เวลาสามเดือนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงที่ผ่านมานี้ซอดัมไม่ได้ไปล่าตัวเอกคนอื่นอีกเลยเนื่องจากต้องใช้เวลาทั้งหมดของเขาในเรื่องของการฝึกวิชาดาบและเวทมนตร์ในขณะเดียวกันก็ต้องสอนเซเลสเต้ไปด้วย

และเป็นเพราะว่าเขาจะเป็นฮันเตอร์ผ่านศึกแล้วเขาถึงสามารถที่จะไปล่ามอนสเตอร์เมื่อไหรก็ได้ที่ตามเขาต้องการดังนั้นมันไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนักเว้นแต่ว่าจะเป็นในตอนที่เทเลอร์ต้องการที่จะตามไปด้วย

ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงมากมายที่เกิดขึ้นกับเขา

[สกิลเพลงดาบที่ขาวรูปแบบที่สองได้รับการเปิดออก]

รูปแบบแรกคืออันตรวินิจไร้ใจ

ซึ่งเหมือนกับเป็นการมองว่าตนเองเป็นแผ่นกระดาษที่ว่างเปล่าและเป็นการค้นหาขีดจำกัดของตนเอง

ว่าดาบประเภทไหนที่เหมาะมือ ว่าเพลงดาบไหนเหมาะสมที่สุด ว่าเทคนิคไหนถึงจะเติมเต็มมันได้ และแม้กระทั้งวิธีการหายใจที่ใช้คู่กัน

และในตอนที่เขาสามารถที่จะเข้าในเรื่องพวกนี้ได้ทั้งหมดแล้วนั้นเองที่ทำให้รูปแบบที่สองได้ถูกเปิดออก

ซอดัมไม่ได้มีโอกาสใช้ดาบมากนักในอดีตมายกเว้นเพียงแค่ในตอนที่ล่ามอสเตอร์ตั้งแต่ที่ดาบอีเทอร์กลายมาเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการล่า

ดั้งนั้นแล้วในช่วงนี้เขาได้เริ่มที่จะเหวี่ยงดาบของเขาไม่ว่าจะเป็นในตอนเช้าหรือค่ำและผลลัพธ์ที่ได้ก็ได้เริ่มที่จะแสดงออกมาในที่สุด

เซเลสเต้ที่ได้เรียนรู้วิชาดาบไปจากยูซอดัมก็กำลังเติบโตขึ้นด้วยอัตราที่น่าตกตะลึงเช่นกัน

ซึ่งไม่เหมือนกับซอดัม เซเลสเต้สามารถที่จะเลียนแบบเพลงดาบของตระกูลอัลมัสได้ถึงระดับของเอลล่า

ความสามารถทางด้านร่างกายของซอดัมในตอนนี้เกือบจะเป็นแรงค์ D แล้วแต่ในการต่อสู้กับเซเลสเต้ในตอนนี้นั้นกลับยากขึ้นกว่าเดิมในตอนที่เขาเป็นแรงค์ F ซะอีก

ปัก!

“อึก!”

เมื่อดาบไม้ของพวกเขาได้ปะทะกัน และเซเลสเต้ได้ถอยหลังกลับไป

ซอดัมได้ปาดเหงื่อของเขาออก

ถึงแม้ว่ามันจะยากขึ้นก็ตามแต่เขาก็ไม่ได้แพ้

พวกเราต่อสู้ระยะประชิดกันได้นานขึ้นหมายความว่าเซเลสเต้นั้นได้พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน

“มันเจ็บค่ะ”

“มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องถูกตีเพื่อที่จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไงหละ”

“มันฟังดูเหมือนเป็นคำพูดที่พวกคนแก่ชอบพูดกันเลยนะคะ”

“ฉันยังไม่แก่หรอกนะแต่เธอจะต้องถูกตี…”

หลังวันปีใหม่ที่พึง่ผ่านมา ซอดัมก็ได้เข้าสู่อายุ 30 ปีของเขา

มันเป็นช่วงอายุที่ฮันเตอร์ที่ไม่มีพลังพิเศษจะเกษียณอายุกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ซอดัมในตอนนี้นั้นอยู่ในสภาพที่ดีกว่าในตอนที่อยู่ในช่วงอายุ 20ต้นๆซะอีก

