ตอนที่ 205 ใช้ประตูหลัง!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

“ปิดเวลาลงทะเบียนกี่โมง?” ฉีหลงเห็นหลิงหลานจ้องมองเขาด้วยดวงตาเย็นเยียบ ในใจก็รู้สึกประหม่า เขารีบหันหน้าไปถามหานจี้จวินที่อยู่ข้างๆ โอเค เขาไม่สามารถมองลูกพี่แล้วพูดออกมาว่าลาก่อนได้จริงๆ นั่นแหละ

“ก่อนเที่ยง!” หานจี้จวินตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด ฉีหลงที่เป็นคนเลินเล่อมาโดยตลอดลืมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ง่ายมาก นี่ทำให้หานจี้จวินเกิดความคุ้นชินที่กลายเป็นสารานุกรมของฉีหลงตลอดเวลา

ฉีหลงมองอุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือแวบหนึ่งแล้วค่อยพบว่าเพิ่งจะสิบโมงครึ่งเอง ยังมีเวลาอยู่กับลูกพี่อยู่บ้าง เวลานี้เขานึกเสียใจเล็กน้อยว่าทำไมไม่เสนอให้ไปหาร้านน้ำชาหรือร้านกาแฟพักผ่อนนั่งลงพูดคุยกันก่อนที่ลูกพี่จะบอกให้มาลงทะเบียนที่นี่?

เมื่อเกิดความคิดก็เคลื่อนไหวทันที ฉีหลงเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “ลูกพี่ ทำไมเราไม่หาสถานที่นั่งคุยกันก่อนล่ะ ถึงยังไงนี่ก็ยังเร็วกว่าเวลาปิดลงทะเบียนตอนเที่ยงอยู่บ้าง”

หลิงหลานปรายตามองอย่างเย็นชา “มีอะไรให้พูดคุย? ยิ่งไปกว่านั้นใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่เข้าไปแล้วยังมีขั้นตอนอะไรให้ทำอีกบ้าง ถ้าเวลาไม่พอจะทำยังไง?”

ฉีหลงถูกคำพูดของหลิงหลานทำให้เงียบเหมือนเป็นใบ้ไป เขาจะต้องเอ่ยปากพูดว่าเขาไม่อยากบอกลาลูกพี่แบบนี้หรือไง? เอาเถอะ ฉีหลงที่คิดว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชายอกสามศอกแล้ว รู้สึกว่าการกระทำตัวเป็นเด็กน้อยพวกนี้เสื่อมเสียเกียรติของเขา

คนอื่นๆ ดูออกว่าหลิงหลานตัดสินใจแล้ว ไม่อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงได้ ต่อให้พวกเขาเห็นด้วยกับข้อเสนอของฉีหลงมากๆ ที่จะอยู่กับลูกพี่ต่ออีกสักพัก แต่เวลานี้ก็ไม่กล้าส่งเสียงสนับสนุนเช่นกัน

หลิงหลานเห็นทั้งห้าคนเดินหนึ่งก้าวหันหน้ากลับมาหนึ่งก้าว ทำหน้าร่ำลาด้วยความอาลัยอาวรณ์ เธอก็แทบจะคงใบหน้าโลงศพของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ เธออดไม่ไหวนิ่วหน้าขึ้นมา ดูท่าสีหน้าเย็นชาของเธอยังฝึกฝนไม่ถึงขั้นเชี่ยวชาญสินะ ยังไม่สามารถทำสีหน้าที่ต่อให้ฟ้าผ่าก็ไม่ไหวติงฟ้าถล่มก็ไม่ตกใจ สีหน้าน่ารักของเพื่อนๆ ตรงหน้าแทบจะทำให้เธอทำลายทักษะที่สร้างมา ดูท่าเธอยังต้องฝึกฝนอีก

การขมวดคิ้วของหลิงหลานกลับทำให้พวกฉีหลงคิดว่าลูกพี่ของตัวเองไม่ชอบท่าทีอืดอาดชักช้าของพวกเขามากๆ เลยได้แต่แข็งใจไม่หันหน้ากลับไป จากนั้นแต่ละคนก็หยิบจดหมายตอบรับของตัวเองออกมา แล้วสแกนมันที่เซ็นเซอร์ตรงหน้าประตูทางเข้าออก

“ติ๊ง บันทึกข้อมูล อนุมัตินักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ฉีหลง! โปรดใส่หลักฐานประจำตัวของคุณ!” หลังจากที่เสียงจักรกลนี้ดังขึ้น ฉีหลงก็ยื่นข้อมือขวาออกมาเผยให้เห็นอุปกรณ์สื่อสารก่อนจะสแกนไปที่เซ็นเซอร์

