บทที่ 191 ชมละครแสนสนุกแก้เบื่อยามว่าง

สำรับมนตราของชายาอ๋อง

บทที่ 191 ชมละครแสนสนุกแก้เบื่อยามว่าง

ฉินปู้เข่อเม้มปากมองเหยาอี๋ฮวนที่สง่างามดุจสายรุ้งแล้วยกยิ้ม “แม่นางเฉิงได้ยินชัดเจนแล้วหรือยัง ท่านหญิงอี๋ฮวนมีเหตุผลที่ดี อย่างใดอย่างหนึ่งในนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะขับไล่เจ้าออกจากตำหนัก ฉะนั้นการตบหน้าก็ถือว่าเบามากแล้วและเจ้าควรจะขอบคุณเสียด้วยซ้ำ”

ตั้งแต่เฉิงจือเซียงเข้ามาในตำหนัก แม้ว่านางจะไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องเลย แต่นางก็ใช้วิธีของตัวเองเพื่อควบคุมนางสนมเหล่านี้ นอกจากนี้เมื่อนางเผชิญหน้ากับฉินปู้เข่อเมื่อปีที่แล้ว นางก็เห็นว่าเหล่านางสนมในตำหนักไม่ได้กระทำการเคลื่อนไหวมากเกินไป

วันนี้นางถูกตบแต่ไม่มีใครคอยช่วยเหลือจึงย่อมเสียใจและโกรธแค้นเป็นธรรมดา บัดนี้นางเม้มริมฝีปากแน่นและจ้องไปที่เหยาอี๋ฮวนโดยไม่ได้เอ่ยคำใด

เพียะ!

เหยาอี๋ฮวนมองดูดวงตาที่ลุกเป็นไฟของนาง และตบนางอีกครั้งก่อนจะพูดอย่างดูถูก “ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี!”

เฉิงจือเซียงลุกขึ้นกระโจนเข้าไปด้วยใบหน้าที่บวมแดงทั้งสองข้าง และทันใดนั้นนางก็ง้างมือหมายจะทักทายใบหน้าของเหยาอี๋ฮวน

เหยาอี๋ฮวนใกล้ชิดกับทหารของกองทัพจึงได้รับการฝึกหัดตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนที่เฉิงจือเซียงจะใช้มือแตะต้องปลายผมของนางได้ นางก็เหยียดขายาวเตะท้องน้อยของเฉิงจือเซียงสุดแรงจนกระเด็นไป

ทันใดนั้นสถานการณ์ก็กลายเป็นวุ่นวาย ซวงหวนหยุดอยู่หน้าฉินปู้เข่อเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นแตะต้องนาง ขณะที่ฉินปู้เข่อกำลังถือจานผลไม้รับชมละครด้วยความเพลิดเพลินอย่างยิ่ง

ตำหนักไม่ได้มีชีวิตชีวามานานแล้ว ท่านหญิงอี๋ฮวนผู้นี้ทำให้ตื่นเต้นและมีชีวิตชีวายิ่งนัก เจ๋ง!

“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่!”

หมี่โม่หรู่เข้ามาจากประตูลานตำหนักและเห็นสตรีผู้หนึ่งนอนอยู่บนพื้นจากระยะไกล เมื่อเห็นว่าร่างนั้นไม่ใช่ฉินปู้เข่อ เขาก็โล่งใจและก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่

เฉิงจือเซียงที่ล้มลงกับพื้นจับท้องน้อยของนางพลางเงยหน้าขึ้นด้วยน้ำตา และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความคับข้องใจ “ท่านอ๋อง~~”

ให้ตายเถอะ!

ฉินปู้เข่อตกตะลึงกับการกระทำของเฉิงจือเซียง ตอนนี้นางนอนตะแคงอยู่บนพื้นอย่างจงใจเปิดเผยให้เห็นจุดเด่นของนางครึ่งหนึ่งอย่างเต็มตา!

นางตระหนักได้ว่าตนเข้าใจผิดตอนที่บอกว่านางนมโตแต่สมองกลวง ทั้งสมองและหน้าอกของนางช่างน่ากลัวนัก!

หมี่โม่หรู่ไม่แม้แต่จะชายตามองหรือฟังเสียง เขาเดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่และนั่งลงบนเก้าอี้หลัก หลังจากมองพิจารณาฉินปู้เข่ออย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาก็เอนตัวเข้าไปกระซิบข้างหูนางว่า “เจ้าต้องการชมละครสนุกยามว่างหรือ?!”