แม้แต่เทเลอร์ก็ยังพูดว่ากล้ามเนื้อของเขานั้นเข้ารูปยิ่งกว่าเดิม หน้าของเขาก็ดูเด็กลง และผิวของเขาก็ดูดีขึ้น

ในความเป็นจริง เทเลอร์มีอายุเท่ากับซอดัมแต่เธอดูเด็กมากจนผู้คนส่วนมากกลับคิดว่าเธอเป็นนักศึกษา

มันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าอายุจริงของเธอนั้นเท่ากันฉัน

นี้เป็นหนึ่งในปรากฏการที่เกิดขึ้นเมื่อยอดมนุษย์แรงค์ S สามารถที่จะควบคุมอีเทอร์ไปถึงขีดสุดได้และมันก็คล้ายกันกับในกรณีของซอดัมที่ใช้มานา

อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่มานาของซอดัมนั้นให้ผลคล้ายคลึงกับของยอดมนุษย์แรงค์ S แม้ว่าอย่างดีที่สุดมานาของซอดัมจะเป็นแค่แรงค์ D ก็ตาม

“เดวพักก่อนแล้วกัน ไม่ใช่ว่าเธอบอกว่าเธอจะไปวันนี้แล้วงั้นหรอ?”

“ใช่ค่ะ”

หลังจากที่พึ่งจะถูกบอกให้พัก เซเลสเต้เดินและไปนั่งที่มุมในขณะที่ปาดเหงื่อของเธอด้วยผ้าขนหนูแล้วเปิดโทรศัพท์ของเธอ

ตอนแรกซอดัมได้โชว์คลิปวิดีโอของซานางิหนึ่งหรือสองคลิปให้เธอดูในแต่วันเพื่อที่พวกเขาจะได้วางกลยุทธ์ว่าจะรับมือซานางิได้อย่างไรแต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับการดูคลิปวิดีโอของซานางิพวกนั้นด้วยตัวเธอเองแล้ว

‘คลิปวิดีโออีกอันจะถูกอัพโหลดวันนี้’

ซานางิมีผู้ติดตามหลายหมื่นคนบนโลกอินเตอร์เน็ต ด้วยหน้าตาที่ดูสวยและดุดันพร้อมด้วยพลังพิเศษที่ไม่ธรรมดา

เธอได้โพสต์คลิปวิดีโอของตัวเธอเองในตอนที่กำลังฝึกเคนโด ซึ่งทั้งหมดนี้ได้กลายมาเป็นแรงจูงใจสำหรับเซเลสเต้

เซเลสเต้ที่กำลังมองคลิปวิดีโออย่างเหม่อลอยได้คิดกับตัวเธอเองว่า

‘ไม่ว่าฉันจะคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร…ฉันไม่คิดว่าฉันจะแพ้ได้เลยนะ’

ในช่วงนี้คนอื่นๆสามารถที่จะเห็นได้ว่าเซเลสเต้มักจะมีร้อยยิ้มประดับใบหน้าของเธอบ่อยครั้ง

ในตอนที่เธอมาที่ยิมนี้ครั้งแรกนั้นเธอดูเหมือนกับเด็กที่พึงจะก้าวผ่านสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวตอ

แต่เมื่อไม่นานมานี้ ดูเหมือนกว่าเธอจะพบว่าตัวเองกลับตั้งหน้าตั้งตารอการอภิปรายที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นานนี้เพื่อเผชิญหน้ากับซานางิ

ซอดัมได้เปิดใช้ทักษะห้องสมุดของแม่มดขาวเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมในช่วงที่กำลังพักกันอยู่

ทักษะเวทมนตร์ของเขาได้ก้าวหน้าขึ้นไกลจากเดิมแล้วหลังจากสามเดือนที่ผ่านมา

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องของเวทมนตร์ แต่ด้วยความที่หนังสือเวทย์ของแม่มดนั้นได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนแล้ว ดังนั้นมันเลยเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนที่จะเรียนรู้ตราบเท่าที่พวกเขาเข้าใจถึงสาระสำคัญของมัน