“ติ๊ง บันทึกหลักฐานประจำตัว ยืนยันถูกต้อง อนุญาตให้เข้าได้!” ปากประตูทางเข้าพลันเปิดออกทั้งสองฝั่ง ปรากฏเป็นเส้นทางที่กว้างหนึ่งเมตร พอฉีหลงเดินเข้าไปแล้ว ประตูก็ปิดลงอีกครั้ง

ฉีหลงยืนอยู่ด้านในรอคอยให้คนอื่นๆ เข้ามา ในตอนที่พวกเขาทั้งห้าคนเข้าไปในประตูกันหมดแล้ว กำลังคิดจะบอกลาลูกพี่เป็นครั้งสุดท้ายนั้น พวกเขาก็ตะลึงงันไปเมื่อพบว่าลูกพี่หลิงหลานเดินมาที่ด้านข้างปากประตู

หรือว่าลูกพี่ยังมีคำพูดอะไรที่อยากจะกำชับ? พวกเขาทั้งห้าคนกลั้นลมหายใจรอคอยพร้อมกัน อย่างไรก็ตามฉากต่อมาทำให้พวกเขาอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ และไม่อาจหุบลงได้เป็นเวลานาน

หลิงหลานหยิบการ์ดขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากในกระเป๋า จากนั้นก็โบกให้กับพวกเขา พวกเขาคล้ายกับมองเห็นปีศาจน้อยตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของหลิงหลานกำลังยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้พวกเขาอยู่

“ติ๊ง บันทึกข้อมูล อนุมัตินักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง หลิงหลาน! โปรดใส่หลักฐานประจำตัวของคุณ!” ปากประตูทางเข้าเอ่ยคำพูดที่พวกเขาได้ยินจนคุ้นหูเหมือนกับก่อนหน้านี้ไม่มีผิด

พวกเขาตกตะลึงมองดูหลิงหลานชูอุปกรณ์สื่อสารบนข้อมือสแกนไปที่เซ็นเซอร์อย่างเฉยชา หลังจากนั้นก็เดินเอื่อยๆ เข้ามา….

ฉีหลงขยี้ตาอย่างสุดแรง ตอนที่เขาสอบถามหลิงหลานเรื่องสถาบันที่สมัครสอบ ก็เป็นสถาบันบำรุงรักษาหุ่นรบจุยเฟิงของดาวหมิงหวงจริงๆ และยืนยันว่าถูกรับแล้วด้วย ทำไมตอนนี้หลิงหลานถึงเปลี่ยนมาเป็นนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเหมือนกับพวกเขาแล้วล่ะ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? แล้วเข้าไปที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งแบบนี้ หรือว่าร่างกายของลูกพี่ไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหม? ควรรู้เอาไว้ว่า สิ่งที่นักเรียนทหารได้เรียนตอนปีหนึ่งต่างก็เป็นการฝึกฝนความแข็งแกร่งทางกายภาพบางอย่างที่มีระดับความเข้มข้นสูง มีความเป็นไปได้สูงว่าคนที่มีคุณสมบัติร่างกายอ่อนแอไม่อาจทนรับได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกพี่ที่ร่างกายยังไม่หายดีเลย

ฉีหลงที่กำลังตกตะลึงอดใจไม่ไหวเอ่ยถามข้อสงสัยที่อยู่ในใจออกมา

หลิงหลานฝืนข่มกลั้นความขนขันในใจ อธิบายด้วยสีหน้านิ่งเรียบว่า “จดหมายตอบรับเข้าเรียนใบนี้ได้มาจากการที่พ่อฉันใช้ประตูหลัง ส่วนเรื่องการฝึกฝนความแข็งแกร่งทางกายภาพของปีหนึ่งก็ถูกยกเว้นการสอบเพราะว่าประตูหลังของพ่อ…”

หานจี้จวินเป็นคนแรกที่ตระหนักขึ้นมาได้ ก็จริง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในนายพลทั้งเก้าของสหพันธรัฐ หลิงเซียวย่อมมีความสามารถส่งลูกของเขาเข้ามาที่โรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ส่วยเรื่องถูกยกเว้นการสอบ….หานจี้จวินเหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครสามารถทำได้

ในขณะที่หานจี้จวินกำลังขบคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ ก่อนจะอุทานด้วยความตกใจว่า “ลูกพี่หลาน ตอนนี้นายมียศทหารแล้วใช่หรือเปล่า?” มีเพียงนักเรียนที่กลายเป็นทหารแล้วเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติยกเว้นการสอบ เนื่องจากการประเมินและการฝึกฝนความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกเขาถูกทางกองทัพเข้าควบคุม

