บทที่ 165 การบริหารเงินสามหมื่นล้าน

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 165 การบริหารเงินสามหมื่นล้าน

ตอนกลางคืน

ในสนามมวยใต้ดินแห่งหนึ่ง

ชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสองคนกำลังตะลุมบอนกันอยู่บนเวที และทางด้านข้างก็มีชายวัยกลางคนจำนวนไม่กระจายยืนล้อมรอบอยู่ สายตาของตื่นเต้นของทุกคนต่างก็ล้วนให้ความสนใจไปบนเวทีประลองกันทั้งสิ้น หลังชายฉกรรจ์ทั้งสองคนแลกหมัดกันแล้ว เสียงโห่ร้องอย่างปลื้มปีติก็ดังขึ้นมาอย่างดุเดือด

นี่เป็นชั้นบ็อกซ์ที่ระดับสูงที่สุดแห่งหนึ่ง สามารถมองเห็นในนั้นผ่านกระจกได้ มองเห็นสถานการณ์บนเวทีประลอง และในชั้นบ็อกซ์ มีมู่เซิ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาล้ำลึกเงียบสงบ

ผลัก!

ตามมาด้วยเสียงชนกระทบอย่างรุนแรงหนึ่งเสียง

หนึ่งในชายฉกรรจ์ถูกชกจนล้มลงไปบนพื้น หลังจากนั้นก็ไม่ส่งเสียงอีกแล้ว

“เฮ ๆ ๆ!”

มองเห็นผลลัพธ์บนเวทีประลองแล้ว เหล่าผู้ชมที่เดิมพันแพ้ชนะเหล่านั้น ทุกคนอย่างก็คำรามกันอย่างปลื้มปีติไร้ที่เปรียบขึ้นมากันทีละคน ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ และเหล่าผู้ชมที่แพ้แล้วเหล่านั้น ออกแรงสะบัดตั๋วในมือลงบนพื้น บันดาลโทสะเป็นอย่างมาก

มู่เซิ่งมองฉากนี้พลางแย้มยิ้มราบเรียบ กล่าวว่า “ดูท่าแล้ว ศักยภาพจากพรสวรรค์ของ เตาจั๋ว นี่ ถือว่าไม่เลวเลยนะครับ”

“การที่ เตาจั๋ว เขาเกินขอบเขตแล้วก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกันครับ เป็นนักชกที่สุดยอดที่สุดที่ผมเคยเห็นมาเลย!”

จางเสวียนหลงยืนอยู่ทางด้านข้าง ทั้งก็กล่าวอย่างปลื้มปีติไร้เทียบเทียมขึ้นมาเช่นกันว่า “คุณชายมู่ครับ คุณไปเสาะหาคนที่สุดยอดคนหนึ่งแบบนี้มาจากที่ไหนหรือครับ? พอเขามาก็กวาดชกชนะยิมมวยใต้ดินของพวกเราทั้งหมด ไม่มีใครล้มได้เลยจริง ๆ!”

ศักยภาพของ เตาจั๋ว นี้ พอมาก็ปลายเป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุดในสนามมวยใต้ดินทั้งสนามทันที พละกำลังมหาศาล ผู้เข้าแข่งขันธรรมดา ๆ เหล่านั้น เดิมทีก็ยื้อเขาเอาไว้ได้แค่ไม่กี่หมัด เป็นเพราะประสบการณ์ประลองไม่มากพอ มู่เซิ่งเองก็มองเห็นจุดนี้แล้วเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงปล่อยให้เขามาตรากตรำในสนามชกใต้ดิน

“คุณชายมู่ครับ ผมรู้สึกว่าช่วงเวลาหลังจากนี้จะสามารถท้าประลองกับสนามมวยของไป๋เมี่ยนเซียวได้แน่ครับ!” จางเสวียนหลงกล่าวอย่างตื่นเต้น

เขากับไป๋เมี่ยนเซียวกำหนดสัดส่วนกันแล้วทั้งเจียงหนาน ถึงแม้ว่าอำนาจของทั้งสองคนจะต่างก็ไม่เป็นสองรองใคร ทว่าทางด้านสนามมวยใต้ดินเช่นนี้ เป็นเพราะว่าไป๋เมี่ยนเซียวมีเฮยยาลูกน้องของเขาอยู่ จึงทำให้จางเสวียนหลงถูกเขากดขี่มาโดยตลอด

ตอนนี้มีเตาจั๋วเข้าร่วมแล้ว เขาเชื่อว่าจะสามารถชนะสนามมวยไป๋เมี่ยนเซียวได้อย่างแน่นอน!

