บทที่ 211 อยู่ในการควบคุม

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 211 อยู่ในการควบคุม

สวี่ชิงเดินเข้าบ้าน

ผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาตนนั้นทั้งตัวนอนแผ่หลาอยู่ตรงนั้น เลือดเนื้อทั้งตัวไม่เหลือแล้ว นอกจากศีรษะที่อยู่ครบสมบูรณ์ ก็เหลือเพียงกระดูกเท่านั้น

แต่มันยังไม่ตาย แสงสีแดงทางหนึ่งไหลวนไปบนกระดูกของมัน ประคองชีวิตมันเอาไว้

เห็นได้ชัดว่าเฉินเฟยหยวนมีวิธีพิเศษทำให้มันทนรับความโกรธแค้นของเขาได้ทั้งเป็น ตอนที่สวี่ชิงเดินมา ผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาลืมตา มองสวี่ชิงอย่างไร้ชีวิตชีวา

สวี่ชิงยกมือกดหัวของมัน วิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณปะทุขึ้นทันที ท่ามกลางการสั่นสะท้านของหัวอีกฝ่าย พลังดั้งเดิมที่มากกว่าเดิมถูกดูดซับมาผสานไปในร่างสวี่ชิง

พริบตาต่อมาผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาตายทันที

ในขณะเดียวกัน นอกเมืองหลวงผืนอินทนิล ในสุสานไร้ญาติแห่งหนึ่ง เสียงระเบิดจู่ๆ ก็ปะทุขึ้นมา ผืนดินถูกพลังกลุ่มหนึ่งแยกออก ดินและเศษกระดูกกระเด็นกระจัดกระจาย ชายวัยกลางคนผมเผ้ากระเซะกระเซิงคนหนึ่งเดินออกมาจากในนั้นช้าๆ

หน้าตาของเขาเหี้ยมเกรียม ในดวงตาฉายแววบ้าคลั่ง เพียงแต่ในส่วนลึกของความบ้าคลั่งกลับแฝงไว้ด้วยความกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อน

“แต่ละคนล้วนโรคจิตทั้งนั้น!”

ชายตัวใหญ่กำยำก็คือผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาที่ได้ชื่อว่าเป็นอมตะนั่นเอง!

ส่วนร่างนี้ก่อนหน้านี้เขาก็จ่ายค่าตอบแทนบางอย่าง หล่อเลี้ยงเอาไว้ล่วงหน้า ทั้งยังให้เขาหลับลึกจนมาถึงตอนนี้ ร่างค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ทำให้พลังบำเพ็ญระดับไฟชีวิตสามดวงสามารถสำแดงออกมาได้โดยสมบูรณ์

เดิมเขาไม่คิดจะใช้ร่างนี้ เพราะหากร่างนี้ตาย เขาก็จะได้รับผลกระทบไปด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้เขาอับจนหนทาง

ทว่าก็ไม่กล้าอยู่ในเมืองแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นในแปดตระกูลหรือจะเป็นข้างนอกเขาล้วนรู้สึกว่าอันตรายมาก การตามไล่ฆ่าของอีกฝ่ายอย่างเอาเป็นเอาตายทำให้เขาใจสั่นสะท้าน โดยเฉพาะความแปลกประหลาดต่างๆ เหล่านั้น ยิ่งทำให้เขาเกิดความรู้สึกอันตรายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

และพลังแปลกประหลาดนั่น ในระดับหนึ่งดูแล้วก็คล้ายกับเขามาก นี่ทำให้ผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาตนนี้สัมผัสได้ถึงความรู้สึกในใจของคนที่ตัวเองแอบลอบสังหารเหล่านั้น

มีอยู่ทั่วทุกที่!

คิดถึงตรงนี้ ชายร่างกำยำคนนี้ก็ตัวสั่นงันงก หันมองรอบๆ อย่างรวดเร็ว มั่นใจว่าที่นี่ห่างจากขอบเขตของเมืองหลวงผืนอินทนิลแล้ว เป็นขอบเขตสูงสุดของพลังตัวเอง เขาถึงได้โล่งใจ

“ครั้งนี้น่าจะตามมาไม่เร็วแบบนั้นแล้ว โดยเฉพาะระยะขนาดนี้ ข้ามีโอกาสสูงมากที่จะหนีออกไปได้”

เขากระทั่งว่าจนถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ตัวตนของอีกฝ่าย ตอนนี้สีหน้าเคร่งเครียด หันหลังหนีไปอย่างรวดเร็ว ถึงขั้นว่าเปิดไฟชีวิตเข้าสู่สภาวะแสงนภา ทำให้ความเร็วของตัวเองเร็วขึ้น

“ครั้งแรกหลังจากที่ตาย เขาใช้เวลาหาข้าหนึ่งคืน ครั้งที่สองหนึ่งชั่วยาม ครั้งที่สามครึ่งชั่วยาม…”

หลังจากหนึ่งก้านธูป ชายกำยำเผ่าพรางมารยาคนนี้ที่กำลังห้อตะบึงก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ในตอนที่หันหน้ามา เขาก็มองเห็นที่สายรุ้งยาวทางหนึ่งที่ปลายขอบฟ้าไกล มาพร้อมด้วยพลังน่าครั่นคร้าม กำลังพุ่งมาหาเขาอย่างรวดเร็วทางนี้

เงาร่างในสายรุ้งเป็นชายกลางคน ในร่างเหมือนมีเตาหลอมยักษ์กำลังลุกไหม้ พลังสะเทือนไปทั่วแปดทิศ คล้ายว่าจะสยบทุกสรรพสิ่ง

ต่อให้ด้วยพลังบำเพ็ญไฟชีวิตสามดวงของเขา ตอนนี้มองไปเพียงแวบเดียวดวงตาทั้งสองก็ยังเจ็บปวด

“เร็วขนาดนี้เชียว!”

ความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้ชายกำยำสูดลมหายใจ ก่อนหน้านี้เขาเคยวิเคราะห์สวี่ชิง แต่ตอนนี้ดูแล้ว เขาพบว่าทุกอย่างที่เคยวิเคราะห์ไม่แม่นยำ

พลังที่อีกฝ่ายสำแดงออกมาตอนนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเหนือกว่าไฟชีวิตสามดวง นั่นคือ…

“ไฟชีวิตสี่ดวงหรือ”

ชายกำยำคนนี้เหงื่อผุดที่หน้าผาก เผาไหม้ไฟชีวิตสามดวงในกายสุดกำลังอย่างไม่ลังเล ความเร็วของตัวเองปะทุพุ่งขึ้นทันที ห้อตะบึงอย่างบ้าคลั่งไปยังที่ไกล

เขามองไม่ผิด สวี่ชิงที่ไล่ตามมามีพลังไฟชีวิตสี่ดวงจริงๆ!

การจุดตะเกียงแห่งชีวิตทำให้สวี่ชิงมีกำลังรบไฟชีวิตสองดวง จากการลุกโหมของไฟชีวิตดวงที่สอง กำลังรบของเขาก็ถึงระดับไฟชีวิตสามดวง เมื่อรวมกับการเพิ่มพลังกายเนื้อจากวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ กำลังรบของเขาย่อมเทียบได้กระทั่งระดับไฟชีวิตสี่ดวง!

และเหตุที่ทำให้ไล่ตามมาได้เร็วขนาดนี้ก็เพราะสวี่ชิงในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เจ้าเงามาชี้นำทิศทางแล้ว

จากพลังดั้งเดิมที่วิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณกัดกินแล้วผสานไปในร่างกายสวี่ชิง ในการรับรู้ของสวี่ชิง ผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาคนนั้นก็เหมือนคบไฟในราตรีมืดมิด ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นในพริบตาที่อีกฝ่ายฟื้นคืนชีพ เขาก็ค้นพบแล้ว พุ่งมาอย่างเร็วรี่ จึงมาถึงที่นี่ภายในหนึ่งก้านธูปได้

ตอนนี้ ในเสี้ยวพริบตาที่เห็นอีกฝ่าย จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงรุนแรง พุ่งออกไปทันที

ความเร็วนั้น ทุกอย่างในสายตาของเขาล้วนช้าเนิบ ความเร็วของชายกำยำก็เช่นกัน เพียงพริบตาสวี่ชิงก็มาถึงข้างหน้า แล้วซัดฝ่ามือหนึ่งลงมาทันที

ท่ามกลางเสียงสนั่นหวั่นไหว ชายกำยำคนนั้นก็กระอักเลือดสดออกมา ร่างเหมือนว่าวสายป่านขาด ถูกตบลงมาบนพื้นอย่างรุนแรง

พื้นดังสนั่นหวั่นไหว เป็นหลุมลงไป ชายกำยำคนนี้อยู่ในหลุมเพิ่งจะปีนขึ้นมา ร่างของสวี่ชิงก็มาถึงแล้ว เข่ากระแทกไปที่หน้าอกของเขาทันที

ชายกำยำกระอักเลือดอีกครั้ง ในตอนที่ร่างม้วนไปข้างหลัง สวี่ชิงก็ประชิดมา ในดวงตาแฝงความเคียดแค้น กริชปรากฏขึ้นในมือขวา จ้วงแทงมา

จากนั้นก็ครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ หลังจากแทงไปติดๆ เจ็ดครั้ง เขาก็พลันเฉือนไป แขนขวาของชายกำยำคนนี้ถูกตัดขาดทันที จากนั้นหน้าผากก็โขกลงมาอย่างรุนแรง

ชายกำยำร้องโหยหวน กระโหลกแตกเป็นเสี่ยง สภาพยับเยินชวนสังเวชไปทั้งตัว พลังไฟชีวิตสามดวงอยู่ต่อหน้าสวี่ชิงกลับไม่มีความเป็นไปได้ที่จะโต้กลับเลย ความตื่นตระหนกและหวาดกลัวในดวงตาก็ล้วนถึงขีดสูงสุดแล้ว

สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่ง เงยหน้าคำราม ในเสี้ยวขณะที่สวี่ชิงเข้ามาใกล้ก็พุ่งตัวขึ้นไป ไฟชีวิตในกายจะระเบิดสังหารตัวเอง

แต่กลิ่นอายระเบิดสังหารตัวเองยังไม่ทันจะแผ่ออกมา เจ้าเงาที่ผสานไปในร่างของเขาตั้งนานแล้วก็พุ่งไปที่ไฟชีวิตทั้งสามดวง

เพียงพริบตา ภูเขาไฟในร่างของชายร่างใหญ่ก็มอดดับทันที

ร่างของเขาถูกบังคับตัดขาดจากสภาวะแสงนภา เกิดเป็นพลังย้อนกลับอย่างมหาศาล ทำให้ทั่วร่างของเขาส่งเสียงบึ้มๆ ช่องเวทหลายช่องแตกสลาย

ทั้งคนเลือดเนื้อเละเทะ ร่วงลงสู่พื้นดิน

ความหวาดกลัวในดวงตาของเขายิ่งรุนแรงขึ้น เหมือนเดาได้ถึงความทรมานที่ตนจะได้รับหลังจากนี้ เขาตวัดมือขวาที่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังสามารถขยับได้ ซัดมาที่หน้าผากหวังจะฆ่าตัวตาย

แต่เหล็กแหลมสีดำก็พุ่งมาถึงในพริบตา แทงทะลุมือขวาที่ยกขึ้นมาของเขา

ทำให้ในขณะเดียวกับที่เขาไม่สามารถฆ่าตัวตายได้ สวี่ชิงก็มาถึงอีกครั้ง ในดวงตาจิตสังหารลอยเอ่อ ข้างหลังมีเสียงดังเลื่อนลั่น วิหคทองปรากฏออกมาในขณะที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าก็พุ่งมาดูดซับเขาทางนั้น

ผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่งไปทั้งตัว เสี้ยวพริบตาที่จิตใจถูกสั่นคลอน เลือดลมทั่วร่างระเบิดออกมา ยิ่งมีพลังดั้งเดิมแฝงอยู่ในนั้น ถูกวิหคทองกลืนกินลงไป

จากนั้นสิ่งที่ปะทะหน้ามาคือนิ้วของสวี่ชิงที่แทงเข้าไปในดวงตาของเขา บดขยี้ดวงตาแหลกเละ ทำลายศีรษะ

ในเสี้ยวขณะก่อนตาย เสียงที่สำหรับเขาแล้วเหมือนฝันร้ายก็ดังมาอย่างสงบนิ่งที่ข้างหูเขา

“อย่ารีบเฉลยข้าเร็วแบบนั้น ข้ายังอยากเล่นอีกหลายๆ ครั้ง พวกเรา…อีกเดี๋ยวเจอกัน”

เสี้ยวขณะต่อมา ในป่ารกร้างแห่งหนึ่งนอกเมืองหลวงผืนอินทนิล กระต่ายตัวหนึ่งพลันกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง พุ่งตรงไปที่ไกลโดยไม่สนค่าตอบแทน

แต่เพียงครึ่งก้านธูป บนท้องฟ้าก็มีจุดดำจุดหนึ่งปรากฏขึ้น ความเร็วของจุดดำนี้น่าตื่นตะลึงนัก มันพุ่งตรงไปหากระต่าย

นั่นคืออีแร้งตัวหนึ่ง มันเข้าไปใกล้ทันที ไม่ได้จับ แต่ใช้หัวกระแทกไปที่ตัวกระต่าย ทำให้กระต่ายเลือดเนื้อแหลกเละ ก่อนที่จะตายตกไปตามกัน ในตัวอีกแร้งก็ส่งเสียงหัวเราะคิกๆ ออกมา

“สวัสดี”

กระต่ายตาย

เพียงพริบตา อีกที่หนึ่ง งูตัวหนึ่งเลื้อยอยู่บนต้นไม้แแห้งช้าๆ

แต่ไม่ถึงครึ่งก้านธูป เหล็กแหลมดำแท่งหนึ่งก็พุ่งมาอย่างรวดเร็วจากที่ไกล แทงทะลุงูตัวนี้ ปักมันไว้บนพื้น

ก่อนที่งูตัวนี้ตาย ในดวงตายังมีความกลัวหลงเหลือ จากนั้น บนท้องฟ้าไกล เหยี่ยวที่บินผ่านมาตัวหนึ่งก็พลันหยุดชะงัก แล้วกระพือปีกเร่งความเร็ว

แต่สิ่งที่รอมันอยู่คือการปรากฏขึ้นและการกลืนกินของวิหคทอง

และเวลาต่อจากนั้น บนพื้นที่รกร้างผืนนี้ ภาพเช่นนี้ก็ปรากฏขึ้นอยู่ตลอด

แม้ผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาตนนี้จะสำแดงพรสวรรค์ของตัวเองจนถึงขีดจำกัดสูงสุด ใช้ร่างสิงร่างแล้วร่างเล่า พยายามจะหลบหนีไปแล้วก็ตาม

แต่สิ่งที่รอเขา ถ้าไม่ใช่เหล็กแหลมสีดำที่จู่ๆ ก็พุ่งมา ก็เป็นสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่ถูกสิงเหมือนกับเขา ไม่ก็เจอเข้ากับสวี่ชิงโดยตรงเลย

ทุกอย่างนี้ทำให้จิตใจของเขาแตกสลาย และการตายครั้งแล้วครั้งเล่า สำหรับเขาเดิมก็เป็นการผลาญพลัง แม้การเผาพลาญพลังไม่มาก แต่ก็ทนกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนครั้งไม่ไหวเช่นกัน

โดยเฉพาะเมื่อเผชิญหน้ากับสวี่ชิง ทุกครั้งที่เขาตายล้วนรู้สึกว่าตัวเองมีของสำคัญอะไรบางอย่างหายไป จวบจนสุดท้ายเขาไปสิงอยู่ในหมาป่าตัวหนึ่ง ก็พบว่าไม่สามารถหลอมเป็นหนึ่งได้ในทันที และเมื่อหลังจากที่เกิดอุปสรรคเล็กน้อย เขาก็ลนลานแล้ว

‘เขากำลังดูดซับพรสวรรค์ของข้า!!’

การค้นพบนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาจิตใจเกิดคลื่นยักษ์ซัดถาโถม

ดังนั้นเมื่อถูกสวี่ชิงจับอีกครั้ง ในเสี้ยวพริบตาที่กำลังจะถูกเขาดูดซับ มันก็ส่งเสียงออกมาอย่างร้อนรน

“อย่างมากสามครั้งข้าก็จะตายโดยสมบูรณ์ หากข้าตาย เจ้าจะหาผู้บำเพ็ญที่อยู่เบื้องหลังไม่เจอ!!”

สิ่งที่ปะทะมาคือฝ่ามือของสวี่ชิง

เสียงบึ้มดังขึ้น หมาป่าตัวนี้ระเบิดแหลก ก่อนตาย พลังดั้งเดิมกลุ่มหนึ่งถูกวิหคทองดูดซับไป

หลังจากสามสิบอึดใจ บนท้องฟ้า อีกาตัวหนึ่งบินมาอย่างรวดเร็ว อ้าปากส่งเสียงออกมา

“เจ้าเป็นคนของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ข้าสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นพลังเคล็ดวิชาของเจ้า ข้าจะบอกผู้บำเพ็ญที่อยู่เบื้องหลังก็ได้ แต่ข้าต้องพบนายท่านหก ข้าจะบอกเขาเท่านั้น!!”

เพียงพริบตา เหล็กแหลมสีดำก็พุ่งทะลุผ่านไป สวี่ชิงมองซากอีกาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ หลังจากก้มหน้าสัมผัสรับรู้ ก็พุ่งไปที่พื้น ขาขวาเหยียบลงไปบนพื้นอย่างโหดเหี้ยม ทันใดนั้นผืนดินก็แยกออกเกิดเป็นรอยแยก และเผยให้เห็นตัวนิ่มตัวหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในนั้น

ตัวนิ่มตัวนี้สั่นสะท้านทันที สายตาฉายแววสิ้นหวัง ส่งจิตเทพออกมาอย่างบ้าคลั่ง

“เอาสิ ฆ่าข้าให้ตาย ข้าตายไปเจ้าอย่าได้คิดที่จะรู้คำตอบ พาข้าไปสำนักเจ็ดเนตรโลหิต พาข้าไปพบนายท่านหก ข้าจะบอกเขาเท่านั้น!!”

สวี่ชิงยกมือขวาขึ้น แล้วซัดลงมาทันที

ตัวนิ่มตัวนั้นสีหน้าบ้าคลั่ง แม้จิตใจจะแหลกสลาย วิกฤตความเป็นตายปกคลุมมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่มันก็ยังคงไม่เปิดปาก

จวบจนเสี้ยวพริบตาต่อมา ฝ่ามือของสวี่ชิงหยุดชะงัก หิ้วมันเอาไว้ จ่อไว้ข้างหน้า จับจ้องอย่างเย็นชา

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงก็ดึงสายตากลับมา หิ้วตัวนิ่มตัวนี้เอาไว้พลางเดินไปยังจุดส่งข้ามที่นายกองเปิดให้เขาโดยเฉพาะ ที่นั่นไม่ไกลจากที่นี่ ไม่นานนักสวี่ชิงก็มาถึง

ที่นี่เป็นหุบเขาแห่งหนึ่ง สวี่ชิงเดินเข้าไปด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ที่นี่เป็นค่ายกลส่งข้ามร้าง ตอนนี้ยืนอยู่บนค่ายกล สวี่ชิงหยิบป้ายฐานะออกมา ประทับไปบนนั้น รออย่างเงียบๆ

ไม่นานนัก ค่ายกลส่งข้ามของที่นี่ก็พลันสาดประกายแสง การส่งข้ามโคจรขึ้น

แต่ในชั่วเสี้ยวพริบตาที่ค่ายกลโคจรขึ้น ตัวนิ่มในมือสวี่ชิงจู่ๆ ก็สะท้านเฮือก ตัวแห้งเหี่ยวทันใด ตายไปในทันที และในขณะเดียวกับที่มันตาย แสงค่ายกลส่งข้ามก็ส่องกะพริบ เหมือนการส่งข้ามเกิดขึ้น มีคนส่งข้ามจากไปก่อนสวี่ชิง

เป็นผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยาตนนั้น เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้มันเล่นเล่ห์ เป้าหมายคืออาศัยการค่ายกลของสวี่ชิงตรงนี้โคจรขึ้น ใช้วิธีพิเศษหลบหนีไปไกล

อีกทั้งยังไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไร ทำให้ตำแหน่งของการส่งข้ามของมันรางเลือน คนนอกไม่อาจรู้สถานที่ที่แม่นยำได้

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง แสงส่งข้ามก็หายไป สวี่ชิงยังคงอยู่ในนั้น

ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหนีไปแล้ว แต่สีหน้าสวี่ชิงกลับไม่มีร่องรอยความแปลกใจเลยสักนิด และไม่ได้มีรอยเดือดดาลโกรธแค้นใดๆ สายตาของเขาสงบนิ่ง เขาก้มมองซากตัวนิ่มในมือ โยนมันทิ้งข้างๆ

จากนั้นก็หลับตาสัมผัสเล็กน้อย ครู่หนึ่งเขาก็ลืมตาขึ้น ในดวงตาเผยประกายล้ำลึกกลุ่มหนึ่งออกมา

“ข้ารีบ หวังว่าเจ้าจะไปเจอคนที่อยากเจอเร็วขึ้นหน่อย”