ตอนที่ 188 ที่นี่ไม่มีใครชื่นชมเสียงร้องของคุณ

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 188 ที่นี่ไม่มีใครชื่นชมเสียงร้องของคุณ

ตอนที่ 188 ที่นี่ไม่มีใครชื่นชมเสียงร้องของคุณ

“เธอเข้าไปในห้องแล้วเหรอ” ซูเถาถาม

“เข้าไปแล้ว และฉันก็เปลี่ยนรหัสผ่านทันทีที่เธอเข้าไป ตอนนี้เธอกำลังร้องโวยวายอยู่ข้างใน” จวงหว่านกล่าวอย่างมีความสุข

ซูเถาพยักหน้ารับรู้ และเมื่อเริ่มมืดจึงโทรหาเหลียงเช่อเพื่อให้เข้าไป ‘ปลอบใจ’เหลียนซา เมื่อเธอลงไปข้างล่าง ก็เห็นสยงไท่ถือไม้กวาดและมองขึ้นไปชั้นบน จากนั้นเขาก็ตกใจมากจนกำลังจะวิ่งหนี

“คุณกำลังทำอะไร” ซูเถาเรียกเขาให้หยุด

สยงไท่ไม่ฟังเลย ราวกับว่าเขาเห็นผีและวิ่งเร็วขึ้นไปอีก

เหลียงเช่อหรี่ตาของเขา และการเคลื่อนไหวจากการหลบหนีของสยงไท่ก็ช้าลงทันที และเขาก็เริ่มเดินในอากาศ

ซูเถาวิ่งไปสองก้าวและจับตัวเขาไว้อย่างง่ายดาย

“เมื่อกี้คุณดูอะไรอยู่”

เหลียงเช่อยกเลิกการใช้พลัง

สยงไท่กลับมาเป็นปกติในทันที เขาหวาดกลัวจึงพูดตะกุกตะกักไม่ต่อเนื่อง

“เถ้าแก่ซู! ทะ…ทำไมแม่มดถึงมาอาศัยอยู่ที่นี่! ผะ…ผมเคยถูกพลังของเธอมาก่อน และผมก็เกือบจะถูกหลอกหะ…ให้ไปร่วมสงคราม ผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ พลังนี้น่ากลัวมาก ในตอนนั้น เธอควบคุมสิ่งที่ผมพูดหรือทำ ราวกับว่าถูกครอบงำ!”

“ทำไมคุณปล่อยให้เธออยู่ที่นี่! เมื่อกี้เธอเห็นผมอยู่ข้างล่าง และพยายามจะควบคุมผมให้ช่วยเธอดึงเชือกลงมาข้างล่าง ผมจะกล้าได้ยังไง”

“คุณเคยถูกเธอควบคุมด้วยเหรอ” ซูเถาถามว่า

สยงไท่มีปมในใจจริง ๆ เขาผงะถอยหลังไปสองก้าว ออกห่างจากอาคารให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วพูดว่า

“ตอนนั้นที่ถานหย่งต้องการต่อสู้แข่งขันกับคุณเรื่องภูเขาผานหลิว แต่เขาไม่มีกำลังพลเพียงพอ เขาจึงขอให้เหลียนซาหลอกให้ผมเข้าร่วมการต่อสู้… เถ้าแก่ซู ผมไม่เคยคิดจะสู้กับคุณเลย ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่กล้า เมื่อก่อนไม่กล้า ตอนนี้ก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปอีก คุณ…คุณยังมีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”

เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะปัสสาวะราดกางเกงด้วยความตกใจ ซูเถาจึงโบกมือให้เขาออกไป

สยงไท่กลัวมากจนไม่กล้ามาที่อาคารหมายเลข 3 อีกเลย คืนนั้นเมื่อเขานอนเขาก็ฝันร้าย เขาฝันว่าเขาถูกควบคุมโดยเหลียนซาอีกครั้ง และไปจัดการกับเถ้าแก่ซู แต่เขาล้มเหลวและถูกแมวดำข่วนเข้าเนื้อ

ซูเถาพาเหลียงเช่อขึ้นไปชั้นบน และทันทีที่ประตูถูกปลดล็อครหัส เธอก็ได้ยินเสียงดนตรีอันไพเราะ หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องอย่างไร้ความรู้สึก ก่อนทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ฟังอีกฝ่ายร้องเพลงอย่างเงียบๆ แล้วถามว่า

“มีเพลงอะไรอีกไหม”

เหลียนซาเบิกตากว้างและถามด้วยความไม่เชื่อ

“คุณ…ไม่ได้รับผลกระทบ?”

