แต่….

ลู่เฟิง มองไปที่ เจี๋ยสวี่ และ กล่าวถาม”เหวินเหอ หากนี่เป็นเรื่องเดียวเจ้าคงไม่รีบร้อนขนาดนี้ ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่?”

เจี๋ยสวี่ ได้พยักหน้าและตอบกลับ”ฝ่าบาท ตามข่าวที่ได้รับมาจากจินยี่เหว่ย ชูหยี ได้แลกเปลี่ยน อาวุธจำนวนมากกับ ม้า 200,000 ตัว จากพวกคนเถื่อนทางตอนเหนือ ตอนนี้ พวกเขากำลังฝึกทหารม้าอยู่คาดว่าสามเดือนต่อจากนี้พวกเขาจะมีทัพม้า 200,000 นาย!”

การแสดงออกของ ลู่เฟิง ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย”ดูเหมือนว่า ความเกลียดชังของ ชูหยี ที่มีต่อข้า และ อาณาจักรหนานหยาน จะมีมากกว่าคนเถื่อนทางตอนเหนือ!”

พวกคนเถื่อนทางตอนเหนือนั้น มีชนเผ่าจำนวนมากอาศัยอยู่พวกเขาได้รุกรานบุกเผาฆ่าและปล้นสะดมประเทศเพื่อนบ้านทุก ๆ ปี

อาณาจักรหนานหยาน และ อาณาจักรซีหยาง เป็นสองอาณาจักรที่ได้รับผลกระทบจากพวกคนเถื่อนทางตอนเหนือมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม พวกคนเถื่อนทางตอนเหนือขาดแคลนอาวุธที่จะเข้าล้อมเมือง ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาจะลงมาทางใต้ทุกปีพวกเขาก็ทำได้เพียงแค่ฆ่าเผาและปล้นสะดมเท่านั้นไม่สามารถยึดครองเมืองได้

แต่ตอนนี้ ชูหยี ได้แลกเปลี่ยนม้าสองแสนตัว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาวุธที่ถูกส่งออกไปจะต้องมากกว่า 400,000 ชิ้น

หรืออาจมากกว่านั้น!

ม้าศึกมีความสำคัญต่อทั้งอาณาจักรหนานหยานและอาณาจักรซีหยาง

เจี๋ยสวี่ ได้ยิ้มอย่างบิดเบี้ยวและกล่าวถาม”ฝ่าบาทพระองค์รู้ฉายาของ ชูหยี หรือไม่?”

ลู่เฟิง สั่นศีรษะเล็กน้อย

“องค์ชายหมิงเจียน!”

เจี๋ยสวี่ได้ตอบกลับ”ตอนนี้ ชูหยี ได้สถาปนาตนขึ้นเป็นจักรพรรดิ ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะนำทัพบุกโจมตีอาณาจักรหนาหนยาน และ ทำลายพระองค์ ใครที่ไม่เห็นด้วยกับเขา ดูเหมือนเขาจะสั่งฆ่าหมดไม่มียกเว้น”

“ดูเหมือนว่า ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าคงจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างอาณาจักรหนานหยานและอาณาจักรซีหยาง!”

ลู่เฟิง ยิ้มและตอบกลับ”แต่คราวนี้พวกเราก็ไม่ได้อ่อนเเอเช่นเดิมอีกต่อไป”

“ฝ่าบาท ข้าน้อยคิดว่าพวกเราควรเริ่มชิงลงมือก่อน!”เจี๋ยสวี่ กล่าวอย่างเคร่งขรึม”ตอนนี้เราได้รับเงินและอาหารมากมายจากตระกูลขุนนางเหล่านั้น ความกังวลในอนาคตได้หายไป ข้าน้อยเชื่อว่าเราสามารถพิชิตอาณาจักรซีหยางได้!”

ลู่เฟิงสั่นศีรษะ”แม้ว่าวิกฤติตระกุลขุนนางจะหมดไป แต่ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อให้อาณาจักรมีเสถียรภาพในทุกด้านมันยังไม่เหมาะที่จะลงมือตอนนี้และ…”

หลังจากหยุดชั่วครู่ใบหน้าของลู่เฟิงก็ดูเคร่งขรึม”ข้ากังวลเกี่ยวกับพวกคนเถื่อนทางตอนเหนือ พวกเขามีโอกาสที่จะลงใต้มา และ ช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด”

เจี๋ยสวี่ ได้คิดตามและพยักหน้าก่อนที่จะกล่าวถาม”ฝ่าบาทเช่นนั้นพวกเราจะรอให้ถึงปีหน้าและค่อยเปิดศึกหรือไม่?”

“ยังไม่แน่นอน ช่วงนี้ให้ จินยี่เหว่ย ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์ของอาณาจักรซีหยาง ทางที่ดีตรวจสอบความแข็งแกร่งของกองทัพพวกเขามาให้ได้มากที่สุด!”

