ตอนที่ 329 แข่งพละกำลังกับวัว ตอนที่ 330 มาเองถึงที่

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 329 แข่งพละกำลังกับวัว

หนิวต้าลี่คิดว่าผู้มีพระคุณคนนี้เป็นคนแปลกพิลึกชัดๆ

พละกำลังของนางมหาศาล นั่นเพราะนางเป็นวัว! แล้วยังไม่ใช่วัวธรรมดาๆ แต่เป็นปีศาจวัว!

“ลองดูเท่านั้นเอง ต่อให้บีบมือแหลกข้าก็ไม่โทษเจ้า ไม่ให้เจ้าต้องชดใช้โดยเด็ดขาด” ซ่งอิงสีหน้าจริงจัง

ปกตินางเผชิญหน้าแต่กับคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นหลายต่อหลายครั้งล้วนต้องออมแรงเอาไว้บ้าง หลายเดือนมานี้จึงเคยชินแล้ว แต่แล้วจู่ๆ ก็ได้เจอผู้ที่บ้าระห่ำเช่นเดียวกับหนิวต้าลี่ จึงอยากประลองดูสักตั้งจริงๆ

“ไม่ต้องชดใช้เงินให้นะ?” หนิวต้าลี่ลังเลเล็กน้อย “ท่าน…จะไม่เจ็บจนร้องไห้กระมัง”

เมื่อก่อนนางไม่ทันระวังไปเหยียบเท้าของแม่นางสาวน้อยคนหนึ่ง แม่นางผู้นั้นร้องไห้ไปสองชั่วยาม เกือบทำให้นางคุกเข่าขอโทษกันเลยทีเดียว!

แน่นอนว่า เท้าของคนผู้นั้นตามจริงก็ถูกเหยียบจนบวมเป่งขึ้นมา นางเลยต้องใช้จ่ายเงินของตนเองซื้อยาจำนวนหนึ่งชดใช้ให้คนเขา นับแต่นั้นมานางเดินไปไหนมาไหนล้วนต้องคอยระวัง ด้วยเกรงกลัวว่าจะมีคนไม่ระวังเอาเท้าสอดเข้ามาใต้เท้าของนาง

“ไม่ร้อง ไม่ร้องไห้แน่นอน” ซ่งอิงพูดจบ จ้องมองโต๊ะศิลาที่ลานหน้าบ้าน “มา เรามาประลองกันตรงนี้สักหน่อย”

ซ่งอิงคิดว่าพละกำลังของตัวเองน่าจะไม่เทียบเท่าหนิวต้าลี่ แต่ก็อยากรู้ว่าตนเองจะมีพลังประมาณไหน

หนิวต้าลี่พิรี้พิไร ท้ายที่สุดเห็นซ่งอิงยังคงยืนกรานคำเดิม จึงจิตใจเยือกเย็นไม่หวั่นเกรงขึ้นมาหน่อย นางเดินเข้าไปนั่งลงแล้ววางมือลงบนโต๊ะ “มาสิ!”

รังสีความดุดันแผ่ซ่าน

ซ่งอิงเม้มปาก ขยับข้อมือเล็กน้อย ไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด

ถึงอย่างไรหนิวต้าลี่ก็ยังกังวลใจว่าจะทำซ่งอิงกระดูกหัก ดังนั้นหลังสัมผัสถูกมือที่เรียบบางอย่างนางจึงไม่กล้าออกแรง

เมื่อจับมือหนิวต้าลี่ ซ่งอิงจึงได้ค้นพบว่าแม่นางผู้นี้มองดูค่อนข้างผอมบาง แต่ทั้งเนื้อตัวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ต่อให้เป็นมือนี่ก็ตาม ลูบดูก็สัมผัสถึงความแน่นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แตกต่างกับนิ้วมือเรียวบางของแม่นางสาวน้อยทั่วไปอย่างยิ่ง

สูดลมหายใจเข้าหนึ่งเฮือกใหญ่ ซ่งอิงเริ่มออกแรงผลัก

หนิวต้าลี่ตระหนกตกใจ

ไอ้หยา ผู้มีพระคุณเรี่ยวแรงมหาศาลไม่เบานี่?