ฉินปู้เข่อพยักหน้าอย่างจริงจังและส่งสายตามองเขากลับ เพื่อบอกเป็นนัยว่าใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่หม่อมฉันต้องการ

การมองข้ามเพราะความสนิทสนมของทั้งสองทำให้สตรีอื่นอิจฉาตาร้อนขึ้นเล็กน้อย เหยาอี๋ฮวนเหลือบมองเขาและถอนหายใจเย็นชาแผ่วเบา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามฉินปู้เข่อ

ฉินปู้เข่อนั่งตัวตรง ริมฝีปากของนางขยับเล็กน้อยเพื่อพูดด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเท่านั้น “ดูพวกดอกท้อเน่าเหล่านี้ที่มองท่านสิ หากท่านเข้ามาใกล้หม่อมฉันมากกว่านี้ พวกนางคงต้องการจะเขมือบหม่อมฉันทั้งเป็น อยู่ให้ห่างจากหม่อมฉัน!”

หมี่โม่หรู่เหลือบมองนางด้วยความเศร้าใจเล็กน้อย หลังจากเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ในดวงตาของนาง เขาก็แอบถอนหายใจ

ดูเหมือนว่าวันนี้จะต้องแสดงจุดยืนของตัวเอง ไม่อย่างนั้นเห็นทีจะต้องไปนอนที่ห้องอ่านหนังสืออีก อ๋อ ทั้งหมดเป็นเพราะสตรีเหล่านี้นั่นเอง!

หมี่โม่หรู่สุดหล่อบิดตัวเล็กน้อยและพูดอย่างเคร่งขรึม “เกิดอะไรขึ้น?!”

เฉิงจือเซียงรีบคลานไปข้างหน้าพลางสะอื้นไห้อย่างหนัก “ขอความเมตตาด้วยเพคะท่านอ๋อง”

เหยาอี๋ฮวนเหลือบมองคนบนพื้นแล้วมองหมี่โม่หรู่และกล่าวว่า “สตรีผู้นี้ได้กระทำความผิดคือไม่เคารพท่านหญิง และตั้งใจจะมาแทนที่พระชายา อี๋ฮวนเห็นว่าพระชายาไม่สะดวกจึงได้สั่งสอนบทเรียนแทนนางเพคะ”

ฉินปู้เข่อก้มหน้าลงและยิ้มเยาะ ท่านหญิงอี๋ฮวนเองไม่ใช่หรือที่ต้องการเอาชนะและต้องการแทนที่เสียเอง?

ราวกับว่าหมี่โม่หรู่ได้ยินความคิดของฉินปู้เข่อ เขากระแอมเบา ๆ และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านหญิงอี๋ฮวนทำได้ดีแล้ว ส่วนเฉิง… เฉิง…”

“เฉิงจือเซียง” ฉินปู้เข่อให้คำใบ้

หมี่โม่หรู่รับคำตอบแล้วพูดต่อ “ขับไล่เฉิงจือเซียงออกจากตำหนักทันที”

หญิงสาวส่งเสียงคร่ำครวญขอความเมตตา ขณะที่องครักษ์มาลากตัวเฉิงจือเซียงที่นอนอยู่บนพื้นออกไป

เมื่อเหยาอี๋ฮวนเห็นดังนั้น มุมปากของนางก็ยกยิ้มแล้วพูดอย่างมีความสุข “ขอบพระทัยสำหรับคำชมเพคะท่านอ๋อง มันเป็นหน้าที่ของหม่อมฉันที่จะต้องผ่อนคลายความกังวลของท่านอ๋อง และจัดการสวนหลังบ้านหลังจากเข้ามาในตำหนักแล้วเพคะ”

หมี่โม่หรู่ยกยิ้มแล้วชี้ไปยังสตรีที่นั่งตรงข้ามเหยาอี๋ฮวน และพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ในบรรดาสตรีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนี้มีคนใดที่ท่านหญิงอี๋ฮวนไม่ชอบหรือไม่”

“นั่น…” เหยาอี๋ฮวนเงยหน้าขึ้นมองหมี่โม่หรู่ เมื่อนางไม่เห็นวี่แววของความไม่พอใจใด ๆ บนใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้นี้ นางจึงกล้าตอบว่า “พูดตามตรง หม่อมฉันไม่ชอบสตรีทุกคนที่นี่เลยเพคะ!”

“ทุกคนเลยหรือ?!” หมี่โม่หรู่ทวนคำพูดของนางเบา ๆ เขาลากเสียงยาวขึ้นเล็กน้อย

ทันใดนั้นภายในห้องโถงก็เงียบลง มีเพียงเสียง ‘กร๊อบแกร๊บ’ จากการแกะเปลือกถั่วของฉินปู้เข่อ

รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากชายหนุ่มจนเหยาอี๋ฮวนรู้สึกกังวล นางจึงรีบหันไปอธิบาย “หม่อมฉันไม่ได้ไม่ชอบพระชายา หม่อมฉันหมายถึงแค่เหล่านางสนมที่นั่งตรงข้ามเพคะ”

“อ๋อ” หมี่โม่หรู่ตอบกลับอย่างเย็นชา เขาเหลือบมองเหยาอี๋ฮวนที่หางตา และรอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็กว้างขึ้นกว่าเดิม “ในเมื่อท่านหญิงอี๋ฮวนไม่ชอบพวกนาง แล้วข้าควรจะจัดการกับพวกนางอย่างไรดี?!”

