจ เพียงแค่การใช้เข็มของอีกฝ่ายก็เพียงพอที่จะทำให้เขาตายอย่างไร้ที่ฝังศพแล้ว!
บทสรุปที่ค่อนข้างมั่นใจเหล่านี้ ทำให้เคอฉังจวีลอบหลั่งเหงื่อเย็น นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกดดันจนแทบหายใจไม่ออกทั้งที่อยู่ในยอดเขาเร้นเมฆาของเขาเอง
ความเร็วของนางเร็วมากกว่าเขาหลายสิบเท่า!
เด็กคนนี้เพิ่งอายุเท่าไหร่กัน! ทำไมถึงได้รู้ทักษะเหล่านี้!
ตอนที่ 286 ตบหน้าครั้งที่ห้า (8)
ต่อให้ฆ่าเคอฉังจวีให้ตาย เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะถูกเด็กน้อยคนหนึ่งบังคับให้เดินมาจนถึงจุดนี้ เมื่อเห็นจวินอู๋เสียกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ กล้ามเนื้อบนตัวของเคอฉังจวีก็หดเกร็ง เขาสะบัดมือครั้งหนึ่ง ควันพิษสีเขียวเข้มยิ่งกว่าเมื่อสักครู่ก็ลอยออกจากแขนเสื้อของเขาและพุ่งตรงไปยังจวินอู๋เสีย!
เขาไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้จะมีสามเศียรหกกรจริงๆ!
ในเมื่อพิษควันเดียวดายใช้งานไม่ได้ เขาแค่เปลี่ยนไปใช้พิษชนิดอื่นก็สิ้นเรื่อง เขาไม่เชื่อหรอกว่าพิษมากมายที่อยู่ในตัวของเขา จะไม่มีชนิดไหนเลยที่สามารถคร่าชีวิตของเด็กคนนี้ได้!
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียไม่แม้แต่จะกะพริบตาสักนิดเมื่อเห็นควันพิษสีเขียวเข้มนั้นลอยมา นางปล่อยให้พวกมันค่อยๆ โอบล้อมร่างกายของตัวเองไว้ ดวงตาเรียวคมทำเพียงกวาดผ่าน เด็กสาวยังคงยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้นอย่างไม่แยแส
นี่คือการเหยียดหยามชัดเจน!
“จบแล้วหรือยัง” จวินอู๋เสียเอียงศีรษะ มองไปที่เคอฉังจวีด้วยสายตาดูแคลนเต็มที่ ท่าทางของนางดูคล้ายเบื่อจนเริ่มทนไม่ไหวแล้ว
เคอฉังจวีจ้องตอบจวินอู๋เสียอย่างสยดสยอง ควันพิษที่เขาปล่อยออกมาในตอนนี้นั้นมีส่วนผสมของยาพิษร้ายแรงมากถึงหลายสิบชนิด หากไม่ใช่ผู้มีพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แข็งแกร่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยืนอยู่ได้หลังจากถูกพิษมากมายขนาดนี้แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย
แต่จวินอู๋เสียกลับสามารถทำได้อีกแล้ว นางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ บนมุมปากยังประดับรอยยิ้มน้อยๆ คล้ายหัวเราะเยาะให้กับความโง่เขลาและความไร้ความสามารถของเขา
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไร…เป็นไปได้อย่างไรกัน…” เคอฉังจวีก้าวถอยหลัง ใบหน้าของเขาซีดเผือด
เขามีใบหน้าที่อัปลักษณ์ เส้นลมปราณภายในร่างกายแต่กำเนิดก็ไม่สมบูรณ์พร้อม แถมยังไม่สามารถปลุกภูติวิญญาณให้ตื่นขึ้นมาได้อีก เขาจึงเกลียดชังสวรรค์เป็นอย่างมาก ชิงชังพระเจ้าที่มอบความอยุติธรรมมากมายมหาศาลนี้ให้แก่เขา เขาจึงอุทิศทั้งชีวิตของตัวเองเพื่อกลั่นพิษ แม้ว่าเขาจะไม่มีพลังวิญญาณ ไม่มีภูติวิญญาณที่แข็งแกร่ง และหน้าตาน่าเกลียดก็ตาม แต่ขอเพียงแค่เขาสามารถใช้พิษในการต่อสู้ได้ เขาก็สามารถส่งศัตรูของตัวเองไปเยือนนรกได้เหมือนกัน
แต่วันนี้ ทั้งหมดทั้งมวลนี้ กลับถูกทำลายลงด้วยเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าเขา
พิษที่เคอฉังจวีภาคภูมิใจหนักหนา กลับกลายเป็นเพียงเรื่องตลกต่อหน้าจวินอู๋เสีย พิษเหล่านั้นที่เคยทำให้ชีวิตของเขารุ่งโรจน์ เมื่ออยู่ภายใต้น้ำมือของนาง กลับไม่อาจจะทำลายจวินอู๋เสียได้แม้แต่ปลายเส้นผม!
