บทที่ 163 ใช้ไปเท่าไหร่แล้ว

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 163 ใช้ไปเท่าไหร่แล้ว?

ในตอนนั้นเอง ที่ปากประตูก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาครู่หนึ่งแล้ว เลขาธิการติดตัวของเจียงมู่หลงพุ่งเข้ามาจากปากประตู กล่าวด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า “เถ้าแก่เจียง ครับ หลี่หยางเขามาแล้วครับ”

หลี่หยาง?

ประธานธนาคารเจียงหนาน

เหตุใดเขาถึงมาที่นี่อย่างไร้เหตุไร้ผลได้?

หลี่หยางมีสถานะเป็นประธานใหญ่ของทั้งธนาคารเจียงหนาน สถานะสูงส่งมากอำนาจ ในยามปกติมีบุคคลโด่งดังนับไม่ถ้วนเรียนเชิญเขาไปรับประทานข้าว ก็อยากที่จะได้รับการอนุญาตจากเขาก่อน การกู้เงินจากธนาคารเจียงหนาน เป็นบุคคลที่ตระกูลร่ำรวยชั้นหนึ่งต่างก็พากันประจบประแจงพรรค์นี้ แล้วเหตุใดถึงมาบริษัทของเขาได้?

ในตอนที่เจียงมู่หลงตระเตรียมที่จะลุกขึ้นต้อนรับนั้นเอง หลี่หยางก็เดินเข้ามาจากปากประตูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางด้านหลังยังมีชายในชุดสูทที่สวมใส่แว่นตาเดินตามมาด้วยเป็นจำนวนมาก รูปร่างสูงโปร่ง เดินเข้ามาในห้องทำงาน

หลังการปรากฏตัวของหลี่หยางและคนกลุ่มนี้ จู่ ๆ บรรยากาศในห้องทำงานก็แปรเปลี่ยนมีความกดดันอย่างไร้เทียบเทียมขึ้นมาทันที

“ประธานหลี่ คุณมาได้อย่างไรครับ?” เจียงมู่หลงผุดลุกขึ้นพลางกล่าว

“ไม่อะไรครับ ที่ผมมาในวันนี้เพราะอยากแนะนำเพื่อนของผมให้คุณรู้จักเสียหน่อย” หลี่หยางกล่าวอย่างราบเรียบ ชี้ไปยังชายชุดสูทหลายคนทางด้านหลังไปมา

“เพื่อนหรือครับ?” สายตาของเจียงมู่หลงมองผ่านไป

การที่หลี่หยางจู่ ๆ ก็มาที่นี่ เพื่อมาแนะนำเพื่อนให้กับเขา? ถึงแม้ว่านี่จะทำให้สมองของเจียงมู่หลงมึนงงสับสนไปหมด ทว่าเขาก็ยังคงเดินขึ้นไปทางด้านหน้า จับมือกับชายเหล่านั้น กล่าวว่า “สวัสดีครับ ผมชื่อเจียงมู่หลง เป็นเถ้าแก่ของสองบริษัทนี้ แล้วยังเป็นประมุขของตระกูลเจียงในตอนนี้ด้วยเหมือนกันครับ รบกวนช่วยสั่งสอนด้วยนะครับ”

“สวัสดีครับ ผมชื่อจางเนด้า คุณเองก็สามารถเรียกผมว่าทนายจางได้เหมือนกันครับ” ชายหนุ่มกล่าว

“ทนายหรือครับ?”

เจียงมู่หลงพลันชะงักนิ่งไปทันที

“ใช่ครับ นี่คือทนายที่ผมเรียนเชิญมา ในเมื่อธนาคารของพวกเราทำลายสัญญาก่อน ที่ต้องการเก็บเงินกู้กลับคืน” หลี่หยางพยักหน้าขึ้นลง น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างมาก “ดังนั้นแล้ว เพื่อให้พวกคุณได้เตรียมใจกันสักหน่อย พวกคุณสามารถดำเนินการฟ้องร้องต่อทนายจางได้นะครับ ในช่วงระยะเวลาต่อจากนี้ไป คนที่จะพบหน้ากันในชั้นศาลนั้น ก็คือเขาแล้ว”

เงินเล็กน้อยนี้สำหรับหลี่หยางแล้ว เป็นเพราะเห็นแก่หน้าตาของมู่เซิ่งถึงให้หยิบยืมออกมาได้ ตอนนี้มู่เซิ่งสั่งการแล้ว เขาย่อมต้องการเงินกลับคืนมาในช่วงเวลาแรกทันทีอยู่แล้ว

พันล้านนี้ เจียงมู่หลงเขาไม่เหมาะที่จะได้ไป!