มันเป็นกับเหมือนกับที่เราเรียนในชั้นเรียนมัธยมปลายแล้วอยู่ๆก็มาเรียนในชั้นมัธยมต้นแทน

ต้องขอบคุณสกิลนี้เลยที่ทำให้ซอดัมในตอนนี้สามารถที่จะให้เวทมนตร์ ‘ขั้นที่1’ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว

‘แต่มันยังคงไม่พอ’

ไม่ว่าจะในเรื่องของวิชาดาบหรือเวทมนตร์ล้วนใช้เวลาในการพัฒนา

มันไม่เหมือนกับพลังพิเศษที่สามารถปลดปล่อยอีเทอร์ได้มากขึ้นอย่างง่ายดาย

ถึงแม้ว่ามันจะยังคงเป็นไปได้สำหรับนักดาบและนักเวทย์ที่จะฝึกฝนให้เก่งขึ้นไปเรื่อยๆได้แต่ไม่ใช่สำหรับซอดัม

เพราะว่าขีดจำกัดของเขาอยู่ที่แรงค์ F

มีเพียงแค่ทางเดียงสำหรับเขาที่จะเพิ่มขีดจำกัดนั้นได้คือการล่าเหล่าตัวเอกและเพิ่มเลเวลขึ้น

มีเวลาเหลืออีกหนึ่งเดือนก่อนที่จะถึงงานอภิปรายวิชาดาบ

เซเลสเต้ได้วางแผนว่าจะออกเดินทางในเร็ววันนี้ดังนั้นมันไม่มีเวลาที่จะสอนเรื่องอื่นให้กับเธอ

ซอดัมคิดว่ามันจะคงไม่ใช่ความคิดที่แย่ที่จะใช้เวลาในช่วงที่ว่างนี้ทำอีกภารกิจหนึ่งจากคุณลูกค้า

ในขณะที่เขากำลังอ่านหนังสือเวทมนตร์จากห้องสมุดแม่มด เทเลอร์ได้เข้ามาที่ยิมในทันทีที่เซเลสเต้ได้กลับมาจากการอาบน้ำ

“นี่นายเหม่อลอยอีกแล้วหรอ? แล้วนายก็เอากระถางดอกไม้นั้นไปกับนายทุกที่เลยนะ”

ซอดัมนั้นหวงแหนกระถางดอกไม้ที่เทเลอร์ให้กับเขาอย่างกับกอลลัมหวงแหวนและในช่วงหลังมานี้เขามักจะเอามันไปด้วยทุกที่

เทเลอร์รู้สึกภูมิใจในตัวเธอเองแต่ก็รู้สึกไม่มีความสุขด้วยเช่นกัน

เหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงไม่มีความสุขก็คือ…

‘นายมันโง่จริงๆ’

…มันเป็นเพียงแค่เหตุผลง่ายๆ

“นอกจากนี้แล้วนายไม่สนใจเลยหรือไงเรื่องที่ฉันจะไปพร้อมกับเซเลสเต้นะ?”

เดิมที เซเลสเต้ไม่สามารถหาฮันเตอร์อาวุโสที่จะไปกับเธอได้ดังนั้นเธอเลยวางแผนที่จะไปขอร้องยูซอดัม

แต่เทเลอร์ที่มักจะมาที่ยิมนี้เป็นประจำได้อาสาในตอนที่เธอได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้

ด้วยเหตุผลง่ายๆ

“ฉันจะทำเงินได้โคตรเยอะจากงานนี้เลยใช่ไหมหละ?”

