บทที่ 131 สนามิ

หลังจากชนะพนันครั้งนั้น แองโกร่าก็เห็นด้วยกับคําขอของพ่อที่จะอยู่ในทุนย่าต่ออีก 2 วัน

เพราะระบบ Overlord คงจะตัดสินว่าทุนย่าเป็นเมืองใหม่ของเขา เนื่องจากมันรู้ว่าพ่อของเขาคิดที่จะให้เขาได้รับมรดกต่อจากเขา

สิ่งที่เขาต้องทําหลังจากนั้นก็คือการสร้างไลฟ์สโตนในปราสาทอินทรีเงิน เพื่อเทเลพอร์ตกลับไปยังเมืองไร้ชื่อ ซึ่งมันดีกว่าการใช้เวลาเดินทางหลายวันบนถนนเหมือนขามา

สําหรับผู้เล่น เมื่อพวกเขาทําเควสได้สมบูรณ์แบบ ระบบก็จะให้รางวัลแก่พวกเขาอย่างไม่เห็นแก่ตัวพร้อมด้วย EXP มากมาย แม้ว่าพวกเขาควรจะจัดปาร์ตี้กันตามประเพณี แต่ฮอร์รันพ่อของแองโกร่าเพิ่งจะสูญเสียลูกชายไป มันไม่ถูกต้องที่จะเฉลิมฉลองในตอนนี้

ยิ่งไปกว่านั้นฮอร์รันก็ได้ตัดสินใจที่จะแพร่กระจายข่าวว่าลูกชายคนโตของเขาเสียชีวิตจากอาการเจ็บป่วย ในขณะที่ส่งเสริมแองโกร่าไปพร้อมกัน ด้วยเหตุนี้ผู้เล่นจึงทําได้เพียงระงับอารมณ์รื่นเริงและเข้ารับหน้าที่รักษาความปลอดภัยชั่วคราว แทนทหารคุ้มกันปราสาทที่ตายในเหตุการณ์นั้น

แองโกร่าสบายดีเพราะเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาพลาดสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไร้ชื่อ ในเมื่อเขามีฟอรัมที่สามารถสื่อสารกันได้แบบเรียลไทม์

หลังจากที่เขาผ่อนคลายเกินไปในเมืองไร้ชื่อ จึงเป็นเรื่องยากที่แองโกร่าจะปฏิบัติตัวตามมารยาทของชนชั้นสูงได้ดีเหมือนเก่า ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่เคยได้รับการดูแลเป็นอย่างดีในฐานะผู้สืบทอดตําแหน่งดยุกมาก่อน เขาเพียงแค่ได้เรียนรู้การประพฤติตัวขั้นพื้นฐานในฐานะขุนนางเท่านั้น และด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มากมาย ดยุกชราได้จ้างครูสอนมารยาทมาเพื่อสอนเขาโดยเฉพาะ ซึ่งทําให้สิ่งต่าง ๆ แย่ลงสําหรับแองโกร่า ความจริงแองโกร่าเริ่มคิดว่ามารยาทและพิธีที่ซับซ้อนเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่อทรมานผู้สืบทอดของตนชัด ๆ

นอกจากทั้งหมดนั่น แองโกร่าก็ยังมีปัญหาอีกอย่างเกี่ยวกับการติดตามของคินลีย์

แต่ก็ไม่ถูกที่จะเรียกมันว่า “ติดตาม” คินลีย์สนใจแองโกร่ามากก็จริง แต่เธอสนใจเมืองของแองโกร่ามากกว่า เมืองไร้ชื่อที่ปลูกฝังผู้เล่นที่ไม่เกรงกลัวแม้กระทั่งความตายเหล่านี้

หลังจากที่เธอได้เห็นด้วยตาตัวเองว่าผู้เล่นปลดปล่อยพลังที่เกินสามัญสํานึกได้อย่างไร และเห็นพวกเขาร่วมมือกันกําจัดบอสมินเนี่ยนและโกเลมทั้งสี่ได้อย่างไร เธอก็อยากรู้มากเกี่ยวกับการดํารงอยู่ของผู้เล่น

ด้วยเหตุนี้ เธอจึงติดตามแองโกร่าไปรอบ ๆ หลังจากที่วิกฤตสิ้นสุดลง เธอหวังว่าเธอจะได้ไปเยี่ยมเมืองเล็ก ๆ แห่งนั้นและได้อาศัยอยู่ที่นั่นสักระยะ

แต่แองโกร่าที่จําได้ถึงความน่ากลัวของผู้เล่นในการเผยแพร่เรื่องงี่เง่าใส่คนอื่น และปัญหาที่คินลีย์จะนํามา เขาจึงปฏิเสธเธอไปอย่างหนักแน่น

แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงตามตื้อเขาอย่างไม่ลดละ และนั่นทําให้เขารู้สึกทุกข์ใจ

“แต่ข้าเห็นนะว่าท่านแอบยิ้มอยู่นะ” เอ็ดเวิร์ดพูดในฐานะคนที่ยืนมองการแสดงของแองโกร่าจากที่ไกล ๆ

“อย่ามาล้อเล่น เห็นได้ชัดว่าหน้าข้ามีแต่ความปวดร้าว” แองโกร่ากล่าวหน้านิ่ง “นี่เจ้ากําลังลาดตระเวนอยู่สินะ”

“เรื่องเล็กน้อย ก็พ่อท่านจ่ายให้เรานี้” เอ็ดเวิร์ดยักไหล่ “เราก็แค่รอจนกว่าวิหารแห่งความรุ่งโรจน์จะส่งใครสักคนมารับช่วงต่อ”