รอเดี๋ยวนะ ทำลายสัญญาอย่างนั้นหรือ?!

เจียงมู่หลงได้ยินคำนี้เข้าแล้ว ร่างทั้งร่างตะลึงจังงังไปทันที

เดิมเขานึกว่าหลี่หยางมาเพราะต้องการแนะนำเพื่อนให้เขาจริง ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากลับมีเป้าหมายเช่นนี้

ธนาคารทำลายสัญญา ต้องการเงินกู้คืนล่วงหน้า นี่เป็นความผิดของทางฝั่งธนาคารจริง ๆ เขามีข้อตกลง ทั้งก็สามารถฟ้องร้องธนาคารได้เช่นเดียวกัน ทว่านี่คือธนาคารเจียงหนานเลยเชียวนะ ให้ความกล้ากับเขาแค่ไหน เขาเองก็ไม่กล้าทำเช่นนี้เหมือนกัน

ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว หลังได้รับเงินกู้เหล่านี้มาแล้ว เจียงมู่หลงนำออกมาสองร้อยล้านเพื่อให้ครอบครัวของตนใช้จ่ายไปเรียบร้อยแล้ว และยังใช้จ่ายอย่างสบายใจเฉิบอีกต่างหาก เป็นเพราะว่าบนข้อตกลงของเงินเหล่านี้เขียนระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าหลังโครงการเขตซีไห่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จสรรพแล้วค่อยคืนเงินกู้ ตอนนี้ให้เขานำออกมา เขาจะไปนำมันมาจากที่ไหนกันเล่า?

“ประธานหลี่ คุณอย่าล้อเล่นกับผมสิครับ บนข้อตกลงนี้ไม่ได้เขียนระบุเอาไว้อย่างชัดเจนมาก ๆ หรอกหรือครับ?” เจียงมู่หลงเอ่ยถาม

เครือญาติของตระกูลเจียงเหล่านั้นเองก็มีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างก็คิดไม่ถึงกันทั้งสิ้นว่าประธานหลี่จะมาที่นี่ด้วยตนเอง เจรจาต้องการเงินกู้เหล่านั้นกลับคืน แถมยังพากลุ่มทนายเข้ามาอีก ท่วงท่าในการชี้แจง เด็ดขาดไร้เทียบเทียม!

พวกเขาเองก็ได้เงินไปไม่น้อยแล้วเหมือนกันนี่นา เช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรดี?

“ผมไม่ได้ล้อเล่นครับ บนข้อตกลงกล่าวว่าหลังโครงการเขตซีไห่ดำเนินการเสร็จแล้วค่อยคืนเงินกู้ แต่พวกคุณตอนนี้กระทั่งโครงการเขตซีไห่ก็ล้วนไม่มี ผมต้องการเงินกู้คืนครับ มันคงไม่ได้เกินไปหรอกกระมัง?” ประธานหลี่กล่าวอย่างเย็นชา

“ผม ประธานหลี่ กรุณาให้โอกาสผมสักครั้ง ผมต้องได้โครงการเขตซีไห่กลับคืนมาใหม่ได้แน่ครับ!”

เจียงมู่หลงกล่าวอย่างหวาดกลัวตกตะลึง

“ไม่ต้องแล้วครับ คุณเอาคืนมาได้หรือไม่ได้ อย่างไรก็คืนเงินกู้มาก่อนเถอะครับ ธนาคารของพวกเราจะชดเชยตามดุลพินิจให้กับพวกคุณครับ”

ตุ๊บ!