รูม่านตาของเหยาอี๋ฮวนขยายใหญ่ขึ้น เผยให้เห็นร่องรอยของความปีติยินดีที่ไม่อาจปกปิดได้อยู่ในดวงตาของนาง ท่านอ๋องกำลังถามความคิดเห็นจากนางอยู่ใช่หรือไม่?!

“หม่อมฉันเห็นว่าเป็นการดีกว่าที่จะขับไล่สตรีเหล่านี้ทุกคนออกจากตำหนักเพราะสตรีในวังย่อมมีค่ามากกว่า แทนที่จะเสียเงินไปกับการเลี้ยงดูสตรีสวะเหล่านี้เพคะ!” เหยาอี๋ฮวนตอบด้วยความทะนงตัวทันที และยังแสดงความปรารถนาภายในของนางโดยไม่ลังเล

หมี่โม่หรู่พยักหน้าด้วยความโล่งอกแล้วพูดเสียงดังว่า “เอาล่ะ! พวกเจ้าคงได้ยินคำขอของท่านหญิงอี๋ฮวนแล้ว และบัดนี้ข้าก็ได้ตอบรับคำขอของท่านหญิงอี๋ฮวนแล้ว โปรดออกจากตำหนักไปด้วยตัวเจ้าเองซะ”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็เกิดเสียงร่ำไห้ในห้องโถงใหญ่ สตรีที่อยู่ตรงหน้าเขาคุกเข่าลงทีละคน และคำนับหมี่โม่หรู่เพื่ออ้อนวอนขอให้เขาคืนชีวิตให้พวกนาง

หมี่โม่หรู่มองเหยาอี๋ฮวนและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้ามอบอำนาจให้เจ้าแล้ว หากเจ้าไม่พอใจและต้องการไล่ใครออกจากตำหนัก ท่านหญิงเหยาอี๋ฮวนจะเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้ให้ข้า”

เหยาอี๋ฮวนระงับความปีติยินดีในใจของนาง ก่อนจะยืนอยู่ตรงหน้าเหล่าสตรีและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “เจ้ามีเวลาสองเค่อในการเก็บข้าวของและออกไปเอง มิฉะนั้นจะถูกโยนออกจากตำหนักเหมือนกับเฉิงจือเซียงเมื่อสักครู่นี้”

เมื่อนางกล่าวเช่นนี้แล้ว องครักษ์หลายคนก็มายืนล้อมอยู่ที่ประตู เหล่าสตรีที่คุกเข่าสะอื้นไห้อยู่บนพื้นลุกขึ้นยืนจ้องเขม็งไปที่เหยาอี๋ฮวนและออกจากห้องโถงใหญ่ด้วยความเกลียดชัง

ในไม่ช้าห้องโถงใหญ่ของสวนชิงอวี้ที่มีเสียงดังก็เงียบลง เหยาอี๋ฮวนหันกลับมาและเดินไปข้างหน้าหมี่โม่หรู่แล้วย่อเข่าลงเล็กน้อย “ท่านอ๋อง สตรีเหล่านี้จะไม่กลับมาแล้วเพคะ”

“อืม” หมี่โม่หรู่ตอบอย่างใจเย็นแล้วย้ายที่นั่งไปข้างฉินปู้เข่อ

“ท่านอ๋องเพคะ เราไปรับประทานอาหารและพักผ่อนที่หอส่วยหยากันดีหรือไม่เพคะ?!”

เหยาอี๋ฮวนพูดต่อเพื่อแสดงอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ท่านอ๋องกำลังปกป้องนางอยู่ และเขาจะขับไล่ผู้หญิงออกจากตำหนักเพราะนางเท่านั้น ซึ่งแสดงว่าท่านอ๋องให้ความสำคัญกับนางในหัวใจของเขา และจะหลงรักนาง

“ซวงหวน สำรับอาหารกลางวันที่สวนชิงอวี้พร้อมแล้วหรือยัง?” หมี่โม่หรู่หันไปด้านข้างเพื่อถามโดยไม่มองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาเลย

ซวงหวนก้าวไปข้างหน้า “กราบทูลท่านอ๋อง เตรียมไว้พร้อมแล้วเพคะ ทุกรายการทำตามสูตรที่ท่านอ๋องประทานมาให้ทั้งหมดเลยเพคะ”

“หลังจากดูละครแสนสนุกยามเช้าจบข้าก็เริ่มหิวแล้ว” หมี่โม่หรู่จับมือฉินปู้เข่อและพูดอย่างอบอุ่นราวกับว่าไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องโถงใหญ่เลย และทำราวกับเหยาอี๋ฮวนตรงหน้าของเขาก็เป็นเหมือนอากาศ

……………………………………………………………………………..