“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”

หลังจาก เจี๋ยสวี่ ก้าวถอยออกไป ลู่เฟิง ก็ลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่างมองดูออกไป

เกล็ดหิมะที่ลอยอยู่นอกหน้าต่างนั้นสวยงามมาก สิ่งที่ ลู่เฟิง กังวลตอนนี้ก็คือการต่อสู้กับพวกคนเถื่อนทางตอนเหนือมากกว่า

“ข้าไม่รู้ว่าทางด้าน เฟิงเชี่ยน จะเป็นยังไงบ้าง!”ลู่เฟิงพึมพัมเบา ๆ

มณฑลเฮอเซียน ทางตอนเหนือ คฤหาสน์เจ้าเมือง

ลิโป้ จ้องมองไปที่ ผู้ดูแลมณฑลเฮอเซียน และกล่าวพูดด้วยความโกรธ”เซียงรู่หลาน ข้าขอให้เจ้าติดต่อซื้อม้าศึกก่อนที่ ราชาเมกาทรอน จะยกทัพมา นี่ผ่านมามากกว่าหนึ่งเดือน เจ้ากลับหาม้าศึกมาให้ข้าได้เพียงแค่ห้าพันตัวเท่านั้น ก่อนหน้านี้ ข้ามอบทองคำ 5 ล้านเหรียญให้กับเจ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่า ม้าศึกแต่ละชุดมีค่า 1,000 เหรียญทอง?”

แม่ทัพของมณฑล เฮอเซียน เซียงรู่หลาน หน้าซีดเผือก”ท่านแม่ทัพ ได้โปรดสงบใจลงก่อน ไม่ใช่ว่าข้า ได้แอบเก็บส่วยเหล่านี้เข้ากระเป๋า แต่เพราะคนเถื่อนพวกนี้ ไม่ต้องการทองคำมากนัก ข้าจึงสามารถแลกมาได้แค่ ม้าศึก 5,000 ตัว เท่านั้น!”

ลิโป้ ถอนหายใจออกมา เขาเคยรับมือกับคนเถื่อนทางตอนเหนือมาก่อน เขารู้จุดประสงค์ของคนเหล่านี้ คือการครอบครองดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ของสามมณฑลทางตอนเหนือ

เซียงรุ่ยหลาน ไม่ได้โกหก คนเถื่อนเหล่านี้ต้องการอาวุธเพียงเท่านั้น!

เพราะทองคำไม่มีค่าสำหรับพวกเขา

ลิโป้ ครุ่นคิดและกล่าวถาม”มีวิธีซื้อม้าเพิ่มอีกหรือไม่?”

เซียงรุ่ยหลาน ได้มองไปที่ ลิโป้ ด้วยความกลัวและตอบกลับ”ท่านแม่ทัพหากท่านต้องการซื้อม้าศึกเพิ่มข้ามีความคิดดี ๆ !”

ดวงตาของ ลิโป้ ได้สว่างวาบขึ้นและกล่าวถาม”ความคิดอะไร?”

“เราสามารถไปที่เผาอนารยชนในอาณาจักรซีหยางเพื่อแลกเปลี่ยนอาวุธจากที่นั่นแล้วขนม้าจากมณฑลจงซานมาแม้จะยากลำบาก แต่ก็ควรแลกม้าได้ประมาณ 100,000 ตัว ในหนึ่งเดือน!”เซียงรุ่ยหลาน ตอบกลับ

ลิโป้ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าเล็กน้อย หลังจากไตร่ตรองเขาก็ตอบกลับ”เกี่ยวกับอาวุธทางการทหารข้าไม่สามารถตัดสินใจเองได้ ข้าต้องรายงานเรื่องนี้ให้ฝ่าบาทรับทราบก่อน!”

“ท่านแม่ทัพ ท่านควรจะรีบดำเนินการก่อนฤดูใบไม้ผลิจะมาถึง เพราะมันคงยากที่จะซ่อนตัวจากสายตาของอาณาจักรซีหยาง!”

ลิโป้ พยักหน้าและรีบออกจากคฤหาสน์เจ้าเมืองไปเพื่อแจ้ง ลู่เฟิง

“ฝ่าบาท แม่ทัพเตียวเลี้ยวต้องการเข้าเฝ้าพระองค์!”