ขอเพียงเป็นคนที่เข้าใจเรื่องกองทัพต่างก็รู้ว่า การประเมินและการฝึกฝนความแข็งแกร่งทางกายภาพของกองทัพโหดร้ายยิ่งกว่าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง ควรรู้เอาไว้ว่าการประเมินและการฝึกฝนความแข็งแกร่งทางกายภาพของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งเรียกได้ว่าเป็นเพียงการประเมินและการฝึกฝนเตรียมทหารเท่านั้น มีคำว่า ‘เตรียม’ ก็หมายความว่ามันอ่อนด้อยกว่าการฝึกฝนความแข็งแกร่งทางกายภาพที่แท้จริงของกองทัพ ดังนั้นคนที่สามารถอดทนผ่านการประเมินและการฝึกฝนของกองทัพได้ย่อมสามารถผ่านการประเมินความแข็งแกร่งทางกายภาพของโรงเรียนทหารได้แน่นอน

“อื้อ พ่อฉันใช้ประตูหลังจัดการให้ฉันเรียบร้อยแล้ว ขอแค่ฉันพักรักษาตัวอย่างวางใจตอนปีหนึ่งก็พอ” หลิงหลานยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาถ่าน นี่ทำให้ในใจของหลิงหลานที่ชอบใช้กำลังพูดคุยเสมอมารู้สึกประหม่าอยู่บ้างเหมือนกัน ดูท่าการเป็นลูกผู้ดีที่ไม่เอาถ่านก็ต้องมีคุณสมบัติจิตใจที่เด็ดเดี่ยวเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีความมั่นใจมากพอ…

“นายพลหลิงยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว!” พวกฉีหลงต่างมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว พวกเขาร้องอุทานร่วมกัน ดวงตาฉายแววความเคารพยกย่องอิจฉาต่างๆ นานา เมื่อเผชิญหน้ากับไอดอลในดวงใจ พวกเขาย่อมเมินไปว่าหลิงเซียวทำแบบนี้เป็นการใช้อำนาจในเรื่องส่วนตัว บกพร่องต่อหน้าที่แล้ว

“ดีเหลือเกิน ลูกพี่ พวกเราอยู่ด้วยกันต่อไปได้แล้ว!” หลังจากที่ฉีหลงตื่นเต้นแล้ว เขาก็กอดหลิงหลานไว้แน่นๆ ไม่ยอมปล่อย ความละล้าละลังที่เดิมทียังหลงเหลือในจิตใจได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เขาค่อยเข้าใจว่า หลายปีมานี้ ลูกพี่หลานของเขากลายเป็นเสาค้ำจุนในใจของเขาไปแล้ว ขอเพียงหลิงหลานยืนอยู่ข้างกายเขา ในใจเขาก็มีความกล้า มีความมั่นใจ มีพลัง ต่อให้เบื้องหน้ามีความทุกข์ทรมานยากลำบากนับไม่ถ้วน เขาก็สามารถพุ่งทะยานอย่างองอาจกล้าหาญ ต่อให้ผืนฟ้าของสหพันธรัฐถูกทำลาย เขาก็ไม่หวาดหวั่นแม้แต่น้อย

“ลูกพี่ นายเลวมากเกินไปแล้ว หลอกพวกเราได้ลงคอ!” ลั่วล่างไม่ยอมน้อยหน้า โถมตัวตามเข้าไปกอดหลิงหลานกับฉีหลงไว้ ห้อยอยู่บนตัวพวกเขาสองคนแล้วเสียดสีตรงส่วนคอของหลิงหลานเต็มแรงด้วยความไม่พอใจ เขาไม่สังเกตเลยว่าตอนที่ตัวเองพูดว่าหลอกพวกเราได้นั้นได้ลากหางเสียงขึ้น เสียงที่สูงขึ้นเล็กน้อยแฝงไปด้วยความรู้สึกกระเง้ากระงอดอยู่ด้านใน

เสียงและการกระทำของลั่วล่างทำให้หลิงหลานผลักออกด้วยความขนลุกซู่ “ลั่วล่าง อย่ามาทำท่าออดอ้อนห้อยอยู่บนตัวฉันตามใจชอบนะ นายต้องจำเอาไว้ว่านายเป็นผู้ชาย! ผู้ชาย!” สุดท้าย เสียงของหลิงหลานแฝงไปด้วยเสียงแผดคำราม เห็นได้ว่าความคับแค้นในใจของหลิงหลานลึกล้ำมากแค่ไหน

