ตอนที่ 207 จัดการเสร็จสรรพ
“พี่สอง มาแข่งกันเถิด!”
เยียนอวิ๋นเกอพับแขนเสื้อขึ้นเตรียมต่อสู้
เยียนอวิ๋นถงหวาดกลัวทันที “น้องสี่โตเป็นสาวแล้ว บุรุษอย่างข้าจะสู้กับเจ้าได้อย่างไร หากข้าไม่ควบคุมแรงให้ดี ทำให้น้องสี่บาดเจ็บจะทำอย่างไร”
เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ
เยียนอวิ๋นถงอธิบายเสียงเบา “ตอนนั้นเจ้าก็ไม่ถามข้าว่ารู้จักผู้ใดด้านนอกบ้าง เมื่อเจ้าไม่ถาม ข้าก็ย่อมไม่พูด”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา
เยียนอวิ๋นเฟยอดหัวเราะไม่ได้ “อวิ๋นถง เจ้าไม่ต้องอธิบายแล้ว ระวังน้องสี่จะทุบตีเจ้า”
เยียนอวิ๋นถงหุบปากอย่างเชื่อฟัง
เซียวฮูหยินยิ้มตาหยี
บุตรชายและบุตรสาวล้วนอยู่ข้างกายอย่างปลอดภัย แข็งแรง บนโลกนี้ไม่มีเรื่องที่มีความสุขมากกว่านี้แล้ว
นางถามเยียนอวิ๋นถง “คุณหนูตระกูลหลิวมีลักษณะอย่างไร สูงหรือเตี้ย”
“ค่อนข้างสูง เกือบจะสูงเท่าน้องสี่แล้ว งดงามมาก!” พูดจบ เยียนอวิ๋นถงก็หัวเราะออกมา
ดูจากท่าทางของเขา ไม่เพียงแต่พึงพอใจต่อคุณหนูหลิว อีกทั้งยังชื่นชอบเข้ากระดูก
เยียนอวิ๋นเฟยเม้มปากยิ้ม “ท่านแม่หมั้นหมายงานแต่งนี้ได้ดีมาก ดูจากท่าทางมีความสุขของอวิ๋นถง เห็นได้ชัดว่าชอบอย่างมาก”
เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยความน้อยใจ “คุณหนูหลิวเป็นคนที่อยู่ในใจของพี่สอง”
เยียนอวิ๋นถงตอบกลับอย่างเร็ว “น้องสี่ก็เป็นคนในใจของข้า”
“อย่า! ข้าไม่อยากแย่งชิงตำแหน่งในใจของท่านกับคุณหนูหลิว ไม่ว่าท่านแต่งกับคุณหนูหลิว หรือว่าคุณหนูหลี่ หรือว่าจางซาน หลี่ซื่อ หวังอื้อ หมาจื่อ อย่างไรข้าก็เป็นน้องสี่ของท่าน”
“ถูกต้อง!” เซียวฮูหยินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
เยียนอวิ๋นถงมีความเห็นเล็กน้อย เขาพร่ำบ่นเสียงเบา “ข้าจะแต่งงานกับจางซาน หลี่ซื่อ หวังอื้อ หมาจื่อได้อย่างไร คุณหนูหลิวงดงามไม่น้อย น้องสี่อย่าได้พูดจาเหลวไหล”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาใส่เขา “ข้ารู้สึกว่าวันนี้ไม่เหมาะกับการทำปลา”
ฮ่าๆๆ …
ทุกคนปล่อยเสียงหัวเราะ
เยียนอวิ๋นถงเก้อเขินเล็กน้อย เขาลูบหัวพลันหัวเราะ ขอโทษเยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตาใส่เขา “ท่านพี่วางใจ ข้าไม่ถือสาท่าน ท่านก็ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะกลั่นแกล้งคุณหนูตระกูลหลิว ข้าอาจจะชอบนาง แต่ก็อาจจะไม่ชอบนาง ไม่ว่าชอบหรือไม่ ข้าจะเคารพนาง อย่างไรนางก็จะเป็นพี่สะใภ้ของข้า”
“ขอบใจน้องสี่”
เยียนอวิ๋นถงทำหน้าดีใจ
เซียวฮูหยินมองดูด้วยความพอใจ “พี่น้องควรนอบน้อมต่อกัน”
ในเวลานี้ บ่าวรับใช้มารายงาน เยียนอวิ๋นฉวนส่งคนมาบอกว่าเขารู้ว่าน้องรอง เยียนอวิ๋นถงมาถึงเมืองหลวงแล้ว เมื่อเขาทำงานในมือเสร็จ จะรีบเดินทางมา
