ตอนที่ 44-1 เชิญค้น

หลี่หมินเฟิงได้วางแผนเอาไว้แล้ว

โดยการให้สาวใช้ที่มีชื่อว่า

จื่อหยาน นำทองคำและโสมแดงที่เขาเตรียมไว้ เอาไปวางไว้ในตำหนักหยวนซีของหลี่เว่ยหยาง

และหากพวกเขาสามารถหามันพบได้ มิว่าหลี่เว่ยหยางจะกล่าวอันใดก็มิมีประโยชน์แล้วในตอนนั้น

การปฏิบัติต่อน้องสาวด้วยวิธีนี้นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่โหดร้ายมาก

แต่ผู้ใดที่สั่งสอนให้นางก้าวขึ้นไปมีความสำคัญในหัวใจของท่านย่าใหญ่?

ในใจของหลี่หมินเฟิงเขาถือว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของตนเองและหลี่จางเล่อผู้ที่เป็นน้องสาวร่วมสายโลหิตเท่านั้น ที่มีความสำคัญกับเขา

ส่วนพี่น้องคนอื่น ๆ นั้น เขาถือว่าเป็นเพียงมดปลวก

แน่นอนว่า มดตัวนี้กล้าที่จะคุกคามผู้ที่เขารัก ดังนั้นจึงต้องชดใช้!

หลี่เว่ยหยางแม้ว่าเจ้าจะรอดชีวิตไปได้ แต่ก็ต้องถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลี่!

หลี่เสี่ยวหรันขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

เว่ยหยางเป็นเพียงบุตรสาวของหยินเหนียงเท่านั้น และครั้งนี้นับว่าเป็นโชคร้ายของนาง

หากนางขโมยสิ่งที่มีค่าของผู้อาวุโสหลี่ไปจริง เขาก็จะจัดการนางด้วยตนเอง

เขากำลังคิดเช่นนี้ ในขณะที่ก้มศีรษะลงเพื่อจิบชาและปล่อยให้หลี่หมินเฟิงดำเนินการต่อไป

ในขณะนี้มีเพียงฮูหยินสามเท่านั้นที่กล่าวอย่างอบอุ่นว่า

“ข้าเชื่อว่า เว่ยหยางเป็นผู้บริสุทธิ์ นางมิใช่คนประเภทนั้น”

หลี่เว่ยหยางหันหน้าไปทางฮูหยินสามผู้เงียบสงบ และยิ้มเล็กน้อย:

“ขอบคุณท่านอาสะใภ้สาม เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ท่านเป็นเพียงผู้เดียวที่เชื่อข้า

ท่านพ่อและท่านแม่ต่างก็คิดว่าข้าเป็นฝ่ายผิด”

หลังจากนั้น นางได้จ้องมองไปยัง

หลี่หมินเฟิง ด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก

“พี่ชายใหญ่ข้าก็เป็นน้องสาวของท่านเหมือนกัน แม้ว่าข้าจะมิได้เกิดจากท่านแม่ใหญ่

แต่ท่านกับข้าต่างก็เป็นสายเลือดเดียวกัน

แล้วเหตุใดท่านจึงปฏิบัติต่อข้าอย่างไร้ความเป็นธรรมเช่นนี้?”

หลี่หมินเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น:

“น้องสาม อย่ากล่าวสิ่งที่ไร้สาระเช่นนี้อีก ข้าจะมิสงสารผู้ที่มิมีสำนึกว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด!”

ถูกหรือผิด? หลี่เว่ยหยางหัวเราะเยาะอยู่ในใจ

หลี่จางเล่อกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า

“น้องสาม สิ่งที่พี่ชายใหญ่ทำนั้นก็เพื่อประโยชน์ของเจ้า”

หลี่เว่ยหยางหันไปทางนางและกล่าวอย่างเย็นชา:

“เพื่อประโยชน์ของข้า เช่นนั้นหรือ?

แล้วเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่า เขาปฏิบัติต่อค่าอย่างอยุติธรรม?

ในโลกนี้จะมีพี่ชายเช่นนี้ได้อย่างไร?

เขาใช้ทุกวิถีทางในการใส่ร้ายน้องสาวของตนเองว่าเป็นขโมย!”

หลี่จางเล่อสะดุ้งและกล่าวอย่างมิแยแสว่า:

“หากน้องสามต้องการที่จะยืนยันว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นนั้นเจ้าควรให้พวกเราเข้าไปตรวจค้นในตำหนักหยวนซี

หากพี่ชายใหญ่ใส่ร้ายเจ้า ข้าจะต้องให้เขาทำพิธีขอขมาเจ้าอย่างแน่นอน”

หลี่หมินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา:

“จางเล่อ เจ้ามิเห็นหรือว่า ตอนนี้น้องสามสำนึกผิดขึ้นมาบ้างแล้ว”

หลี่เหว่ยหยางจ้องมองเขา ขณะที่ได้หัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา

จากนั้นจึงจ้องมองไปยังหลี่เสี่ยวหรันผู้ที่สังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบสงบ

ผู้เป็นบิดาจึงกล่าวอย่างใจเย็นว่า

“ทำอย่างที่เจ้าว่าก็ดีเช่นกัน”

หลี่หมินเฟิงพยักหน้า:

“ท่านพ่อ หากเรื่องนี้สามารถพิสูจน์ความจริงได้ ท่านควรตัดขาดความเป็นพ่อและลูกจากนาง

และต้องไล่ออกจากบ้านตระกูลหลี่ เพื่อที่นางจะได้มิทำลายชื่อเสียงของตระกูลอีกต่อไป”

ฮูหยินสามขมวดคิ้ว ขณะที่กล่าวว่า

“หมินเฟิงเจ้าพูดจาเลอะเทอะเกินไปแล้ว!”

หลี่หมินเฟิงกล่าวอย่างเมินเฉย

“ท่านอาสะใภ้สาม นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเราท่านมิควรออกความคิดเห็น”

จากนั้นฮูหยินสามเสียงอันดังออกมาว่า

“ข้าเป็นส่วนหนึ่งของบ้านตระกูลหลี่ และข้าก็เป็นอาสะใภ้ของเจ้าด้วย

ดังนั้น ข้าจึงสามารถแสดงความคิดเห็นได้ มิใช่หรือ?”

หลี่หมินเฟิงรู้สึกเย็นชา และมิได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ ออกมาอีก

หลี่เว่ยหยางเหลือบมองฮูหยินสามอย่างลึกซึ้ง และดวงตาของนางแฝงไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ

หลังจากนั้น นางได้จ้องมองไปยัง

หลี่เสี่ยวหรัน ขณะที่กล่าวว่า:

“ท่านพ่อ ท่านจะไล่ข้าออกจากบ้านจริง ๆ หรือ?”

หลี่เสี่ยวหรันเหลือบมองนาง และพยักหน้าในท้ายที่สุด:

“เว่ยหยาง หากเจ้าทำผิดจริง พ่อจะไล่เจ้าออกจากบ้านด้วยตนเอง

และจากนี้ไปเจ้าจะมิได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลี่!”

ทุกคนคิดว่าหลี่เว่ยหยางจะตื่นตระหนกด้วยความหวาดกลัว

แต่นางกลับยิ้มอย่างใจเย็น:

“ขโมยตัวจริงคือ ผู้ที่กล่าวหาผู้อื่น มีอันใดที่ข้าต้องกลัว

หากพี่ใหญ่ต้องการจะตรวจค้นตำหนักหยวนซี ก็สามารถดำเนินการได้เลย”