แม่งเอ๊ย ทำไมเสียงของเธอต้องเย็นชาขนาดนี้ ราบเรียบขนาดนี้ด้วยนะ? บางครั้งเธอจงใจยกหางเสียงขึ้น ถึงแม้ความคิดในตอนแรกคืออยากให้บรรยากาศอบอุ่นหน่อย แต่มันกลับทำให้คนรู้สึกถูกคุกคามมากขึ้นหลายเท่า…เอาเถอะ เธอยอมแพ้เรื่องความสามารถในการออดอ้อนในชาตินี้ไปโดยสิ้นเชิงแล้ว แม่ไม่ได้มอบพรสวรรค์แบบนี้มาให้ตอนที่คลอดเธอออกมา เธอฝืนไม่ไหว!

ลั่วล่างหน้าขึ้นสี ดวงหน้างดงามยิ่งดูพราวพร่างจากการขึ้นสีแดงระเรื่อนี้ ทำให้คนอื่นๆ ไม่กล้ามองตรงๆ ทยอยกันหันหน้าหนี ลั่วล่างเอ่ยประท้วงด้วยความเสียใจเล็กน้อย “ลูกพี่ ฉันทำแบบนั้นที่ไหนกัน? ไม่ใช่ว่าฉันดีใจหรอกเหรอ? แล้วก็ เดิมทีฉันก็เป็นผู้ชายอยู่แล้วนะ ฉันไม่ได้ต้องการหน้าแบบนี้ซะหน่อย…”

ดวงตาทั้งสองข้างของเขาพร่ามัวมีร่องรอยความฉ่ำรื้นอยู่จางๆ เนื่องจากเสียงขึ้นจมูกแฝงไปด้วยความโศกเศร้าเล็กน้อย เสียงประท้วงของเขาจึงฟังดูอ่อนนุ่มไร้เรี่ยวแรง ทำให้ความสงสารในใจคนฟังสูงขึ้นฉับพลัน อยากจะเอ่ยปากปลอบโยนคนน่ารักตรงหน้านี้ดีๆ…

ต่อให้เป็นหลิงหลานอดหน้ากระตุกขึ้นมาเพราะแบบนี้ไม่ได้ เธอกุมขมับตัวเองด้วยความปวดหัว ลั่วล่างเข้าไปในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่มีแต่ชายล้วนด้วยรูปลักษณ์แบบนี้ จะเป็นการกระทำที่ชาญฉลาดจริงๆ หรือเปล่า? นิยายบอยเลิฟที่เคยอ่านในชาติก่อนผุดขึ้นมาในห้วงความคิดทีละเรื่อง โรงเรียนทหารชายเป็นดินแดนอุดมสมบูรณ์ที่สุดในการบ่มเพาะความรักระหว่างผู้ชายด้วยกันนะ

“เสี่ยวซื่อ เก็บอาการหน่อย!” ศีรษะของหลิงหลานปวดมากกว่าเดิม เวลานี้เสี่ยวซื่อฉวยโอกาสออกมาก่อกวนเธอ นิยายวายที่ผุดขึ้นในสมองเมื่อสักครู่นี้ล้วนเป็นเรื่องราวที่เสี่ยวซื่อค้นจากในคลังข้อมูลของเขาแล้วแสดงออกมา

“ดินแดนอุดมสมบูรณ์ของความรักระหว่างผู้ชาย!” เสี่ยวซื่อชูแขนโห่ร้องเสียงสูงอยู่ในห้วงความคิด แน่นอนว่าเขาแอบจินตนาการว่าลูกพี่ของเขาจะมีความรักไม่จำกัดเพศสักครั้งในโรงเรียนทหารหรือเปล่า? เสี่ยวซื่อเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา คิดว่าเขาหาเกมน่าเล่นได้อีกแล้ว

ตอนนี้หลิงหลานไม่รู้ความคิดในใจเสี่ยวซื่อเลย เธอเพียงแค่โยนเสี่ยวซื่อเข้าไปในมิติการเรียนรู้ทันที ไม่ให้เขาออกมารบกวนความคิดของเธอ หลิงหลานมองลั่วล่างที่น้ำตาซึมก็นึกโยงไปที่ตัวเอง แล้วอดลอบทอดถอนใจไม่ได้

ช่างเถอะ เธอเดินไปบนเส้นทางที่เท่เย็นชาทรงอำนาจโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้างกายมีลั่วล่างที่พัฒนาไปทางด้านงดงามราวกับดอกไม้จันทราอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่ายังไงก็ทำให้ในใจเธอรู้สึกสมดุลอยู่บ้าง บางทีนี่อาจจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มอบให้เพื่อนเธอคนหนึ่งได้มีหน้าตาที่ยากจะแบ่งหญิงแบ่งชายเป็นเพื่อนเธอโดยเฉพาะ เห็นได้ว่าเส้นทางนี้ไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว!