เซเลสเต้ ฮันเตอร์แรงค์ D ระดับสูงจะต้องส่งรายงาน ‘การปฏิบัติการ’ ของเธอในเร็วๆนี้

ถ้าฮันเตอร์ไม่สามารถที่จะสำเร็จรายงานการปฏิบัติการของพวกเขาในเวลาที่กำหนดพวกเขาจะเสียคุณสมบัติในการเป็นฮันเตอร์

ดังนั้นเซเลสเต้เลยมีแผนที่จะใช้ ‘หลักสูตรพิเศษ’ สำหรับรายงานการปฏิบัติการของเธอ

หลักสูตรพิเศษเป็นเรื่องที่พิเศษเป็นอย่างมากมันคือการที่ฮันเตอร์หน้าใหม่ไปลงดันเจี้ยนที่มีระดับ C หรือ B กับฮันเตอร์อาวุโสที่มีพรสวรรค์

มันก็เป็นวิธีการที่ถูกใช้โดยกิลด์จำนวนมากในเวลาที่ผ่านเพราะแม้ว่าดันเจี้ยนแรงค์ B หรือ A จะได้รับการเคลียร์สำเร็จ มันก็จะถูกมองว่าเป็นการกระทำแบบการ ‘พาเวล’ ในบางแง่มุม

ซอดัมและเทเลอร์ ที่ได้ใช้ชีวิตของพวกเขาในการล่าโดยที่ไม่ได้สนใจสื่อ คิดว่ารายงานการปฏิบัติงานนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ

ไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม เซเลสเต้วางแผนที่จะลงดันเจี้ยนกับเทเลอร์และฮันเตอร์ระดับสูงจากตระกูลคอสแตนตีนิ

ความจริงเธอไม่อยากให้เทเลอร์ไปกับเธอเลยแต่มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะจะปฏิเสธความช่วยเหลือของฮันเตอร์แรงค์ S เช่นกัน

“นอกจากนี้แล้วมันโอเคหรือที่จะให้ฉันมาเอางานของนายไปนะ?”

“จริงๆแล้วมันมีเรื่องบางอย่างที่ฉันต้องไปทำนะดังนั้นเธอจัดการได้เลย”

“อย่างนี้นี่เอง”

เทเลอร์ยักไหล่และพูดต่อ

“ถ้างั้นแล้วฉันคงจะต้องออกจากอพาตเม้นแสนสุขของฉันไปสักพักหละนะ”

“…นั้นมันอพาตเม้นของฉัน”

“อย่าเหงาไปซะหละในตอนที่พี่สาวของนายคนนี้หายไป อ่าใช่แล้วในตอนที่ฉันจัดการเรื่องนี้ ฉันมีอีกเรื่องที่ต้องจัดการที่ชัมชิลเช่นกันเพราะงั้นมันอาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้นะ”

ชัมชิล?

ซอดัมเอียงหัวของเขาในตอนที่เขาจำได้ว่างานอภิปรายวิชาดาบก็จัดขึ้นที่ชัมชิลเช่นกัน

‘เทเลอร์ไม่ได้ใช่ดาบนี่น่าเพราะงั้นฉันคิดว่าเธอไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับงานอภิปรายนี้หรอก’

……………………………………………………..

ต้องขอบคุณการที่ฉันได้ครอบครองดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนั้นแต่เพียงผู้เดียวในครั้งนั้น มันเลยทำให้สถานการณ์ด้านการเงินของฉันกลับมาเฟืองฟูอีกครั้ง

อย่างน้อยที่สุดมันก็นับเป็นแบบนั้นจนกระทั้งถึงตอนที่ฉันจะซื้อชุดสูทเกรด 1 อะนะ

ในตอนนี้เงินเก็บของฉันแทบจะไม่พอสำหรับใช้จ่ายในอีกสองสามเดือนนี้ด้วยซ้ำแต่ฉันก็ยังคิดว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า

…ฉันแน่ใจเลย

ชุดสูทอีเทอร์เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของฮันเตอร์ทุกคนอยู่แล้ว

ชุดสูทเกรด 3 เป็นการรวมกันของเสื้อเชิ้ตที่มีวงจรอยู่ด้านใต้ ตามด้วยชุดสูทป้องกัน แล้วก็เป็นเสื้อโค้ทด้านนอกสุด

ชุดสูทเกรด 2 ต่างจากเกรดสามตรงที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นหลายเท่าในขณะที่ง่ายต่อการสวมใส่

แล้วถ้าอย่างนั้นชุดสูทเกรดหนึ่งหละ?