ขาทั้งสองข้างของเจียงมู่หลงพลันอ่อนแรงลงทันที ก่อนจะล้มลงไปกับพื้นโดยตรง

ช่วงระยะเวลานี้ เขาขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเจียงแล้ว สามารถกล่าวได้ว่ามีอำนาจไร้ขอบเขต กระทั่งคิดฝันว่าหลังโครงการเขตซีไห่เสร็จสรรพลงแล้ว ตนก็จะสามารถกลายเป็นผู้นำตระกูลร่ำรวยชั้นหนึ่งได้ ต้องการอำนาจมากแค่ไหนก็มีอำนาจมาเท่านั้น ทว่า ณ ตอนนี้นั้น ฝันหวานเหล่านี้ราวกับเป็นฟองที่ตกกระจายเลยก็ไม่ปาน

ช่วงระยะเวลาก่อนหน้า โครงการเขตซีไห่ถูกเฝิงจงเหลียงเอาไปเสียแล้ว หลังจากนั้นประธานหลี่ก็มาหาเขาอีก การซวยซ้ำซวยซ้อนนี้ ราวกับจัดแจงเป็นอย่างดีแล้วเลยก็ไม่ปาน ผลักเขาให้ตกไปในห้วงลึก

ในใจเขากระทั่งลางสังหรณ์ก็ล้วนมี ว่าในลำดับต่อไปจะต้องเกิดเหตุการณ์สั่นสะเทือนยิ่งกว่านี้อีกแน่

“คุณพ่อครับ ช่วยผมด้วยนะครับ”

เจียงมู่หลงหันไปกล่าววิงวอนต่อเจียงไห่เชา

เจียงไห่เชาทราบว่าในช่วงระยะเวลานี้ตระกูลเจียงใช้เงินหนักเป็นอย่างมาก ทว่าเงินมากมายเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วนั้น เขาเองก็ไม่มีหนทางอื่นแล้วเหมือนกันนะ

“สรุปแล้วลูกใช้เงินไปแล้วเท่าไหร่?” เจียงไห่เชากัดฟันเอ่ยถาม

เจียงมู่หลงโบกมือไปมาอย่างตื่นตระหนก กล่าวว่า “ผมเอามาแล้วสองร้อยล้านครับ ให้คุณแม่ผมไปแล้วครึ่งหนึ่ง”

“ฉัน…สามีคะ ฉันใช้ไปไม่เยอะค่ะ ฉันใช้ไปแล้วเจ็ดสิบล้านกว่าเองค่ะ” สัมผัสได้ถึงสายตาของเจียงไห่เชา เฉินเสว่กล่าวอย่างตื่นตระหนกตกใจ

เจ็ดสิบกว่าล้านหรือ?

ถ้าอย่างนั้นก็สามารถกล่าวได้เหมือนกัน ว่าในช่วงระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ เฉินเสว่เธอเพียงคนเดียว ก็ใช้เงินไปแล้วกว่าเจ็ดสิบล้านหรือ?

เจียงมู่หลงเขาใช้มากกว่านี้อีก กระทั่งหนึ่งส่วนก็ไม่เหลือเลยหรือ?

ได้ยินประโยคคำนี้แล้ว เจียงไห่เชาล้วนรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วอย่างรุนแรง หากไม่มีคนพยุงเอาไว้อยู่แล้วละก็ เกรงว่าเขาคงหัวใจวายจากโลกนี้ไปแล้ว!

เขาทราบว่าใช้ไปแล้วไม่น้อย แต่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าสองคนนี้จะใช้ไปมากขนาดนี้!