หลังจากที่พูดจบ เธอพยายามเกลี้ยกล่อม

“พาฉันออกไปจากที่นี่..”

ซูเถาไม่ไหวติงและมองอีกฝ่ายเงียบ ๆ

หัวใจของเหลียนซาดิ่งลง

“ไม่สิ เหมือนฉันเคยเจอคุณมาก่อนที่ไหนสักแห่ง…คุณคือซูเถาหรือซูเถาจากภูเขาผานหลิว”

ซูเถาปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ

เหลียนซาตกตะลึงไปสองวินาที

“ซูเถา…เถาหยาง ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันว่าแล้วเชียวว่าสภาพแวดล้อมคล้ายกับภูเขาผานหลิว!”

“พูดมาเถอะ ที่คุณขังฉันไว้ที่นี่ต้องการอะไร”

ขณะที่เธอพูด สมองก็สั่งการให้เธอวิ่ง คิดว่าถ้าจะหนีออกจากห้องนี้ เธอควรจะกระโดดออกทางหน้าต่างหรือไม่? ทันใดนั้นก็ได้เสียงซูเถาเอ่ยแผ่วเบา

“อย่าแม้แต่จะคิด แม้ว่าคุณจะหนีออกจากห้องนี้ได้ แต่ก็ไม่สามารถหนีจากเถาหยางได้ ฉันแนะนำให้คุณล้มเลิกความต้องการซะ”

“ฉันมาที่นี่เพื่อบอกคุณบางอย่าง คุณมีสองทางเลือก ทางแรกถ้าคุณไม่ฟัง คุณก็หนีต่อไป แต่สุดท้ายคุณก็ต้องไปตายอยู่ที่มุมหนึ่งของเถาหยางอยู่ดี”

“อย่างที่สอง ฟังฉันนะ อยู่ในห้องนี้กิน ๆ นอน ๆ และเมื่อเราไปที่สถานีเก่า คุณต้องควบคุมถานหย่งและร่วมมือกับฉันเพื่อฆ่าเขา ถ้าฉันเห็นคุณเชื่อฟังและทำประโยชน์ให้ ฉันก็อาจจะปล่อยคุณไป”

เหลียนซาตกตะลึงและพูดไม่ออก นี่เป็นการให้ทางเลือกแก่เธอเหรอ? ! หรือว่าเธอกำลังข่มขู่ตัวเองกันแน่!

ซูเถาลุกขึ้น

“ฉันให้เวลาคุณคิด แต่ระหว่างนี้คุณมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องอาหารการกินเอง ห้องนี้จะตัดน้ำกับไฟฟ้า แล้วก็อย่าพยายามหลอกคนอื่น เพราะว่าที่นี่ไม่มีใครชื่นชมเสียงร้องของคุณเลย”

เหลียงเช่อคว้าเครื่องมือสื่อสารของเหลียนซา และกระเป๋าเดินทางเพียงใบเดียวของเธอด้วยความรอบคอบ และยิ้มให้เธอ

ค่ำคืนกำลังจะมาถึง แต่ห้องที่สวยงามนั้นมืดสนิท

หน้าต่างที่เปิดไว้แต่เดิมก็ถูกล็อคอย่างแน่นหนาเช่นกัน ทำให้เธอถูกแยกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ไม่มีแม้แต่ลมจะพัดเข้ามา

วันรุ่งขึ้นซูเถาได้รับโทรศัพท์จากเหลยสิงและเสียงของเขาฟังดูหงุดหงิดมาก

“ให้ตายเถอะ เราเพิ่งมาถึงเมื่อสองวันก่อน และพบว่าสถานที่ของเราถูกยึดครองโดยใครบางคน หลังจากต่อสู้มาสองวัน ในที่สุดเราก็ขับไล่คนเหล่านั้นออกไปในวันนี้ ผมเลยรีบโทรหาคุณโดยเร็วที่สุด”

ปฏิกิริยาแรกของซูเถาคือเธอกลัวว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเธอจึงถามว่า

“เป็นอะไรมากมั้ย? ทุกคนสบายดีไหม? แล้วคุณเป็นยังไงบ้าง?”