แม้ว่าฉันจะใส่ชุดออกกำลังกายและเอามือทั้งสองข้างลวงกระเป๋าอยู่ ฉันก็ยังสามารถที่จะใส่มันได้โดยอัตโนมัติ

มันเป็นความเหนือชั้นของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างแท้จริง

และข้อเสียเพียงอย่างเดียวของมันเลยก็คือมันจะใช้อีเทอร์อย่างต่อเนื่องในขณะที่สวมใส่ชุดสูทนี้

แต่มันก็ยังคงพกพาได้ง่ายกว่าและพลังป้องกันของมันก็คุ้มค่าต่อการลงทุนจนกว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้

ก็ชีวิตของฉันมันสำคัญกว่าเงินอยู่แล้วนิ?

ถ้าเงินมันสำคัญกว่าหละก็ฉันจะไม่แม้กระทั้งเหลือบมองมันด้วยซ้ำ

และชุดสูทเกรด 1 ชุดนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่ระบบควบคุมอุณหภูมิเท่านั้นแต่ยังมีฟังก์ชันการใช้งานระบบดิจิทอลทั่วไปที่มีความสามารถเสริมต่างกันไปขึ้นอยู่กับราคาที่จ่าย มีบางอันที่มีแม้กระทั้งปืน,ดาบ และมิสไซติดมากับชุดสูทเองเลย ดังนั้นมันสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าชีวิตของฮันเตอร์นั้นอยู่และตายขึ้นอยู่กับชุดสูทของพวกเขา

สูทของฉันนั้นเป็นสีดำทั้งตัว มีความมันวาวและแนบชิดไปกับสรีระของฉันราวกับว่ามันเป็นเพียงแค่การเพ้นท์สีไปบนร่างกาย

ถึงแม้ว่าลวดลายมันจะดูเรียบง่ายแต่ความเรียบง่ายนี้แหละที่ทำให้มันสวยงาม

เมื่อเอาเมก้าชูตเตอร์ของชั้นมาติดที่หลังและกระโดดขึ้นลง ฉันสามารถรู้สึกได้เลยว่าร่างกายทั้งร่างของฉันนั้นเบาขึ้น

ชุดสูทเกรด 1 มีความสามารถในการเพิ่มพละกำลังและความเร็วของผู้สวมใส่ในปริมาณที่มากพอที่จะทำให้คนธรรมดาแข็งแกร่งขึ้นมาได้เลย

ในขณะที่ฉันกำลังร่ายเวทย์ปกป้องรอบกระถางดอกไม้และเอามันไปซ่อนไว้ในตู้เซฟอีเทอร์ จิตวิญญาณตนนี้ได้พูดขึ้น

[คุณกำลังจะไปไหน…?]

“ฉันกำลังจะไปทำเงิน”

[เงินทองเป็นเพียงสิ่งของนอกกายนะ…]

“…เธอไม่ควรมองมันแบบนั้นสิ?”

[ฉันกลัวที่ต้องอยู่ลำพัง…]

“แม้ว่าจะเป็นอย่างนั้นฉันก็ไม่สามารถที่จะเอาเธอไปด้วยได้”

ด้วยเหตุผลบางอย่าง การได้ยินเสียงที่สั่นครอนเช่นนั้นทำให้ใจของฉันสั่นไหว

หลังจากที่ปลอบประโลมดอกไม้เด็กน้อยสักพักแล้ว ฉันก็ได้พูดกับคุณลูกค้า

“เตรียมภารกิจต่อไปให้ฉันได้เลย”

<ได้ค่ะ กำลังดำเนินการค่ะ>

เพราะว่าดอกไม้นี้ฉันเลยค่อนข้างที่จะเร่งรีบ

ฉันต้องรวบรวมวัสดุสำหรับดอกไม้ดอกนี้เพื่อให้มันเบ่งบานได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะว่าฉันอ่านเจอในหนังสือเวทมนตร์มาว่าถ้ายิ่งปล่อยไว้นานเท่าไหรดอกไม้ก็ยิ่งเหี่ยวเฉามากขึ้นเท่านั้น