แต่ว่า เตาจั๋วเป็นคนของมู่เซิ่ง ไม่ได้รับการอนุญาตจากมู่เซิ่ง ต่อให้จางเสวียนหลงจะอาจหาญมากแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าให้เตาจั๋วไปเข้าร่วมการแข่งขันแทนเขาได้เหมือนกัน

“ตัวคุณจัดแจงเองเถอะครับ” มู่เซิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ

“ขอบพระคุณครับคุณชายมู่” จางเสวียนหลงพยักหน้าหงึกหงัก ประทับใจจนน้ำตาแทบจะไหล

เป็นในตอนนั้นเอง บอดี้การ์ดหน้าประตูเคาะประตูไปมา กล่าวร้องอยู่ที่ปากประตูว่า “ท่านหลงครับ มีคนชื่อหลี่หยางคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู บอกว่าทำเรื่องราวเสร็จแล้ว ต้องการพบคุณชายมู่ครับ”

“ให้เขาเข้ามาเถอะครับ” มู่เซิ่งกล่าว

ภายใต้การนำทางของบอดี้การ์ด หลี่หยางจึงเดินเข้ามาในห้องแล้ว

สำหรับจางเสวียนหลงที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นั้น หลี่หยางรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก อำนาจใต้ดินของท่านหลงปกคลุมไปครึ่งฟ้าเชียวนะ คนที่สามารถทำให้เขาเคารพนอบน้อมต่อด้วยได้ หลี่หยางนั้นพึ่งจะเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก

“คุณมู่ เรื่องที่คุณให้ผมไปทำเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ”

หลี่หยางเดินเข้ามา กล่าวพูดตรงเข้าประเด็น “ผมได้แจ้งตระกูลเจียงไปเรียบร้อยแล้ว ว่าให้พวกเขาชดเชยเงินกู้คืนภายในสามวัน มิฉะนั้นจะให้พวกเขาไปนั่งสวมชุดนักโทษในคุก เจียงมู่หลงคงจะรวบรวมเงินไม่ได้แน่ ๆ ตอนนี้อาจเตรียมที่จะขายบ้านยืมเงินกันแล้วครับ และบัญชีผู้กู้ยืม ผมให้พวกเขาโอนเข้าบัตรธนาคารของเจียงหว่านแล้วครับ”

“ครับ คุณทำได้ไม่เลวเลยครับ” มู่เซิ่งพยักหน้าขึ้นลง

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนดำเนินการไปตามสิ่งที่เขาคาดเอาไว้ทั้งสิ้น

รอเมื่อถึงยามที่เจียงมู่หลงไม่มีทางเลือก เขาก็จะให้คนออกหน้าออกเงินหลายร้อยล้าน เพื่อกว้านซื้อบริษัทตระกูลเจียง เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ทั้งตระกูลเจียงก็จะมีมู่เซิ่งเพียงคนเดียวที่มีประกาศิต

เขาตกปากรับคำเจียงหว่านมาแล้ว ว่าจะทำให้ทั้งตระกูลเจียงต่างก็คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจียงหว่าน กล่าวขอโทษต่อเธอ

“ไม่ต้องเกรงใจครับ สามารถทำคุณประโยชน์ให้กับคุณมู่ได้ เป็นเกียรติของผมแล้ว” หลี่หยางกล่าวต่อ