เหลยสิงรู้สึกอบอุ่นตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อถูกถาม น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปทันที

“ผมสบายดี ส่วนต้าจุ่ยและคนอื่น ๆ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย สิ่งที่น่าสังเวชกว่าคือผู้อยู่อาศัยและผู้จัดการบางคนในพื้นที่นั้นเสียชีวิตไปสิบกว่าคน อีกฝ่ายมีมากกว่าเรา ตายไปยี่สิบคน เจ้านายของพวกมันก็โดนผมกัดเหมือนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า ถึงมันจะน่าเสียดายที่ไม่ถูกฆ่าตายแต่บาดแผลลึกขนาดนี้ก็เพียงพอ”

ซูเถาเตือน

“ระวังตัวดี ๆ มิฉะนั้น คุณจะทำให้คนอื่นอิจฉาและเกิดปัญหามากขึ้น

หลังจากได้รับการสั่งสอน เหลยสิงก็รู้สึกสบายใจ

“ได้ ผมจะเตือนต้าจุ่ยว่าพวกเขาต้องระมัดระวัง”

ซูเถาพูดไม่ออก ใครเป็นผู้นำกันแน่?

“ผมจัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้ว คืนนี้ผมจะกลับ เราจะใช้ทางลัดและเราจะกลับไปถึงภายในสามวัน จากนั้นผมจะพาคุณตรงไปที่ถ้ำของถานหย่ง ตกลงไหม?”

ซูเถายิ้มและพูดว่า “อย่ากังวลไป ตอนนี้คุณควรพักผ่อนก่อน ฉันจะรอคุณกลับมา ตอนนี้ฉันจับเหลียนซาได้แล้ว และเธอถูกขังอยู่ที่นี่ เมื่อถึงเวลาให้เธอเป็นเหยื่อล่อถานหย่งออกมา เราจะฆ่าเขาที่ด้านนอกสถานีเก่า แล้วก็ให้คนของคุณบุกเข้าไปในสถานีเก่าเพื่อจับกุมคน”

เหลยสิงตกใจแล้วหัวเราะลั่น

“คุณมีเล่ห์เหลี่ยมดี เหลียนซาคนนี้ไม่สามารถถูกคนธรรมดาจับได้ คุณไม่ได้ถูกพลังของเธอควบคุม เถ้าแก่ซู คุณมีทักษะกี่อย่างที่ผมไม่เคยเห็น”

ซูเถา “เอาล่ะ ถึงคุณจะสบายดี คุณก็ควรพักผ่อนให้เพียงพอและฟื้นฟูพลังของคุณ เมื่อคุณกลับมา ฉันจะเลี้ยงคุณด้วยอาหารมื้อใหญ่ที่พ่อครัวฉินทำ”

“ผมขอนมขวดสองลิตรเย็น ๆ”

“ไม่มีปัญหา”

“ขอบคุณ…”

“ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด”

หลังจากวางสาย จวงหว่านก็เข้ามาและพูดอย่างภาคภูมิใจ

“เหลียนซายอมอ่อนลง ดูเหมือนว่าความมืดคืนนี้ ที่ไม่มีน้ำหรือไฟฟ้าทำให้เธอคิดออก”

ซูเถากล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าคิดออก แต่เธอไม่มีทางเลือกและมันเป็นเพียงเรื่องของเวลาที่จะประนีประนอมกัน จัดการเรื่องน้ำไฟให้เธอ แล้วก็หาคนส่งอาหารที่มีราคาถูกให้เธอทุกวัน เธอต้องไม่ตายเพราะอดอาหาร”

ดังนั้นงานส่งอาหารให้เหลียนซาจึงตกเป็นของสยงไท่ ที่มีตำแหน่งต่ำสุดในเถาหยาง

เมื่อสยงไท่ได้ยินข่าว เขาก็หวาดกลัวจนแทบตาย ร่างกายสั่นเทิ้มและไม่สามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์ได้ กอดขาของชีอวิ๋นหลัน และร้องไห้อย่างขมขื่น

“ผะ…ผะ…ผมจะทำความสะอาดห้องน้ำ ทำความสะอาดบ่อน้ำพุ และทิ้งขยะไปตลอดชีวิต และเหตุผลหลักก็คือ ผมจะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่นี้ไป! ได้โปรดอย่าทิ้งผม อย่าให้ผมไปหายัยแม่มดนั่น! ฮือ”