ตอนที่ 190 ต้องการอยู่ที่เถาหยาง

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 190 ต้องการอยู่ที่เถาหยาง

ตอนที่ 190 ต้องการอยู่ที่เถาหยาง

วันรุ่งขึ้นซูเถารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงอาการเหม่อลอยของจวงหว่าน เธอขอให้จวงหว่านไปเรียกซ่งเยว่ปินแต่ต้องใช้เวลาสองสามวินาทีในการฟื้นตัว

“อ้ออ้อ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ขอโทษนะเถ้าแก่ เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับ”

ซูเถาคว้าแขนเธอแล้วถามว่า

“พี่เป็นอะไรไป เมื่อก่อนพี่ก็เคยทำงานหามรุ่งหามค่ำอดหลับอดนอนมาทั้งคืนก็ไม่เห็นวุ่นวายใจขนาดนี้มาก่อน แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น”

จวงหว่านจำคำสารภาพของจงเกาอี้ที่มีต่อเธอเมื่อคืนนี้ได้ และจู่ ๆ ก็หน้าแดง อึกอักและพูดไม่ออก

“ถ้าพี่ไม่บอก ฉันจะถามเฉินซี เธอต้องรู้แน่ ๆ” ซูเถากล่าว

จวงหว่านพูดว่า “เดี๋ยว”

ความสับสน ความลำบากใจ ความกลัว ความหวาดหวั่น อารมณ์ที่ซับซ้อนผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“ฉันแก่แล้ว แต่ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีคนอยากเป็นพ่อของเฉินซี”

ซูเถาผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มและพูดด้วยฟันขาวซี่เล็กเรียงเป็นแถว

“หมอจงเหรอคะ แล้วพี่คิดยังไงล่ะ”

จวงหว่านส่ายหัว “ฉันไม่ได้คิดเรื่องนี้ มันกะทันหันเกินไป ฉันเลยยังไม่ได้ตอบอะไร แต่เมื่อเห็นว่าเฉินซีเข้ากันได้ดีกับเขามาก ฉันก็ลังเล”

“นอกจากนี้ เขาไม่ได้มาจากเถาหยางของเรา เขาสามารถอยู่ในเถาหยางได้สูงสุดสิบวันต่อเดือนเท่านั้น และเขาต้องฟังคำสั่งของกู้หมิงฉือ ไม่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเอง ฉันไม่ต้องการหาพ่อให้เฉินซีแบบที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว”

ซูเถาถามอีกครั้ง “แล้วพี่ชอบเขาไหม”

จวงหว่านสะอึกเล็กน้อยและพูดว่า “ความรู้สึกดี ๆ แน่นอนว่าฉันก็มีให้เขา เขารักมั่นคง ดูจากที่เขายังคอยคิดถึงความรักครั้งเก่า เขาเป็นผู้ที่มีพลังวิเศษ เขาสามารถช่วยชีวิตและรักษาผู้บาดเจ็บได้…”

ซูเถากล่าวทันที

“ชอบก็ดีแล้วค่ะ! พี่ก็บอกเขาไปตรง ๆ ได้สิคะ ว่าเขาสามารถเป็นพ่อของเฉินซีได้ถ้าเขาต้องการ แต่ต้องมาอยู่ที่เถาหยาง”

“กู้หมิงฉือไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน” จวงหว่านตกตะลึง

ซูเถากล่าวว่า “นั่นคือสิ่งที่เขาควรหาทางแก้ไข การเป็นพ่อของเฉินซีก็มีราคาที่ต้องจ่าย ไม่งั้นเขาก็อย่าหวังที่จะได้ลูกสาว ลูกชายและภรรยาสวย ๆ แบบนี้ไป”

จวงหว่านตกใจและรู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก

“ฉันต้องไปถามเขาวันนี้เลยเหรอ”

ซูเถา “ไปอย่างกล้าหาญเลยค่ะ”

จวงหว่านเรียกความมั่นใจกลับมา คราวนี้เธอไม่กังวลอีกต่อไป และกลับมาเป็นผู้จัดการจวงอย่างเต็มตัวอีกครั้ง เธอไปเรียกซ่งเยว่ปินอย่างมีความสุข

ด้านหน้าอาคารคลินิก จงเกาอี้พูดไม่ออกในขณะที่มองดูอาคารที่เปลี่ยนไป

ทุกครั้งที่เขามา มันต้องสร้างความตกใจให้เขาเสมอ

เขากลัวว่าผ่านไปครึ่งปีโรงพยาบาลชุมชนที่ซูเถาเคยพูดเอาไว้น่าจะเกิดขึ้นจริง

เฉินซีนำเขาเข้ามาและแนะนำอย่างมีความสุข

“ตรงกลางเป็นเค้าน์เตอร์พยาบาล ยังไม่ได้ประกาศรับสมัคร ส่วนด้านหลังเป็นห้องตรวจโรค ด้านซ้ายเป็นห้องยา ส่วนสำนักงานอยู่ด้านขวา”