หนิวต้าลี่ออกแรงมากขึ้นอีกนิด

หลังซ่งอิงสัมผัสถึงแรงต้าน จึงยืดตัวตรงดิ่ง พยายามคงไว้เช่นเดิมถึงขีดสุด ครั้นยื้อเอาไว้ หนิวต้าลี่ก็งงเป็นไก่ตาแตกเล็กน้อย

พละกำลังนี้แทบจะเทียบเท่าลูกวัวตัวหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ!

หรือว่าผู้มีพระคุณเป็นประเภทเดียวกันกับนาง?

หนิวต้าลี่จ้องซ่งอิงเขม็ง แต่ไม่สังเกตเห็นว่าบนตัวซ่งอิงจะมีกลิ่นไอประเภทเดียวกันเลยสักนิด อีกทั้งไม่ว่าจะมองอย่างไร คนผู้นี้มองดูแล้วก็ผอมแห้งขนาดนี้ แต่พละกำลังมือกำลังเป็นตัวบอกกล่าวนางว่า นางเจอคู่ต่อสู้แล้ว!

หนิวต้าลี่พลันเกิดความรู้สึกอันตรายขึ้นมาเล็กน้อยในใจ

หากนางแพ้แล้ว ผู้มีพระคุณอย่างพี่สาวคนนี้จะรังเกียจที่นางไม่เอาไหนหรือไม่ ถึงเวลาแม้แต่งานพรวนดินก็จะไม่ใช้นางแล้ว เพราะผู้มีพระคุณลงแปลงไร่นาได้ด้วยตนเอง!

พอเป็นเช่นนี้ นางก็ต้องสูญเสียงานน่ะสิ…

นางเป็นวัว กินเก่งมาก ข้ามเขาข้ามน้ำมายังเขตภูเขาของเมืองยงแถบนี้ ไม่ว่าจะกินจะดื่มล้วนแตกต่างกับตอนเป็นเด็กแล้ว ทำให้นางไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังกลายเป็นปีศาจ ก็มีความอยากกินนู่นนี่เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย เช่นนี้จึงจำเป็นต้องหาเงินให้มากๆ เพื่อเลี้ยงปากท้อง…

นึกถึงเงิน หนิวต้าลี่ออกแรงหนักขึ้น

สีหน้าแดงก่ำ หายใจหนักขึ้นเล็กน้อย พละกำลังทั้งหมดล้วนใส่ลงไปที่มือ

ทันใดนั้นซ่งอิงคิดว่าแรงกดทับราวกับภูเขาลูกโตกำลังพุ่งเข้ามาที่ข้อมือของนาง ที่แท้ก็จะถูกบีบจนคล้ายมือจะแหลกแล้วจริงๆ ด้วย

หน้าผากปรากฎหยาดเหงื่ออกมาเล็กน้อย

ขณะคิดจะยอมแพ้ ซ่งอิงนึกถึงสถานการณ์อย่างยามที่ใช้แสงสีทองก่อนหน้านี้ จึงพยายามปรับระดับการหายใจ พยายามลองใช้พละกำลังทั้งตัวรวบรวมไปที่ฝ่ามือ

ยืนหยัดอยู่ได้อีกพักใหญ่

หนิวต้าลี่ตะลึงงันเล็กน้อย คิดว่าตนเองเจอผู้ฝีมือฉมังเข้าแล้ว

“พอแล้ว!” ในที่สุดซ่งอิงก็ส่งเสียงตะโกนขึ้นมา

หนิวต้าลี่รีบชักมือกลับทันที “พี่ใหญ่ ท่านเรี่ยวแรงเยอะดีจริง!”