“ประธานหลี่ครับ คุณเองก็ช่วยเหลือผมมาสองครั้งแล้วเหมือนกัน ผมไม่ชอบรบกวนคนอื่น เอาแบบนี้ก็แล้วกันครับ คุณแนะนำผลิตภัณฑ์ในการบริหารการเงินมาสักหนึ่งอย่าง ให้ผมสนับสนุนคุณสักหน่อยก็พอแล้วครับ” มู่เซิ่งแย้มยิ้มพลางกล่าว

หลี่หยางทั้งให้กู้ยืม ทั้งไปทวงหนี้ถึงหน้าประตูตระกูลเจียง เรื่องทุกอย่างล้วนกระทำจัดการเองทั้งสิ้น มู่เซิ่งย่อมจะไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เป็นธรรมอยู่แล้ว

“สามารถทำคุณประโยชน์ให้คุณมู่ได้ เป็นเกียรติของผมแล้วครับ” ได้ฟังคำนี้แล้ว ใบหน้าของหลี่หยางแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น กล่าวอย่างเกรงใจ

“โอกาสมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คุณไม่คว้ามันเอาไว้ หลังจากนี้ก็อาจไม่พบอีกแล้วก็ได้นะครับ” มู่เซิ่งกล่าว

“นี่…”

หลี่หยางละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็พยักหน้าขึ้นลง กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณคุณมู่แล้วครับ”

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นประธานธนาคารเจียงหนาน หากผลงานในการทำงานไม่ดี เขาเองก็ไม่สามารถเป็นประธานตรอดไป ย่อมถูกสลับเปลี่ยนเหมือนกับประธานใหญ่ประเทศตงหัวของเมืองเยียนจิงแน่ ลูกค้ารายใหญ่คล้ายมู่เซิ่งเช่นนี้ ยิ่งมีมากย่อมยิ่งดี

“คุณมู่ครับ พวกเราที่นี่มีโครงการบริหารการเงินที่เหมาะสมกับคุณอยู่สามอย่างครับ”

หลี่หยางประคองแว่นตาอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็กล่าวแนะนำ

หลัก ๆ แล้วโครงการสามชนิดนี้มุ่งเป้าไปที่การบริหารจัดการเงิน เริ่มจากโครงการที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ ไปจนถึงค่าตอบแทนสูงที่มีความเสี่ยงสูง โครงการสามอย่างนี้มู่เซิ่งเองก็ไม่ได้ฟังละเอียดนักเหมือนกัน อย่างไรเสียเขาก็แค่คิดอยากที่จะซื้อโครงการบริหารการเงินเพื่อให้หลี่หยางได้รับผลประโยชน์เท่านั้น

เขานิ่งไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นสามอย่างนี้ก็แล้วกันครับ ในทุกโครงการ ผมจะร่วมลงทุนหนึ่งหมื่นล้านเข้าไป”

“หนึ่งหมื่น…ล้านหรือครับ?”

คนอย่างหลี่หยางได้ยินก็ล้วนจังงังไปทั้งหมดแล้ว กระทั่งเขายังสงสัยเลยว่าหูของตนเกิดปัญหาตรงไหนขึ้นหรือเปล่า

แล้วยังให้ถึงหนึ่งหมื่นล้านในทุกโครงการด้วย?

นี่คือสามหมื่นล้านเลยเชียวนะ บวกเงินทุนหมุนเวียนของทั้งธนาคารเจียงหนานกันขึ้นมาแล้ว ทั้งก็ไม่เกินจำนวนนี้ด้วยเหมือนกัน

แม้กระทั่งจางเสวียนหลงเองก็สบตามองมู่เซิ่งอย่างคาดไม่ถึง เขาออกโรงทำคนตกใจมากเกินไปแล้วกระมัง? ต้องทราบด้วยว่าจางเสวียนหลงทุ่มเทมาจนถึงตอนนี้ถึงจะมีครอบครัวของตนเอง มีมูลค่าเต็มที่แค่สามพันล้านกว่า สุดท้ายพอมู่เซิ่งลงมือ ก็ออกมากเช่นนี้เชียวหรือ?

สรุปแล้วเขามีเงินเท่าไหร่กันแน่?