คุณย่าเฉินมาที่นี่อย่างกะทันหันในเวลานี้ เมื่อเห็นจงเกาอี้ เธอก็ยิ้มอย่างใจดีทันทีและพูดว่า

“หมอจงมาแล้วเหรอ ทุกคนคิดถึงคุณนะ วันนี้ฉันแค่จะมาขอให้เฉินซีช่วยตรวจให้หน่อย ฉันมีปัญหาเล็กน้อย ปวดฟันน่ะ”

เฉินซีรีบพาคุณย่าเฉินไปที่ห้องตรวจโรค เพื่อดูอาการทันที และให้สาเหตุของความเจ็บปวดและยาที่สั่งจ่ายทันที

“คุณย่าต้องไปที่โรงพยาบาลตงหยางเพื่อซื้อยา หลังจากรักษาสองคอร์ส น่าจะได้ผล กินอาหารที่ระคายเคืองให้น้อยลง โดยเฉพาะน้ำเย็น ๆ”

คุณย่าเฉินตอบรับซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเมื่อเธอลุกขึ้นก็กล่าวชมเฉินซีกับจงเกาอี้

“เฉินซีมีความสามารถมากช่วงที่คุณไม่อยู่เธอก็ประจำอยู่ที่คลินิกตลอด เมื่อเห็นเราเจ็บป่วยเล็กน้อยเธอก็ช่วยตรวจดูให้ ซึ่งช่วยประหยัดเงินและปัญหาให้กับเราได้มาก ไม่อย่างนั้นฉันคงต้องไปโรงพยาบาลตงหยางเพื่อต่อคิวลงทะเบียน ยุ่งวุ่นวายไปหมด เสียเวลาครึ่งค่อนวันเสียค่ารักษาพยาบาลก็เยอะ”

“แต่ท้ายที่สุด หมอจงเป็นคนสอนเธอมาอย่างดี เด็กคนนี้คือเฉินซีที่ถูกลิขิตมาเพื่อคุณ อ้อ ปีนี้คุณอายุเท่าไหร่แล้วนะ”

จงเกาอี้ยิ้มอย่างมีเลศนัย “จะสี่สิบแล้วครับ”

แม่สื่อเข้าสิงร่างของคุณย่าเฉิน เธอพูดว่า “อุ๊ย”

“ปีนี้เสี่ยวจวงอายุ 35 คุณสองคนเหมาะสมกันจริง ๆ ฉันจะบอกให้ เสี่ยวจวงน่ะเป็นคนที่ใช้ชีวิตแบบติดดิน และเถ้าแก่ซูก็รักเธอมาก ถ้าคุณขอเธอแต่งงาน เธอคงจะยินดีด้วยเป็นอย่างมาก”

จงเกาอี้ยิ่งขมขื่นมากขึ้น

เขาต้องการ แต่เธอยังไม่ตอบรับเขา

คุณย่าเฉินพรั่งพรู

“เมื่อถึงเวลา คุณสองคนจะอยู่ที่เถาหยางด้วยกัน ฉันได้ยินมาว่าคุณอาศัยอยู่ที่เขตตะวันออก และมันแย่จริง ๆ สถานที่นั้นได้ครึ่งหนึ่งของเถาหยางไหม ฉันจะบอกคุณว่าถ้ามีโอกาสคุณก็คว้าเอาไว้และก้าวไปข้างหน้า อย่าเป็นน้ำที่ไหลลงที่ต่ำ”

จงเกาอี้ต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาหันศีรษะไป เขาก็เห็นดวงตาที่สดใสของเฉินซี

ทันใดนั้นเขาก็มุ่งมั่น “คุณป้าเฉินพูดถูก”

หลังจากที่คุณย่าเฉินจากไปอย่างพึงพอใจ เฉินซีก็อดใจรอไม่ไหวที่จะถามว่า

“ลุงจง สิ่งที่คุณย่าเฉินพูดจะเป็นจริงหรือเปล่า”

“แล้วเราอยากให้เป็นจริงไหม”

เฉินซีพยักหน้ารัว ๆ “หนูอยาก!”