เมื่อก่อนนางไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้วมนุษย์จะเก่งกาจเพียงนี้ ถ้านางไม่มีแม้แต่ข้อดีหลงเหลือแล้ว จากนี้ยังจะใช้ชีวิตไปวันๆ ได้อีกอย่างไรล่ะ หนิวต้าลี่กระสับกระส่ายขึ้นมาทันที ก้มหน้าก้มตาเศร้าสร้อย มองดูน่าสงสารอย่างยิ่ง

ตอนที่ 330 มาเองถึงที่

มองไปที่ซ่งซึ่งขณะนี้นางกำลังนวดฝ่ามือของตัวเองไม่หยุดอิงอีกครั้ง

บนใจกลางฝ่ามือเกิดรอยประทับรูปมือชัดเจน หากมิใช่เพราะพละกำลังของตัวนางเองก็ไม่เลวเช่นกัน ตอนนี้มือนี่คาดว่าคงใช้การไม่ได้แล้ว

ทั้งหมดนี้เป็นประสิทธิผลจากการกินผลไม้ในช่องว่างระหว่างมิติผลนั้นสินะ แข็งแกร่งเจอแข็งแกร่ง แท้จริงแล้วตนมีเรี่ยวแรงมากกว่าที่จิตนาการไว้ อีกทั้งนางมักรู้สึกว่าเรี่ยวแรงนี้หากฝึกฝนอีก ไม่แน่ว่ายังจะพัฒนาไปได้อีก

แม้แต่…

ซ่งอิงนึกถึงต้นไม้ในช่องว่างระหว่างมิติต้นนั้น

ระยะนี้มันเสมือนสิ่งที่จะตายกำลังฟื้นคืนชีพก็ไม่ปาน ผลิใบอ่อนออกมาจำนวนหนึ่ง

หรือไม่แน่ว่าอาจมีสักวันที่ยังจะออกผลออกมาได้อีก

เพียงแต่…จนถึงตอนนี้ซ่งอิงยังคงไม่เข้าใจว่า ต้นไม้นั้นต้องการแร่ธาตุอะไรในการบำรุงบ้างกันแน่

นางลองใช้น้ำผ่านจิตนั่นรดดู แต่หลังจากรดมัน ใบของต้นไม้ใหญ่นั่นก็แค่มองดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อยเท่านั้น ไม่ได้ผลิใบอ่อนออกมาใหม่แต่อย่างใด

ซ่งอิงแอบคิดว่า คงมีความเกี่ยวข้องกับบรรดาปีศาจเหล่านี้

ไม่ใช่ว่าซ่งอิงให้ความสนใจกับเจ้าดัชนีทองคำนี้เป็นพิเศษ เพียงแต่ค่อนข้างประหลาดใจใคร่รู้ กังวลว่าตนเองอยู่ๆ ไปหลายสิบปีก็ยังทำความเข้าใจเคล็ดลับที่อยู่ในนี้ไม่ได้ กระทั่งนางแก่ตายแล้วเกรงว่าใจดวงนี้จะไม่ยอมปล่อยวางสักเท่าใด

“พี่ใหญ่…ท่าน…ยังจะจ้างข้าพรวนดินอยู่หรือไม่” ขณะซ่งอิงกำลังขบคิด หนิวต้าลี่กล่าวขึ้นมาอย่างกังวลใจไม่เป็นสุข

ซ่งอิงอดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ “แน่นอน แม้ข้าพละกำลังมาก แต่ปกติมีเรื่องต้องทำไม่น้อย ดังนั้นงานส่วนพื้นที่เพาะปลูกทำได้เพียงมอบให้เป็นหน้าที่เจ้า อย่างมากข้าก็เป็นลูกมือคอยช่วยเจ้า”

เจ้าของร่างเติบใหญ่อยู่ในชนบทตั้งแต่เล็ก มีพละกำลังมากน้อยเพียงใดทุกคนล้วนรู้ดีแก่ใจ

ต่อให้ไปเมืองหลวงมาสองปี ก็ไม่ถึงขั้นว่ากลับมาคราเดียวก็กลายเป็นแม่นางสาวน้อยที่เรี่ยวแรงดุจวัวได้

นางเองก็ไม่อาจยับยั้งพละกำลังอันแข็งแกร่งของตนเองได้เช่นกัน เพียงแต่ไม่อยากเอาออกมาแสดงโจ่งแจ้งเท่านั้นเอง

หนิวต้าลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

“บ้านเกิดเจ้าอยู่แถบเมืองยงนี่มิใช่หรือ” ซ่งอิงนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน อดเอ่ยถามไม่ได้