“ผมไม่สนใจว่าพวกคุณใช้ไปแล้วเท่าไหร่ ผมให้ยืมออกไปพันล้าน เช่นนั้นย่อมต้องการกลับคืนมาพันล้านครับ” หลี่หยางกล่าวอย่างไร้ความปรานีและความลังเล

ในใจของเจียงมู่หลงพลันหนักอึ้งทันที หลี่หยางในฐานะที่เป็นประธานใหญ่ของธนาคารเจียงหนาน สถานะในตอนนี้เดิมทีไม่ใช่คนที่พวกเขาจะสามารถต่อกรได้เลย หากปฏิบัติต่ออย่างแข็งกระด้าง เกรงว่าทั้งตระกูลเจียงก็ล้วนต้องประสบกับภัยพิบัติอย่างแน่นอน

ทว่า

นี่ใช้เงินไปแล้วมากขนาดนั้น พวกเขามีอย่างที่ไหนที่จะสมทบเงินได้กันเล่า!

“เจียงมู่หลง ทำไมนายใช้เงินไปมากขนาดนั้น นายจะทำร้ายตระกูลเจียงของพวกเราให้ตายหรือ!”

“เสียแรงที่นายยังเป็นผู้นำตระกูลอยู่ สถานการณ์ในตอนนี้ สรุปแล้วนายจะทำอย่างไร? นายไม่ละอายใจต่อพวกเราหรือ?”

“ใช่สิ เดิมนี่ก็เป็นเงินของบริษัท พวกคุณเอาไปมากขนาดนั้นแล้ว เอาผลประโยชน์ส่วนรวมไปใช้ส่วนตัว ตอนนี้ประธานหลี่มาเอาเงิน ฉันจะดูสิว่าพวกคุณจะอธิบายอย่างไร!”

ตระกูลเจียงเป็นเพียงแค่ตระกูลร่ำรวยชั้นสองตระกูลหนึ่งเท่านั้น เครือญาติเหล่านั้นคิดมาเสาะหาผลประโยชน์ในตระกูลเจียง ตอนนี้กำลังเผชิญความยากลำบากใหญ่หลวง พวกเขาต่างก็พากันลุกยืนกันทีละคน เริ่มตำหนิติเตียนเจียงมู่หลง

“หุบปาก ก่อนหน้านี้ตอนเอาเงิน พวกคุณเองก็เอาไปไม่น้อยเหมือนกันนั่นแหละ!” เจียงมู่หลงคำรามอย่างดุร้าย ราวกับสุนัขป่าเถื่อนบ้าคลั่งตัวหนึ่งเลยก็ไม่ปาน

“อันนั้นพวกเราเองก็ได้แค่ไม่กี่ล้านเหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าจะคำนวณบวกกันขึ้นมาแล้ว ก็ไม่มากเท่านายเหมือนกัน!”

“ใช่ เจียงมู่หลง เสียแรงที่นายยังเป็นผู้นำตระกูลอยู่ ความสามารถในการรับผิดชอบสักนิดก็ไม่มี!”

“ตอนนี้เป็นเพราะว่านายพลาดโครงการไปแล้ว ธนาคารก็มาเอาหนี้ถึงหน้าประตูอีก ฉันจะดูสิว่านายจะยังไม่ละอายใจได้อย่างไร! ฉันดูนายแล้ว เดิมทีก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูลเลยด้วยซ้ำ”

เผชิญหน้ากับการซักถามของเจียงมู่หลง เครือญาติตระกูลเจียงเหล่านั้นต่างก็ก่นด่าสาปแช่งกัน

เจียงมู่หลงเป็นผู้นำตระกูลหรือไม่นั้น พวกเขายุ่งด้วยไม่ได้

ขอเพียงแค่ในกระเป๋าของตนเองสามารถขุนเงินได้ ถึงแม้ว่ามู่เซิ่งจะมาเป็นผู้นำตระกูลก็ตาม พวกเขาต่างก็ล้วนยินดีเป็นอย่างมากกันทั้งสิ้น

ทว่าสถานการณ์ ณ ตอนนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าตระกูลเจียงเป็นหมากที่เข้าตาจนหมากหนึ่งแล้ว พวกเขาจะสามารถยอมรับเจียงมู่หลงผู้นำตระกูลผู้นี้ได้อย่างไร?

“พวกคุณ พวกคุณ…”

ข้างหูได้ยินการก่นด่าต่อว่าไม่หยุด มือของเจียงมู่หลงล้วนสั่นเทาไปหมดแล้ว