หลิงหลานปลอบใจตัวเอง แบบนี้เธอก็สามารถยอมรับลั่วล่างที่เป็นแบบนี้ได้แล้ว ดังนั้น หลิงหลานจึงปล่อยวางความรู้สึกขัดแย้งในใจแล้วเดินเข้าไปตบบ่าลั่วล่างพลางพูดว่า “เอาแบบนี้ละกัน แค่เราเป็นตัวของตัวเองก็พอแล้ว!”

คำพูดของหลิงหลานมีความหมายสองนัย คนอื่นๆ อีกห้าคนต่างไม่รู้ความหมายในนั้น มีเพียงตัวเธอที่รู้ดีว่าตอนที่ปลอบใจลั่วล่าง เธอก็ปลอบใจตัวเองไปพร้อมกัน

หน้าตาที่เหมือนผู้หญิงเป็นความชิงชังในใจลั่วล่างมาตลอด เดิมทีเขาคิดว่าลูกพี่หลานจะเหมือนกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ ที่ไม่ชอบหน้าตาของเขาอยู่บ้าง ไม่นึกเลยว่าลูกพี่หลานจะเอ่ยคำพูดแบบนี้กับเขา ทำให้ในใจเขารู้สึกตื้นตันไม่หยุดทันที พริบตาเดียวเขาก็ตระหนักถึงความรู้สึกที่ว่ายอมตายเพื่อคนรู้ใจ “ลูกพี่ ขอบใจนะ!”

ลูกพี่ มีแค่นายเท่านั้นที่เข้าใจหัวใจของฉัน ลั่งล่างยังคงเป็นลั่วล่างคนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะรูปลักษณ์ภายนอกเลยแม้แต่น้อย! ขอบใจนะ ลูกพี่ มีความเชื่อมั่นของนายแล้ว ต่อให้ทุกคนบนโลกดูถูกรูปร่างหน้าตาของฉัน ฉันก็จะไม่โกรธแค้นไม่เสียใจ ไม่สงสัยในตัวเอง!

ความคับแค้นภายในใจลั่วล่างที่มีต่อหน้าตาตัวเองได้หายไปแล้ว เขายิ้มอย่างมีความสุข ยิ้มอย่างเจิดจ้าและก็ยิ้มได้งดงามมากยิ่งขึ้น รัศมีเปล่งประกายพราวพร่างในแววตาที่แต่เดิมถูกปกปิดเอาไว้ก่อนหน้านี้ได้ถูกปลดปล่อยออกมาทั้งหมดในเวลานี้ ทำให้คนอื่นๆ เกิดความรู้สึกไม่อาจมองตรงๆ ได้…

แต่ในใจพวกเพื่อนๆ ต่างรู้ดีว่า ลั่วล่างแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว! เนื่องจากเสน่ห์ของเขาพุ่งทะยานขึ้นไปถึงระดับใหม่! เพื่อนๆ ที่เติบโตมาด้วยกันต่างรู้ดีว่า ความแข็งแกร่งของลั่วล่างกับเสน่ห์รูปลักษณ์ของเขาเป็นสิ่งที่เติบโตร่วมกัน ความสามารถยิ่งแข็งแกร่ง เขาก็จะยิ่งแผ่รัศมีเจิดจรัสออกไปทั่ว!

หลิงหลานไม่รู้เลยคำพูดปลอบใจตัวเองโดยไม่ตั้งใจจะทำให้ลั่วล่างคลายปมในใจ สภาพจิตใจที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ขอบเขตทักษะการต่อสู้มือเปล่าของลั่วล่างที่เดิมทีติดชะงักอยู่เลื่อนสูงขึ้นอีกครั้ง และก็ทำให้เสน่ห์ของลั่วล่างได้รับการอัปเกรดและแข็งแกร่งมากขึ้นอีก และเรื่องนี้ก็ได้ก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นในภายหลัง ทำให้นับตั้งแต่นี้ไปทีมของพวกเขาต้องมีเรื่องขัดแย้งไม่หยุด ใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนทหารอย่างยากลำบากมากขึ้น!

และความวุ่นวายนี้ก็ทำให้นักเรียนทหารงที่ซ่อนตัวอยู่ลึกมากคนหนึ่ได้เดินเข้ามาในชีวิตของหลิงหลาน…

…………………………