ตามภูเขาซิ่ง เคยได้ยินเพียงว่ามีหมูป่า ไม่เคยได้ยินว่ามีวัวป่าเลย

“จะว่าเช่นนั้นก็มิได้ บ้านที่ข้าอยู่อาศัยห่างไกลทีเดียวเชียว!” หนิวต้าลี่ถอนหายใจ “หลาย…ห้าหกปีก่อนกระมัง มีพ่อค้าที่เดินทางจากใต้จดเหนือซื้อตัวข้าเอามา จากนั้นต่อมาข้าหนีออกมาจากเงื้อมมือพ่อค้า แล้วภายหลังต่อมาอีก…ก็มาลงหลักปักฐานแถวนี้”

พูดตามจริง ตอนนั้นนางยังเป็นลูกวัวป่าตัวน้อยธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง ถูกกักขังอยู่ในกรงแล้วพามาถึงแถบนี้

วันหนึ่งที่ราตรีมืดมิดสายลมพัดแรง นางพังกรงแล้ววิ่งเข้าไปในเขาลึก นับแต่นั้นมาก็เดินวนเวียนอยู่ในเขา เพราะเผชิญประสบการณ์มามากมายตั้งแต่เล็ก ดังนั้นนางจึงมีจิตวิญญาณและสติปัญญาอันชาญฉลาดมากกว่าวัวธรรมดาตัวอื่นๆ ยามที่บรรลุตามเงื่อนไขแห่งธรรมชาติก็กลายรูปลักษณ์เป็นมนุษย์

จะว่าไปก็บังเอิญเช่นกัน วันนั้นที่นางกลายรูปลักษณ์เป็นคนได้เจอชายชราที่จิตใจดีงามมีเมตตาคนหนึ่ง นางช่วยชีวิตชายชราผู้นั้นไว้ ชายชรามีน้ำใจจึงรับนางมาเป็นหลานบุญธรรม สั่งสอนสิ่งต่างๆ ให้นางไว้ไม่น้อย หลังจากนั้นชายชราก็เสียชีวิตไป

หนิวต้าลี่คิดว่าซ่งอิงไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง ดังนั้นยามที่พูดจึงระมัดระวังอย่างยิ่ง

ซ่งอิงไม่เปิดเผยเช่นกันว่าตนรู้แล้ว ตั้งใจว่าจะรอให้หนิวต้าลี่ค้นพบด้วยตนเอง

แต่หนิวต้าลี่โง่จริงๆ

ตอนบ่ายภูตโสมกลับมาก็แล้ว หนิวต้าลี่ยังคงไม่ค้นพบส่วนใดที่แปลกประหลาด

ภูตโสมใช้สายตาแปลกใจมองหนิวต้าลี่ จากนั้นลอบวิ่งมาอยู่ด้านหลังซ่งอิง “ท่านแม่ ข้าไม่ได้มีความสามารถมากมาย นางเป็นปีศาจอันใดน่ะ? เป็นตัวที่พี่กบพากลับมาใช่หรือไม่”

“นางเป็นวัว มาหาเองถึงที่” ซ่งอิงกล่าวอย่างสั้นง่าย

ภูตโสมได้ยินดังกล่าวก็เป็นอันเข้าใจได้ในทันที

มารดาเขาต้องการหวังพึ่งวัวตัวนี้ทำงานเป็นแน่

“ไฉนมันจึงมองข้าไม่ออก” ภูตโสมกล่าวขึ้นอีกครั้ง

“นาง…พบเห็นมนุษย์เยอะ กลับไม่เคยเห็นภูตหรือปีศาจสักตน จึงคิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเป็นโสม” ซ่งอิงกล่าวเชิงคาดเดา

“เช่นนั้นท่านแม่ ท่านไม่ต้องบอกนางนะ! ข้าชอบให้คนอื่นมองข้าเป็นคน!” ภูตโสมดีใจเล็กน้อย หากแม้แต่ปีศาจยังมองเขาไม่ออก เช่นนั้นก็ยืนยันได้ว่าเขาเก็บกลิ่นอายเนื้อตัวเขาได้ดีเยี่ยม จะเรียนรู้การเป็นคนก็ทำได้ง่ายด้วยเช่นกัน!