จางเสวียนหลงรู้สึกเพียงแค่ภายในหัวใจเย็นเฉียบเท่านั้น

“ทำไมครับ รู้สึกน้อยไปหรือครับ?” สบตามองหลี่หยางที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มู่เซิ่งจึงแสร้งแย้มยิ้มขึ้นมาพลางกล่าว

“ไม่ ไม่ครับ! คุณมู่ ผมจะทุ่มสุดกำลังบนโครงการทั้งสามอย่างนี้แน่นอนครับ รับประกันว่ากำไลของคุณหนึ่งปีจะถึงหนึ่งร้อยล้าน ไม่สิ สามร้อยล้านครับ!”

หลี่หยางมีปฏิกิริยาตอบรับกลับมาในทันที ก่อนจะตบทรวงอกกล่าวรับประกัน

นี่มันสามหมื่นล้านเลยเชียวนะ!

ถ้าทำได้ดี ไม่ต้องกล่าวถึงประธานธนาคารเมืองเจียงหนาน ถึงแม้ว่าจะเป็นประธานธนาคารมณฑล เขาก็มีโอกาสได้เข้าไปเป็นเช่นเดียวกัน

คนรวย เขาพบเจอคนรวยเข้าแล้ว!

“คุณมู่ หลังจากนี้ถ้าคุณมีเรื่องอะไร รีบสั่งการมาได้ในทันทีเลยนะครับ ผมผู้แซ่หลี่จะทำคุณประโยชน์ให้ได้อย่างแน่นอน” หลี่หยางโค้งคำนับพลางกล่าว

หลี่หยางจากไปด้วยความรู้สึกขอบคุณเปี่ยมล้น รีบกลับไปยังธนาคารทันที สั่งการลงไปให้ลูกน้องของเขาในช่วงระยะเวลานี้ นอกจากตระกูลเจียงแล้ว โครงการกู้ยืมทั้งหมดของตระกูลเจียงก็ล้วนไม่ให้อนุมัติผ่านทั้งสิ้น

ในเมื่อมู่เซิ่งต้องการให้ตระกูลเจียงล้ม

เช่นนั้นสิ่งที่หลี่หยางจะต้องทำ ย่อมเป็นการกัดอย่างรุนแรง!

มิฉะนั้นจะสามารถรับมือกับการลงทุนด้านการเงินสามหมื่นล้านของมู่เซิ่งได้อย่างไร?

“เสวียนหลง ลูกน้องของคุณเยอะ สิ่งของเหล่านี้ยังคงต้องรบกวนคุณไปดู ๆ เสียหน่อยอยู่ดีนะครับ” มู่เซิ่งหมุนกายกลับ ส่งใบแสดงรายการแผ่นหนึ่งออกไปพลางกล่าวอย่างราบเรียบ

บนใบแสดงรายการเหล่านี้ เขียนเกี่ยวกับวัสดุยาที่พิเศษเหล่านั้น วัสดุยาเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่มู่เซิ่งเอามาทำประดิษฐ์ทำยาเม็ดฟื้นฟู เพื่อนำมันมารักษาต้นตอโรคภัยที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายของบิดา ให้ร่างกายของเขาสามารถฟื้นฟูขึ้นมาราวกับพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างแท้จริง

หนึ่งในนั้นมีตะขาบ มู่เซิ่งหามันพบจากในท้องของคุณวิลเลี่ยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วัสดุยาที่เหลือยังคงจำเป็นที่จะต้องรบกวนจางเสวียนหลงให้ไปรวบรวมมา

“ไม่มีปัญหาครับ ผมจะรีบกลับไปสั่งการลงไปทันที”

ท่านหลงพยักหน้าขึ้นลงทันที การรวบรวมสิ่งของ เรื่องนี้เล็กน้อยมาก เดิมไม่ถือว่าเป็นอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ

หลังจากที่เจียงหว่านกับจ้าวหลินตระเตรียมเก็บของไปบ้านญาติฝั่งแม่เสร็จแล้ว เจียงมู่หลงก็แอบมาถึงปากประตูคฤหาสน์เพียงคนเดียวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว