ในโลกบรรพกาลนี้ มีคนไม่มากนักที่รู้จักนาง แม้ว่ายุงเลือดเหล่านั้นจะถูกเปิดเผย พวกมันก็จะถือว่าเป็นทักษะเวทประเภทหนึ่งเท่านั้น
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรู้ดีว่านางซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หากนางเปิดเผยตัวเอง นางจะสูญเสียคุณค่าส่วนใหญ่ของนางไป
ในเวลานี้นางต้องดูการต่อสู้ของสำนักตู้เซียน
หากมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น การมาถึงของปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเพื่อช่วยสำนักเซียน นางก็จะทำลายวิญญาณเหล่าเซียนจินทั้งสาม และใช้ร่างกายของพวกเขาเป็นของขวัญให้กับ สำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ย…
แผนการนี้น่าสนใจมากกว่าการต่อสู้และการฆ่า
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเปิดเผยรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์และน่าหลงใหลในขณะที่ปีศาจสาวใช้สองคนที่อยู่ข้างๆ นางได้แต่ก้มหน้าหน้าลงเพราะไม่กล้ามองนาง
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงเริ่มชมการแสดง บัดนี้ ห้าเซียนจินกำลังต่อสู้กันอยู่
และการต่อสู้ในระหว่างเซียนจินและเซียนเทียนก็ดึงดูดความสนใจของนางมาโดยตลอด
สำหรับนางแล้ว เซียนเสิ่นก็ไม่ต่างจากผู้บำเพ็ญที่ยังไม่กลายเป็นเซียน พวกเขาน่าเบื่อ ซ้ำซากจำเจ และธรรมดามาก
นางรู้สึกว่าการชมการต่อสู้ของเซียนจินนั้นน่าสนใจมากกว่า และนั่นทำให้ผู้บำเพ็ญเหวินจิงหิวมาก
เมื่อหลี่ฉางโซ่วแอบใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อโจมตีระลอกแรก เขาได้สังหารเซียนเสิ่นกว่าแปดสิบคนและบาดเจ็บกว่าร้อยคน ทำให้สถานการณ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายพลิกกลับไปได้ในระดับหนึ่ง
ความสมดุลแห่งชัยชนะและความพ่ายแพ้ได้ทรงตัวชั่วคราว
หือ? เกิดอะไรขึ้นด้านล่าง
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงสำรวจบริเวณใกล้เคียงโดยรอบของยอดเขาพิชิตสวรรค์ และริมฝีปากของนางก็หยักเป็นรอยยิ้มเหยียดหยาม
หุ่นเชิดที่นางเก็บได้ชั่วคราวเหล่านี้ไร้ประโยชน์จริงๆ พวกมันกำลังจะถูกฝ่ายตรงข้ามทำร้ายได้อีกครั้ง!
ช่างมันเถิด สำนักตู้เซียน คงไม่ถูกทำลายในการต่อสู้ครั้งนี้…
หากยังล่าช้าไป พลังดอกบัวโลหิตในเซียนจินเหว่ยทั้งสามก็จะถูกกลืนกินไปเช่นกัน
หากยังดำเนินต่อไป พลังของดอกบัวโลหิตในร่างของเซียนจินเหว่ยทั้งสามก็จะหมดสิ้นลงจริงๆ
เหอะ หากศิษย์ของพวกเขาโจมตี สำนักตู้เซียนเล็ก ๆ ก็จะหายไปในทันที…
ใช่แล้ว ว่าแต่เหล่าศิษย์ของสำนักตู้เซียนหายไปที่ใดกัน
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงงุนงงเล็กน้อย นางสังเกตขึ้นๆ ลงๆ ชั่วขณะหนึ่ง และในไม่ช้าก็แค่นเสียงเยาะเย้ยออกมา
มีเศษของพลังวิญญาณบางส่วนอยู่ในเส้นชีพจรวิญญาณปฐพี ดูเหมือนว่าจะเป็น…ค่ายกลเคลื่อนย้ายเส้นชีพจรปฐพี?
พวกเขาหนีไปทางทิศตะวันออกใช่หรือไม่
เจ้าคิดว่าจะซ่อนตัวจากราชินีอย่างข้าได้หรือ
เนื่องจากข้าไม่สามารถทำลายสำนักของท่านได้ ดังนั้นการสังหารศิษย์ของท่านก็น่าจะมีผลดีเช่นกัน…
ผลที่ตามมาจะต้องน่าสนใจมากอย่างแน่นอน
หากนางเริ่มควบคุมและติดต่อกับหุ่นพวกนั้นในตอนนี้ นางก็จะเปิดเผยตัวเองในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้บำเพ็ญเหวินจิงรู้สึกตื่นเต้นและตัดสินใจที่จะเสี่ยงเล็กน้อย
…
บริเวณที่ใกล้กับยอดเขาพิชิตสวรรค์ของสำนักตู้เซียน ที่ซึ่งเหล่าเซียนนับพันกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในขณะนั้น ร่องรอยของอักขระเต๋าก็ได้ลงมาและตกลงมาบนหุ่นเชิดยุงเลือดเซียนเทียนมนุษย์
จากนั้น อักขระเต๋าก็ถูกดึงออกมาอย่างรวดเร็ว
นักพรตเต๋าชราเซียนเทียนตัวสั่นและถอยออกจากการต่อสู้ เขาเรียกปีศาจเผิงเซียนเสิ่นแล้วขึ้นไปขี่บนหลังของปีศาจเผิง
เพื่อที่จะทำตามคำสั่งที่ ‘ปรมาจารย์’ ของเขาเพิ่งมอบหมายให้เขาได้ดียิ่งขึ้น นักพรตเต๋าชราเซียนเทียนจึงได้สั่งให้ปีศาจเผิงมุ่งหน้าไปทางเหนือก่อน และหลังจากบินได้ไกลพอสมควร เขาก็หันไปทางทิศตะวันออก…
ปีศาจเผิงบินเก่ง มันยังมีสายเลือดของเผิงเซียนจิน และมีพลังศักดิ์สิทธิ์พรสวรรค์
ในขณะนั้น ปีศาจเผิงก็พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่ก่อนจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย…
ผู้อาวุโสเซียนเทียนสองสามคนจากสำนักตู้เซียนสังเกตเห็น พวกเขาเดาว่านักพรตเต๋าเซียนเทียนและปีศาจเผิงของเขาอาจจะไปทางตะวันออกเพื่อสร้างปัญหา
พวกเขาแอบกระซิบกันอย่างลับๆ ด้วยความกังวลใจอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น พวกเขาติดกับอยู่ใกล้ยอดเขาพิชิตสวรรค์ ไม่ว่าพวกเขาจะหลุดรอดออกมาจากวงล้อมและรีบไปทางตะวันออกเพื่อช่วยเหลือพวกเขาได้หรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่อาจตามความเร็วของปีศาจเผิงทันได้!
หลังจากที่หนึ่งในผู้อาวุโสใหญ่ออกจากการต่อสู้ เขาได้นำยันต์หยกสื่อสารออกมาสองสามแผ่นและรีบติดต่อผู้อาวุโสผู้ดูแลกิจการภายนอก ซึ่งตอนนี้อยู่ห่างไปทางทิศตะวันออกประมาณหนึ่งหมื่นหกพันลี้แล้ว เพื่อให้พวกเขาพาศิษย์ไปหลบซ่อน
นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาทำได้…
ทว่าผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนได้คิดผิดสองประการ
ประการแรกพวกเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโหดเหี้ยมขนาดนี้
การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุดและพวกเขากำลังจะพบกับปัญหาของบรรดาศิษย์ที่ยังไม่ได้เป็นเซียน!
ประการที่สอง…
เส้นชีพจรปฐพีอยู่ลึกลงไปในพื้นดิน แล้วอีกฝ่ายค้นพบว่าพวกเขาซ่อนค่ายกลเคลื่อนย้ายเส้นชีพจรปฐพีไว้ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้อาวุโสของสำนักตู้เซียนพลาดไป…ได้ถูกศิษย์ผู้หนึ่งคาดการณ์ไว้นานแล้ว
ผู้บำเพ็ญเหวินจิงทำให้หลี่ฉางโซ่วรู้สึกว่าพวกเขาโหดร้ายเกินไป และทำให้เขาเฝ้าระวังอย่างเต็มที่มาตั้งแต่ต้น…
ในขณะที่นักพรตเต๋าเซียนเทียนและปีศาจเผิงเคลื่อนไหว หลี่ฉางโซ่วก็จับการเคลื่อนไหวของพวกเขา
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าปัญหานั้นกำลังจะเกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่รู้สึกตึงเครียด
ไม่ใช่เพราะหลี่ฉางโซ่วไม่สนใจศิษย์น้องหญิงและท่านอาจารย์ของเขามากนัก แต่เขาวางแผนจัดการให้พวกเขาแล้ว ซึ่งสามารถจัดการได้แม้จะมีสิบเซียนเทียน…
แค่กๆ มันออกจะมากไปสักหน่อย
แต่แม้ว่าจะมีเซียนเทียนสามถึงสี่คน ก็ยังไม่ใช่เรื่องใหญ่!
มันขึ้นอยู่กับเวลา…
เริ่มการต่อสู้ระลอกที่สอง!
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วต้องเพ่งจิตส่วนหนึ่งไปที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หมายเลขสามข้างหลิงเอ๋อร์และเริ่มเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้
เขาทำได้เพียงแค่เอาตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์หมายเลขสองมาซ่อนไว้ใต้ดิน ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์อีกสามตัวก็ปรากฏขึ้นในหุบเขาแม่น้ำด้านนอกยอดเขาพิชิตสวรรค์
คราวนี้เขาไม่ได้ปลดปล่อยตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์
แล้วร่างทั้งสามของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ก็กลายร่างบินขึ้นไปบนท้องฟ้า!
จากนั้น สองบุรุษและหนึ่งสตรีก็ปรากฏขึ้นทั้งสองด้านของทางทิศเหนือและทิศใต้ พร้อมเผยให้เห็นขอบเขตพลังเซียนเสิ่นระดับสูงของพวกเขา!
นั่นคือขอบเขตสูงสุดที่หลี่ฉางโซ่วสามารถจำลองได้ในขณะนี้ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์มีเพียงพลังเซียนเท่านั้น และมีขีดจำกัดปริมาณที่จะสามารถเก็บพลังเอาไว้ได้
จากนั้น ร่างทั้งสามก็ใช้พลังเซียนและตะโกนเสียงดัง!
พวกเขามองไปทางเหนือก่อน
นักพรตเต๋าหนุ่มสะพายกระบี่บนหลังแล้วตะโกนว่า “เมื่อเราผ่านสถานที่แห่งนี้ เราเห็นกลุ่มปีศาจกำลังโจมตีภูเขา!”
“ช่างบังอาจนัก! สหายเต๋าแห่งสำนักตู้เซียน เราสองคนจะมาช่วยเจ้า!”
เขาเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม!
ต่อจากนั้น เซียนสตรีที่ถือขลุ่ยหยกอยู่ข้างๆ เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงใสกระจ่างว่า “โลกนี้แจ่มใสเจิดจ้า สังหารปีศาจและปกป้องมนุษย์!”
“สหายเต๋าของสำนักตู้เซียน โปรดอย่ากังวลเกี่ยวกับเราสองคน เราจะไม่โจมตีด้วยกำลัง ก่อนอื่นเราจะล่อปีศาจออกไปให้สหายเต๋า!”
คำพูดเหล่านี้สมเหตุสมผลมาก ทำให้บรรดาเซียนจากสำนักตู้เซียนโล่งใจในทันที และพวกเขาก็รู้สึกซาบซึ้งมากกับผู้นับถือเต๋าแปลกหน้าสองคนนี้ที่ ‘ผ่านมาโดยบังเอิญ’
แม้ว่าบรรดาเซียนหลายคนจะรู้สึกว่า…ลักษณะของพวกเขาดูแปลกๆ…
เมื่อเทียบกับตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์สองตัวทางตอนเหนือ ชายร่างกำยำในทางใต้นั้นไร้มารยาทและดูตรงไปตรงมามากกว่ามาก
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ตัวนี้ถือขวานขนาดใหญ่และอยู่ห่างจากสนามรบเป็นระยะทางสิบลี้
เขาตะโกนว่า “บัดซบ! เจ้าพวกปีศาจและผีปอบ! มาสู้กับข้าตัวต่อตัวสิ! ข้าจะฆ่าเจ้าไปจนถึงโคตรเหง้าของเจ้า!”
ทันใดนั้น หุ่นเชิดยุงเลือดที่ปิดล้อมอยู่รอบยอดเขาพิชิตสวรรคก็ตอบสนอง!
ทางทิศเหนือ มีเงาดำมากกว่าสิบเงาพุ่งเข้าหาหมายสังหารชายหญิงคู่หนึ่ง
ในเวลานั้น ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่มีกระบี่สะพายอยู่บนหลังของมัน ก็หัวเราะออกมาดังๆ แล้วทั้งสองก็คนถอยกลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับใช้พลังเซียน ร่ายคาถาสะกดสองสามคาถาออกไปขณะที่ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางคล้ายคลึงกัน
พวกทางใต้…ทรงพลัง…
ปีศาจมากกว่ายี่สิบตัวหันกลับมาและพุ่งเข้าหาชายร่างกำยำแข็งแรงที่ด้านหน้ามีสองปีศาจเซียนเทียน!
ขาของตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่แข็งแรงสั่นสะท้าน เขายกขวานขนาดใหญ่และหันหลังจะหนีไป แต่เขาซ่อนการหลบหนีโดยใช้หลีกลมเร้นกายและพุ่งตรงไปที่ยอดเขาหยกน้อย
เพื่อดึงดูดความสนใจของคนเหล่านั้น หลี่ฉางโซ่วใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ให้สาปแช่งหนักมาก
ชายร่างกำยำยังคงสบถก่นด่า แล้วโพล่งคำสบถที่ได้รับความนิยมมากในโลกบรรพกาลอย่างไร้ที่สิ้นสุด…
ตัวอย่างเช่น ‘ข้าไม่ถือว่าเจ้าเป็นลูกมนุษย์’ และ ‘ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นปีศาจหรือไม่’ สิ่งเหล่านี้ยังถือว่าอ่อนหัด
หลี่ฉางโซ่วจึงตัดสินใจเพิ่มเติมอย่างรวดเร็วและเริ่มตะโกนคำที่น่าตื่นเต้นออกมาอีกสองสามคำ แม้ว่าปีศาจเหล่านั้นจะถูกควบคุม แต่ในเวลานี้พวกมันก็ยังโกรธ
ตัวอย่างเช่น…….
ตัวอย่างเช่น ปีศาจระเบิดอารมณ์ตื่นเต้นเมื่อได้ยินสิ่งที่มนุษย์ในโลกบรรพกาลรู้อยู่แล้ว…
“มีจักรพรรดิปีศาจอยู่สองคน แต่มีจักรพรรดินีปีศาจเพียงคนเดียว!”
“บรรพบุรุษของเจ้าที่ถูกเผ่าเวททุบตีอย่างรุนแรงจนไม่กล้าแม้แต่จะลงบนพื้น พวกเขายังอ้างอย่างไร้ยางอายว่าพวกเขาได้แบ่งแยกโลกกับเผ่าเวท! มีความละอายบ้างหรือไม่ มีหรือไม่”
ทันใดนั้นก็มีลำแสงพวยพุ่งออกมา และปีศาจก็โจมตีเข้ามาทีละตัวเรื่อยๆ ไม่หยุดด้วยปรารถนาจะฉีกชายร่างกำยำออกเป็นชิ้นๆ
อย่างไรก็ตาม พลังเซียนของชายร่างกำยำก็ปะทุออกมาจากร่างกายของเขาและเขาก็ถอยกลับด้วยความเร็วสูง หลี่ฉางโซ่วผสมผสานวิธีหลีกลมเร้นกายของเขาและหลบซ้ายย้ายขวาไปในอากาศ ในขณะที่ยังก่นด่าสาปแช่งออกไปอย่างต่อเนื่อง
และจู่ๆ ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ร่างกำยำแข็งแรงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือยอดเขาหยกน้อยพร้อมกับเปล่งกระแสแสงออกมาจากด้านหลัง
หลี่ฉางโซ่วควบคุมตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ บัดนี้ ที่ด้านหลังของมันท่วมท้นไปด้วยพลังเซียน และเขาก็จงใจปาไข่มุกเข้าไปในกระแสแสงนั้น…
ทันใดนั้น ร่างของชายผู้แข็งแกร่งก็ถูกกระแทกตกลงสู่ยอดเขาหยกน้อย จากนั้นชายผู้แข็งแกร่งคนนั้นก็แทบจะไม่สามารถทรงตัวมั่นคงได้กลางอากาศแล้วหันไปมองกลุ่มปีศาจที่บินมาหาเขา
อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น กลุ่มปีศาจก็รู้สึกถึงอันตรายเช่นกัน มีปีศาจรูปร่างมนุษย์อยู่สองสามตัว และดวงตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความลังเลใจ
หลี่ฉางโซ่วแค่นเสียงเย็นชา ท่ามกลางความมืดมิด
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่แข็งแรงหันกลับมาและยืนอยู่บนขอบของค่ายกลบนยอดเขาหยกน้อย เขายกนิ้วโป้งให้กลุ่มปีศาจแล้วงอนิ้วในลักษณะดูถูก
“หนีมาตั้งนานแล้ว ทั้งหมดที่พวกเจ้าทำได้ก็เท่านั้น ก็แค่คันๆ ไม่เจ็บเลย!”
“มาเลย ดาหน้ามาทีละคนเลย!”
เหล่าปีศาจพลันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งเข้าหาชายร่างกำยำแข็งแกร่งที่อยู่ด้านล่างทันที
ยุงเลือดมีอิทธิพลต่อเขาลับๆ แน่นอนว่า พวกมั