เซียวฮูหยินกล่าว “เขามีใจแล้ว บอกคนส่งข่าว พวกเราจะรอเขาทานมื้อเย็นด้วยกัน”
บ่าวรับใช้รับคำสั่งแล้วออกไป
เยียนอวิ๋นเฟยก้มหน้ายิ้ม ลูบคลำท้องที่ป่องขึ้นเล็กน้อย “เยียนอวิ๋นฉวนเหมือนปลาได้น้ำเมื่อเขาอยู่ในราชสำนัก แต่อวิ๋นถงทำไม่ได้ เขาทำได้เพียงอยู่ในค่ายทหารพร้อมกับกลุ่มชายชราหยาบกระด้าง”
เยียนอวิ๋นถงหัวเราะ “ข้าชอบอยู่ในค่ายทหาร หากให้ข้าเข้ารับราชการในราชสำนัก ข้าย่อมทำไม่ได้แน่ เพียงแค่การรับมือกับสังคมในราชการ ข้าก็เวียนหัวแล้ว”
เยียนอวิ๋นเฟยถามเขา “ท่านพ่อวางใจให้เจ้าเป็นคนนำทัพหรือ”
เยียนอวิ๋นถงรีบพูด “เวลานี้ข้ามักนำทหารสามพันนายมุ่งหน้าไปยังที่ราบกลาง”
เยียนอวิ๋นเฟยไม่พูดสิ่งใด หากแต่มองไปทางเซียวฮูหยิน
เซียวฮูหยินดื่มชา มีบางเรื่องนางไม่อยากพูดเพราะกลัวจะทำร้ายจิตใจของบุตร
ไม่ว่าอย่างไร เยียนโส่วจ้านก็เป็นบิดาของบุตร
นางกำชับเยียนอวิ๋นถง “นำทัพให้ดี หลังจากแต่งงาน เจ้าก็อย่าอยู่ในเมืองหลวงนาน รีบกลับไปค่ายทหาร มันเป็นหน้าที่ของเจ้า”
เยียนอวิ๋นถงน้อยใจ “ข้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ท่านแม่ก็กำชับให้ข้ารีบกลับไป ท่านแม่มีแต่บุตรสาว ไม่มีข้าเสียจริง”
ทุกคนหัวเราะ
เซียวฮูหยินไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี นางชี้ไปที่เขา “เจ้าเด็กคนนี้ ไร้หัวใจเสียจริง ข้าอยากให้เจ้าอยู่ในเมืองหลวงสักพักหนึ่ง กลับไปหลังปีใหม่จะดีที่สุด แต่ข้าไม่อาจถ่วงอนาคตของเจ้าเพราะความเห็นแก่ตัว ค่ายทหารห่างจากเจ้าไม่ได้ เจ้าต้องกลับไปนำทัพของเจ้า
นอกจากนี้ เจ้าต้องเตือนคุณหนูหลิว เมื่อนางแต่งงานเข้าตระกูลเยียนแล้วนางก็คือนายน้อยหญิงของตระกูลเยียน เมื่อกลับไปถึงจวนโหว ให้นางรับมือเรื่องภายในจวนทันที มันคือคำสั่งและคำร้องขอของข้า หากเฉินฮูหยินไม่ยอมส่งกุญแจและบัญชีให้ ไม่ต้องเกรงใจนาง จวนโหวจะให้อนุภรรยามารับผิดชอบดูแลจวนได้อย่างไร”
เยียนอวิ๋นถงฉงน “ท่านแม่หมายความว่าหลังจากที่คุณหนูหลิวติดตามข้ากลับจวนโหวก็ต้องลงมือแย่งอำนาจในการดูแลจวนทันที”
เซียวฮูหยินได้ยิน จึงไม่พอใจอย่างมาก “แย่งอันใดกัน เรียกว่าเอาคืน! ภรรยาเจ้าเป็นน้อยน้อยหญิงของจวนโหวหรือไม่ ในเมื่อเป็นนายน้อยหญิง สมควรที่จะรับผิดชอบในการดูแลจวนหรือไม่ อย่างไรแล้วเฉินฮูหยินก็เป็นแค่อนุภรรยา
จวนโหวที่กว้างใหญ่ให้อนุภรรยาดูแลจวนเหมาะสมหรือ ให้คุณหนูหลิวรับมือต่อเป็นคำสั่งของข้า ข้าในฐานะฮูหยินของจวนโหว จะมอบหมายให้ผู้ใดมาดูแลจวนแทนไม่ได้หรือ”
เหตุผลดีมากแข็งแกร่งมาก ไม่อาจโต้แย้งได้
เยียนอวิ๋นถงลูบหัวด้วยความมึนงง
“แต่ว่าคุณหนูหลิวไม่คุ้นเคยกับจวนโหว เกรงว่าหากนางรับมือจะไม่ราบรื่นนัก”
เซียวฮูหยินส่งเสียงไม่พอใจ “เอาเถิด เรื่องนี้เจ้าเป็นชายก็คงไม่รู้เรื่องนัก รอวันที่คุณหนูหลิวเข้ามา ข้าจะเตือนนาง เชื่อว่านางเป็นสตรีที่ฉลาดเฉลียว รู้ว่าควรทำอย่างไร”
เยียนอวิ๋นถงได้ยิน ใบหน้าแสดงความกลัดกลุ้ม
คุณหนูที่ชอบยังไม่ทันแต่งเข้ามาก็ถูกมอบหมายภารกิจยากเสียแล้ว ลำบากใจเสียจริง
เยียนอวิ๋นเฟยเห็นท่าทางของเขาก็เม้มปากยิ้ม “อวิ๋นถงไม่ต้องกลุ้ม เรื่องภายในจวนเป็นพื้นที่ของสตรี เรื่องแบบนี้เจ้าแทรกแซงไม่ได้ ให้คุณหนูหลิวจัดการเอง นางในฐานะตระกูลหลิวแห่งเหลียงโจว หากคิดจะรับมือกับเฉินฮูหยินคงไม่ใช่เรื่องยาก”
เยียนอวิ๋นถงฉงน “พี่ใหญ่รู้ได้อย่างไรว่านางจะรับมือกับเฉินฮูหยินได้”
“ตระกูลหลิวเหลียงโจวอย่างน้อยก็เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูง ตระกูลเช่นนี้ย่อมต้องอบรมบุตรสาวอย่างตั้งใจ ย่อมคุ้นเคยกับการแย่งชิงอำนาจ!”
เยียนอวิ๋นถงยิ่งฉงน “เหตุใดข้าจึงไม่เห็นพี่ใหญ่ น้องสี่ฝึกฝนการแย่งชิงอำนาจ”
เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา แสดงถึงความไม่สนใจของตนเอง
เยียนอวิ๋นเฟยหัวเราะ “เนื้อหาที่พวกเราศึกษาย่อมไม่มีทางเปิดเผยต่อเจ้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการซึมซับ อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ต้องห่วงคุณหนูหลิว นางไม่อ่อนแอเหมือนที่เจ้าคิด”
เช่นนี้หรือ
เยียนอวิ๋นถงพบว่าตนเองนับวันยิ่งไม่เข้าใจสตรี
สตรีซับซ้อนเกินไป!
เยียนอวิ๋นเกอพูดตามตรง “พี่สองเป็นตาทึ่ม! รู้แต่การนำทัพทำสงคราม เรื่องภายในจวนท่านไม่เคยสนใจ ดังนั้นท่านก็ไม่ต้องกังวลใจ กลัวแต่ว่าท่านจะช่วยให้มันแย่ลง หากท่านอยากช่วยจริง ก่อนอื่นขอความเห็นจากคุณหนูหลิวก่อน เรื่องภายในจวน ท่านเชื่อฟังนางย่อมไม่ผิด”
เยียนอวิ๋นเฟยพยักหน้าระรัว “น้องสี่พูดมีเหตุผล เรื่องเกี่ยวกับสตรี น้องสอง เจ้าจำไว้เพียงข้อเดียว อย่าตัดสินใจเอง หารือกับคุณหนูหลิวให้มาก ทั้งแก้ไขปัญหาได้ ทั้งมีความสันติระหว่างสามีกับภรรยา”
เซียวฮูหยินก็ตักเตือน “อวิ๋นถง พี่ใหญ่กับน้องสี่ของเจ้าล้วนพูดถูกต้อง เจ้าต้องจดจำไว้ในใจ”
เยียนอวิ๋นถงรับปาก “ข้าฟังท่านแม่ เพียงแค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับภายในจวน ข้าจะไม่ตัดสินใจเอง”
“เช่นนี้ย่อมดี!” เซียวฮูหยินพยักหน้าพลันยิ้ม
“เมื่อใดข้าจะได้พบน้องรอง พรุ่งนี้ข้าไปพบนางที่จวนองค์ชายดีหรือไม่” เยียนอวิ๋นถงคิดถึงเยียนอวิ๋นฉี
เซียวฮูหยินส่ายหน้า “อย่ารีบร้อน เจ้าเพิ่งมาเมืองหลวง ปักหลักลงก่อน ทางอวิ๋นฉีข้าจะส่งคนไปบอก ดูว่านางมีความเห็นอย่างไร เด็กยังเล็ก ไม่รู้นางจะยอมพาออกมาหรือไม่”
เยียนอวิ๋นเฟยพูด “อากาศไม่ดี น้องรองอาจไม่ยอมพาเด็กออกมา”