ไม่ต้องพูดถึงการฆ่าจวินอู๋เสียเลย!
“ถ้าเจ้าเล่นเสร็จแล้ว ถึงตาข้าลงมือบ้างล่ะ” ว่าแล้วจวินอู๋เสียก็ยิ้มเล็กน้อย ปลดขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวที่อยู่ในถุงผ้าเล็กๆ ข้างเอวลงมา
เคอฉังจวีจ้องไปที่ขวดกระเบื้องเคลือบในมือของจวินอู๋เสียเขม็ง ทำราวกับว่าสิ่งที่อยู่ด้านในขวดนั้นเป็นสัตว์ร้าย เป็นโรคระบาด
แต่เมื่อจวินอู๋เสียเทเม็ดยาขนาดเล็กเท่าเล็บมือเล็กๆ ออกมาจากขวดกระเบื้องเคลือบนั้น ทันใดนั้นเคอฉังจวีก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาก็อุตส่าห์วิตกจริต คิดกังวลไปเองว่าภายในขวดกระเบื้องเคลือบนั้นจะเป็นเม็ดยาพิษร้ายแรงอันใด แต่เมื่อดูจากรูปลักษณ์และกลิ่นของมันแล้ว เคอฉังจวีก็สามารถมั่นใจได้ว่ามันเป็นเพียงเม็ดยากร่อนกระดูกธรรมดาๆ เท่านั้น
ยาพิษกร่อนกระดูกแม้ว่าจะเป็นยาพิษที่ร้ายแรง และภายในเวลาสั้นๆ หลังจากที่กลืนมันเข้าไปในร่างกาย พิษนั้นจะค่อยๆ ไปสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในและเนื้อทั้งร่าง แต่นั่นมันก็เป็นภาพลักษณ์ที่น่ากลัวสำหรับคนทั่วไปเท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่เล่นพิษอย่างเคอฉังจวี พิษกร่อนกระดูกนี้เป็นเพียงสิ่งที่พบเห็นได้ธรรมดามาก
เพราะยาพิษกร่อนกระดูกนี้ เป็นเขาซึ่งเป็นผู้คิดค้นมันขึ้นมาเอง ลูกศิษย์ส่วนใหญ่ของสำนักชิงอวิ๋นจึงมีมันไว้ในครอบครองคนละเม็ดสองเม็ดทั้งสิ้น
เด็กคนนี้คิดจะใช้ยาพิษกร่อนกระดูกที่เขาเป็นคนคิดค้นมันขึ้นเองมาหลอกทำให้เขากลัวหรือ ช่างน่าขันเสียจริง! สำหรับยาพิษที่เขาเคยหลอมออกมาทั้งหมด เขาล้วนกินยาถอนพิษพวกมันไปหมดแล้ว ดังนั้นต่อให้เขาจะกลืนยาพิษพวกนี้ลงไป มันก็ไม่มีผลลัพธ์ใดๆ ต่อเขาเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้หนู เจ้ารู้หรือไม่ว่าเม็ดยากร่อนกระดูกในมือของเจ้านั้น มันมีที่มาที่ไปอย่างไร” เคอฉังจวีอยากจะหัวเราะออกไปดังๆ ให้กับความวิตกกังวลจนเกินพอดีของตัวเอง อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นแค่เด็กหนุ่มวัยสิบกว่าปีเท่านั้น แม้จะมีร่างกายประหลาดที่ไม่กลัวพิษ แต่อีกนัยหนึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรไม่ใช่หรือ คนธรรมดาทั่วไปหากมีการกินยาถอนพิษทิ้งไว้ก่อนก็สามารถต้านทานยาพิษของเขาได้เช่นกัน เช่นนี้แล้วเขาจะกลัวอะไร เมื่อตระหนักได้เช่นนี้ ตัวของเขาก็เริ่มสงบลง สถานการณ์ในตอนนี้…ไม่มีสิ่งใดสามารถทำอันตรายเขาได้อีกต่อไปแล้ว