“ข้าเคยคิดว่าจะออกเควสประจําวันใหม่ ให้ผู้เล่นมาป้องกันปราสาท แต่น่าเสียดายที่ผู้เล่นยังมีน้อยเกินไป ตอนนี้หากมีการโยกย้ายคนจํานวนมากในครั้งเดียวก็จะส่งผลต่อการพัฒนาของศาสนจักร” แองโกร่าถอนหายใจ

โชคดีที่ฮอร์รันสัญญาว่าจะช่วยพัฒนาศาสนจักรของเทพเจ้าแห่งเกมอย่างลับ ๆ เมื่อแองโกร่าชนะพนัน เมื่อเขากลายเป็นดยุกคนใหม่ เขาก็สามารถให้ผู้เล่นเข้ามาแทนที่วิหารแห่งความรุ่งโรจน์ และกลายเป็นฝ่ายที่อํานาจมากที่สุดในทูนาย่าได้

แต่ทั้งหมดนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพัฒนาที่ราบรื่นของศาสนจักร และจํานวนผู้เล่นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

พวกเขาสองคนคุยกันไปเรื่อย ๆ โดยบทสนทนาส่วนใหญ่เกี่ยวกับผู้เล่นและระบบ

[มาร์นี่ วิลฟ์ เสียชีวิตในสึนามิ เวลาในการฟื้นคืนชีพ 71:59:59 น.]

ตอนนั้นเอง การแจ้งเตือนของระบบปรากฏขึ้นในสายตาของพวกเขา

“พรุดดด ลุงมาร์นี่ตายอีกแล้ว…” เอ็ดเวิร์ดไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้

“อ่า ข้าจําได้ว่าเขาตายเมื่อ 3 วันที่แล้ว” ริมฝีปากของแองโกร่าโค้งเป็นรอยยิ้มด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ก็ทําให้พวกเขาก็ไม่สามารถหัวเราะได้อีกต่อไป

[อีวาน เสียชีวิตในสึนามิ เวลาในการฟื้นคืนชีพ 71:59.59 น.]

[บอริส เสียชีวิตในสึนามิ เวลาในการฟื้นคืนชีพ 71:59:59 น.]

[เซนซีดาน เสียชีวิตในสึนามิ เวลาในการฟื้นคืนชีพ 71:59:59 น.]

[เคท เสียชีวิตในสึนามิ..]

ทันใดนั้นคนสองคนก็ได้ข้อสรุปแบบเดียวกันว่า มีบางอย่างเกิดขึ้นที่ท่าเรือเกรย์ฟยอร์ด!

ไม่กี่นาทีก่อนหน้า

ที่ราบชายฝั่งทะลหมู่บ้านมนุษย์กบ

ผู้เล่นหลายคนกําลังเดินผ่านหมู่บ้านหลังจากได้รับเควสประจําวันจากผู้ใหญ่บ้านมนุษย์กบ โดยบางคนตั้งใจจะไปสํารวจท่าเรือเกรย์ฟยอร์ด บางคนถืออาหารทะเลที่ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนและตามหามนุษย์กบให้พวกเขาปรุงอาหารให้ในขณะที่คนอื่น ๆ ที่ยังไม่ยอมแพ้ในการชักชวนมนุษย์กบมาเป็นลูกน้องก็ยังคงพยายามอย่างหนัก

“เจ้านาย เราจะกลับเมืองกันเมื่อไหร่” อีวานซึ่งอยู่คุ้มกันมาร์นี่ ถามขณะที่เขามองมาร์นี่กําลังพยายามว่ายน้ำท่ากบอยู่ริมทะเล

“วันนี้เดี๋ยวเพิ่มระดับการสํารวจอีก 1% ก็พอแล้ว เจ้าคิดยังไงกับท่าทางของข้า”

“แต่ข้าเบื่อซุปปลา” อีวานถอนหายใจ “ตอนนี้แค่ข้าดื่มน้ำ ข้าก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวแล้ว”

“โอ้ งั้นไม่เป็นไร วันนี้เรากลับกันเถอะ” มาร์นี่ไม่ใช่นายจ้างประเภทที่ไม่ฟังใครเลย เขายืนขึ้นจากน้ำลึกแค่เข่า เขาก้มโค้งด้วยท่าทางแปลกประหลาดเหมือนกําลังอุ่นเครื่องในขณะที่เขายังคงจ้องมองอีวาน “คืนนี้เรามากินเนื้อย่างกันเถอะ!”

“โอ้ ไม่เลวนะ เนื้อย่างของโรงแรมกาต้มน้ำเหล็กยอดเยี่ยม ว่าแต่เจ้านาย ท่านจะเลี้ยงรึเปล่า”

“อีวานเจ้าโตแล้ว เจ้าควรรับผิดชอบตัวเอง!”

“ให้ตายเถอะ ค่าอาหารมันถูกขนาดนั้นท่านหม?” อีวานที่กําลังจะเถียง จู่ ๆ เขาก็หรี่ตาลงที่มองออกไปที่มหาสมุทรอันห่างไกล “นั่นอะไรนะ กําแพงสีขาว?”

มาร์นี้ยังลุกขึ้นมองออกไปในระยะไกล

” จะมีกําแพงสีขาวบนทะเลได้ยังไง มันเป็นภาพลวงตา” เขาตอบง่าย ๆ

ในมหาสมุทร ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ดูเหมือนกําแพงสีขาวจะกว้างขึ้น

กําแพงเริ่มขยายตัวออกไปทั้งสองด้านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด

ถ้าแค่นั้นมันก็ไม่เป็นไร แต่ปัญหาคือเมื่อเวลาผ่านไป กําแพงดูก็เหมือนจะสูงใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ใบหน้าของมาร์นี่ก็ซีดลง ในที่สุดก็รู้ว่ามันคืออะไร

“เวรแล้ว! มันไม่ใช่กําแพง มันคือสึนามิ!”