ฝนไม่ตกเป็นเวลานาน ถนนดินแห้งแตก ฝุ่นควันตลบอบอวลเมื่อรถม้าเคลื่อนผ่าน
ไม่มีฝนตกลงมาชำระล้าง กลิ่นบนถนนช่างไม่น่าพิศมัย เรียกได้ว่าสกปรกอย่างมาก
แน่นอน อย่างตรอกผิงอันอันเป็นที่ตั้งของจวนองค์หญิง ตรอกไป๋หม่าอันเป็นที่ตั้งของตระกูลสือ หากอยู่ใกล้กับวังหลวง ท้องถนนย่อมมีคนชำระล้างเป็นประจำ ไม่ต้องกังวลความสะอาด
แต่พื้นที่อื่นในเมืองหลวงคงไม่มี
แห้งแล้ง ขาดน้ำ
ใช้น้ำชำระล้างท้องถนนคงเป็นไปไม่ได้
ถึงแม้ในบ่อน้ำมีน้ำ แม่น้ำในเมืองก็ยังคงไหลหลั่ง แต่ก็ไม่มีผู้ใดจะนำน้ำออกมาชำระล้างถนน
นอกจากถนนหลักหลายสายที่อยู่ใกล้เมืองหลวงแล้ว ถนนส่วนใหญ่ในเมืองหลวงก็ไม่ได้ปูแผ่นหิน
ถนนส่วนใหญ่ยังคงเป็นดินโคลน
เมื่อฝนตก เท้าก็เปื้อนโคลน
เมื่อแห้งแล้ง ท้องถนนก็เต็มไปด้วยฝุ่นควัน
นี่คือเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าเว่ย
เมืองหลวงยังเป็นเช่นนี้ เมืองอื่นย่อมไม่ดีไปกว่าเมืองหลวง
นับแต่มีบุตร เรื่องที่เยียนอวิ๋นฉีกังวลที่สุดก็คือเด็กจะมีอาการปวดหัว ตัวร้อนหรืออุบัติเหตุอื่น
เวลานี้สภาพแวดล้อมในเมืองหลวงไม่ดี เยียนอวิ๋นฉีมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะไม่พาเด็กออกจากจวน
เยียนอวิ๋นถงอยากเห็นหลานสาวตัวน้อยจึงทำได้เพียงไปเยือนจวนองค์ชาย
โชคดีที่องค์ชายสองไม่ทรงงาน อีกทั้งไม่ได้เปิดเผยเจตนาในการแย่งชิงบัลลังก์แม้แต่น้อย
เยียนอวิ๋นถงในฐานะแม่ทัพ อีกทั้งยังเป็นท่านลุงสอง เขาเดินทางไปเยือนจวนองค์ชายสองก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกสงสัย
เซียวฮูหยินเตือนเยียนอวิ๋นถง “เมื่อไปเยือนจวนองค์ชายสองก็พูดจาระมัดระวังหน่อย หากองค์ชายสองถามถึงโยวโจว เจ้าเพียงแค่ทูลเรื่องทั่วไปก็พอ เรื่องเกี่ยวกับค่ายทหาร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ ล้วนไม่อาจเปิดเผยได้แม้แต่คำเดียว เจ้าจำได้หรือไม่”
“ข้าจำได้! ท่านแม่กังวลว่าองค์ชายสองจะหลอกใช้ตระกูลเยียนหรือ”
เซียวฮูหยินพูดด้วยท่าทางจริงจัง “แม้ตระกูลเยียนจะไม่โดดเด่นเพียงใด แต่ก็เป็นตระกูลที่ถือครองอำนาจทางการทหารในพื้นที่หนึ่ง เพียงแค่เกี่ยวข้องกับอำนาจทางการทหารก็ไม่มีเรื่องเล็ก เจ้าจำไว้ ที่นี่คือเมืองหลวง เจ้าจะเหลวไหลไม่ได้ ยิ่งพูดจาเหลวไหลไม่ได้ เพราะคนที่พูดผิดจนต้องเสียชีวิตมีมากมาย เจ้าอย่าเดินตามรอยพวกเขา”
เมื่อเห็นท่านแม่พูดเช่นนี้ เยียนอวิ๋นถงจำเป็นต้องให้ความสำคัญขึ้นมา
เมืองหลวงแห่งนี้ไม่ใช่คนทั่วไปที่จะอยู่ได้
เยียนอวิ๋นฉวนสามารถรับราชการในเมืองหลวงได้ เห็นได้ชัดว่ามีความสามารถไม่น้อย
คนที่มีจิตใจละเอียดรอบคอบก็หมายถึงคนประเภทนี้
เยียนอวิ๋นถงครุ่นคิด ตอนดื่มสุราในยามค่ำคืน เขาจะใช้โอกาสมอมเยียนอวิ๋นฉวน หลอกถามเขาดีหรือไม่
———————————————-