เสี่ยวไห่ฉี ได้ยืนอยู่ตรงหน้าของลู่เฟิงและพูดอย่างสุภาพ

“ให้เขาเข้ามา”ลู่เฟิงตอบกลับ

แม้ว่า เตียวเลี้ยว จะอยู่ในโลกนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แต่ ลู่เฟิง ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อเขาเพราะส่วนใหญ่เขามีหน้าที่หลายอย่างที่จะต้องทำ

เตียวเลี้ยว ได้เดินเข้ามาภายใต้การนำของ เสี่ยวไห่ฉี

“ข้าน้อย เตียวเลี้ยว ถวายบังคมฝ่าบาทขอให้พระองค์ทรงพระเจริญอายุยิ่งยืนนาน!”เตียวเลี้ยว ได้คุกเข่าลงกับพื้น

ลู่เฟิง ได้ไปช่วยพยุงเตียวเลี้ยวขึ้นและตอบกลับ”เหวินหยวน เจ้าไม่จำเป็นจะต้องสุภาพนั่งลงก่อนเถอะ!”

เสี่ยวไห่ฉี ได้ขยับเก้าอี้ให้อีกฝ่าย

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”เตียวเลี้ยวได้นั่งบนเก้าอี้

ลู่เฟิง มองไปที่ เตียวเลี้ยว และกล่าวพูดขึ้น”เหวินหยวน ข้าได้ยินมาจากเกาชุนว่า เจ้าทั้งกล้าหาญและมีกลยุทธ์ที่ดีในการทำศึก เจ้าถือเป็นหนึ่งในแม่ทัพที่ยอดเยี่ยมของข้า ตอนนี้ แม่ทัพเฒ่าเหลียนป๋อ อดีตผู้บัญชาการของเมืองเร้ดเมเปิ้ล ก็ย้ายไปอยู่เมืองฉิวซานแล้ว หน้าที่สืบทอดก็ตกเป็นของเจ้า นอกจากนี้ ข้าได้ทหารจากอาณาจักรซีหยางมามากกว่า 300,000 นาย ข้าต้องการให้เจ้ารับฝากพวกเขาและฝึกให้พวกเขากลายเป็นทหารชั้นยอดของเมืองเร้ดเมเปิ้ล เจ้าทำได้หรือไม่?”

“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”เตียวเลี้ยว ได้ตอบกลับทันที

“ไม่ ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้ารับคำสั่งของข้า เพียงแต่ข้าต้องการสอบถามว่าเจ้ามีความมั่นใจที่จะฝึกพวกเขาที่เมืองเร้ดเมเปิ้ลหรือไม่ หากไม่ข้าจะได้เลือกคนอื่นมาแทน!”ลู่เฟิง มองไปที่ เตียวเลี้ยว

เตียวเลี้ยว รู้ว่านี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับตัวเองเขารีบพูดทันที”ข้าน้อยมั่นใจว่าภายในครึ่งปีทหารสามแสนนายนี้จะกลายเป็นทหารชั้นยอดสามแสนนายได้!”

“เช่นนั้นก็ดี!”

ลู่เฟิง พยักหน้าและกล่าวพูดด้วยความพอใจ”ข้าจะรอดูความสำเร็จของเจ้า!’

เตียวเลี้ยว ได้คุกเข่าลงและกล่าวขอบคุณทันที”ขอบพระทัยฝ่าบาท ข้าน้อย จะทำหน้าที่ผู้บัญชาการของเมืองเร้ดเปิ้ล ให้ดีที่สุด ขอให้ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย!”

“ติ๊ง ตรวจพบความภักดี ของ เตียวเลี้ยว เพิ่มขึ้น 5 แต้ม ค่าความภักดีในปัจจุบัน 95 แต้ม!”

“อืม!”

ลู่เฟิง หัวเราะออกมา”ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นแม่ทัพภาค!”

มีแม่ทัพหลายคนในอาณาจักรหนานหยาน แต่คนที่ได้เป็นแม่ทัพภาค นั้นกลับมีน้อยกว่า และ แม่ทัพภาค นั้นแม้จะมีตำแหน่งน้อยกว่า แม่ทัพใหญ่ แต่ก็ถือว่าเป็นตำแหน่งที่สูงกว่าแม่ทัพธรรมดา

ลู่เฟิง วางแผนที่จะให้ เตียวเลี้ยว เป็น ผู้นำของเมืองเร้ดเมเปิ้ล แต่หลังจากคิดแล้ว เขาก็คิดว่าแค่นี้มันยังไม่พอกับความสามารถของ เตียวเลี้ยว

ดังนั้น เขาจึงพิจารณาจะเลื่อนตำแหน่งให้ เตียวเลี้ยว เป็นแม่ทัพภาค

แม้ว่า ผลงานในปัจจุบันของ เตียวเลี้ยว จะไม่เพียงพอ กับตำแหน่งนี้ แต่ลู่เฟิง เชื่อว่า หวู่ซีเหลียง ที่สังหาร กองทัพ ตงหวู่ 100,000 นายด้วยคน 7,000 คน และ เกือบจะจับ ซุนกวน ได้ ย่อมมีความสามารถเพียงพอกับตำแหน่งนี้