จงเกาอี้ลูบผมของเธอและให้คำมั่นสัญญา “ลุงจะพยายามนะ”

เฉินซีกระโดดขึ้นอย่างมีความสุข และยังคงแนะนำอย่างสนุกสนาน

“ลุงจง นี่คือห้องทำงานส่วนตัวที่พี่เถาจื่อเตรียมไว้สำหรับลุงคนเดียว มีตู้กดน้ำอยู่ข้างใน พี่เถาจื่อบอกว่า เมื่อหนูโตขึ้น เธอจะสร้างห้องทำงานให้หนูด้วย อยู่ข้าง ๆ ห้องลุงเลย”

เมื่อมองไปที่ห้องทำงานที่สะอาดและกว้างขวางพร้อมหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน จงเกาอี้นึกถึงห้องที่คับแคบและแออัดของเขาในตงหยาง เขาส่ายหัวแล้วคิดว่า ใช่ เขาต้องก้าวไปข้างหน้าสิ

หลังจากที่เขาอดทนทำงานหนักมาหลายปี ก็ถือได้ว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจของกู้หมิงฉือหมดแล้ว

ถึงเวลาที่เขาจะต้องควบคุมชีวิตของเขาเอง

การมาถึงของจงเกาอี้ทำให้ขาของเมิ่งเชียนกลับมาเป็นปกติ และการบาดเจ็บของซ่งเยว่ปินก็หายเป็นปกติ

แม้แต่ผู้อาวุโสเหม่ยยังสามารถเดินอย่างช้า ๆ ครึ่งชั่วโมงได้ด้วยความช่วยเหลือจากคนรอบ ๆ

ชั่วขณะหนึ่ง ชื่อเสียงของจงเกาอี้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง และด้วยเหตุนี้ ใบสมัครหลายหมื่นฉบับจึงเพิ่มเข้ามาในเถาหยางและ เมิ่งเชียนที่เพิ่งฟื้นตัวก็เริ่มทำงานล่วงเวลาเพื่อจัดการกับมัน

ซ่งเยว่ปินยังพูดกับซูเถาด้วยความชื่นชม

“เถ้าแก่มีผู้ที่มีความสามารถมากมายอยู่ที่นี่จริง ๆ ถ้าผมไม่โชคดีได้รักษากับเขา ผมเกรงว่าอาการบาดเจ็บของผมจะต้องยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน ขอบคุณมาก”

ซูเถายิ้มและพูดว่า “หัวหน้าซ่ง ยินดีค่ะ พวกเราเป็นเพื่อนกันนี่คะ”

ซ่งเยว่ปินรู้สึกซาบซึ้งใจมาก

“เอาล่ะ ผมไม่พูดอะไรมากแล้ว พวกเราวางแผนที่จะออกเดินทางกันวันนี้ เถ้าแก่ซูบอกผมได้เลยว่ามีอะไรที่คุณต้องการ ถ้ามี ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มา”

ซูเถาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ตราบใดที่ยังเป็นเมล็ดพันธุ์และหนังสือ ฉันก็อยากได้มัน นอกจากนี้ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากได้ผลึกนิวเคลียส”

ซ่งเยว่ปินกล่าวว่า “เมล็ดพันธุ์และหนังสือเป็นเรื่องง่าย แม้ว่าพวกมันจะหายากก็ตาม แต่ตอนนี้กระแสของซอมบี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ทุกคนแทบจะเอาชีวิตของตัวเองไม่รอด ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาผลึกนิวเคลียสนี้… และนับตั้งแต่ที่ฉางจิงประกาศหน้าที่ของมัน ผู้คนก็แทบบ้าแต่ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคุณหา”

ซูเถาพยักหน้า “เข้าใจแล้ว รบกวนหัวหน้าซ่งด้วยค่ะ”

“เถ้าแก่ซูเกรงใจกันเกินไปแล้ว! พวกเราขอตัวก่อน แล้วเจอกัน!”

ขบวนรถ ‘เยว่หลิ่ง’ เคลื่อนขบวนออกไปภายใต้แสงอาทิตย์ยามบ่ายอันสดใส

ใบหน้าของอู๋เจิ้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง

“ผมหวังว่าพวกเขาจะนำเมล็ดผลไม้ทุกชนิด ต้นอ่อน และอื่นๆ ผมเห็นภูเขาเปล่า ๆ ของภูเขาผานหลิวมามากพอแล้ว มันคงจะสวยงามมากหากปลูกไม้ผล อย่างไรก็ตาม ถ้าผมสามารถปลูกต้นไทรขนาดใหญ่ได้ จะได้ตั้งชิงช้าให้เด็ก ๆ เล่นใต้ต้นไม้ในเถาหยาง…”

บางคนที่นี่กำลังคิดถึงดอกไม้ ผลไม้ และผัก แต่จงเกาอี้กำลังเผชิญกับความโกรธของเจ้านาย

“นายต้องการอยู่ที่เถาหยางเหรอ จงเกาอี้ ฉันคิดว่านายคงเหนื่อยกับงาน”