และมันเป็นโอกาสทองของฉันที่จะได้รับจิตวิญญาณดังนั้นฉันไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสนี้ไปถ้าฉันสามารถที่จะช่วยมันได้

นี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมช่วงหลังมานี้ฉันถึงได้มั่วแต่คิดแต่เรื่องการหาทางช่วยให้จิตวิญญาณนี้เติบโตขึ้นให้ได้

ฉันครุ่นคิดเกี่ยวกับมันในขณะฉันกำลังมองรายการภารกิจ

“อืม…”

จักรวาลนี้ช่างแสนกว้างใหญ่ยิ่งนักมันเต็มไปด้วยโลกและเหล่าตัวเอกมากมาย

“ภารกิจที่อยู่ในรายกายที่ได้รับคำแนะนำจะได้รับเลเวลโบนัสเพิ่มเหมือนครั้งที่แล้วใช่ไหม?”

<ถูกต้องแล้วค่ะ>

“งั้นก็เริ่มจากตรงนั้นละกัน”

คลิกไปบนหนึ่งในภารกิจที่อยู่บนรายการที่ได้รับคำแนะนำ ข้อความก็ได้ปรากฎขึ้น

เกมส์_ที่_ฉัน_สร้าง_ได้_กลายมา_เป็น_ความจริง

ฟิวชั่น_แฟนตาซี ผู้สังเกตการณ์

กลุ่มดาว เติบโต

ระทึกขวัญ

<คุณต้องการที่จะไปเลยไหมค่ะ>

ด้วยเมก้าชูตเตอร์ที่แนบติบไปกับแผ่นหลังอย่างแนบแน่น ฉันได้พยักหน้าตอบ

ภาพเบื้องหน้าของฉันเบลออย่างรวดเร็ว

[กำลังเดินทาง สู่ โปรเจคเอาชีวิตรอดสวมบทบาทแบทเทิลรอยัลของอารัช โลกของตัวเอกเลเวล 73 อารัช]

[10…9…8…]

[การเดินทางเสร็จสิ้น]

โลกค่อยๆทรุดตัวลงและสร้างขึ้นมาใหม่

เมื่อเปิดตาออก

ฉันอยู่ภายใต้ท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ภาพผืนแผ่นดินที่แพร่ขยายออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาได้เข้ามาสู่สายตาของฉัน

“…อ-เอะ ไม่ใช่หละ!”

ใช่เลย ฉันกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า

โชคไม่ดีเลยที่ชุดสูทของฉันมันไม่มีฟังก์ชันการบินดังนั้นฉันทำได้แค่เพียงวิตกกังวลและแหวกว่ายอยู่กลางอากาศเท่านั้น…

‘หะ?’

แปลกแหะ ฉันไม่รู้สึกเหมือนว่ากำลังตกลงไปเรื่อย

มันเหนือนกับว่าฉันแค่ลอยอยู่เฉยๆ

[คุณได้กลายมาเป็นกลุ่มดาวเนบิวล่าเคฟเฟ็ก (ชั่วคราว)]

[สถานะปัจจุบันของคุณคือ ‘กลุ่มดาว’ และคุณไม่สามารถที่จะยุ่งเกี่ยวกับโลกความจริงได้]

“…กลุ่มดาวงั้นหรอ?”

ในทันทีที่ข้อความที่แตกต่างกันมากมายที่ไม่ได้มาจากคุณลูกค้าก็ปรากฎขึ้นในใจฉัน

{กลุ่มดาวยูซอดัมได้ปรากฏตัวขึ้นราวกับดาวหาง! ยินดีต้อนรับสู่โลกของโปรเจคอารัช!}

{คุณรู้สึกไหมว่าชีวิตอันเป็นนิรันด์นั้นช่างแสนน่าเบื่อหน่ายสิ้นดี?}

{คุณเคยคิดที่จะลองพบเจอกับความบันเทิงรูปแบบใหม่บางหรือไม่?}

{ถ้างั้นแล้วหละก็โหวดให้กับอวาตาร์ของคุณเองสิ!}

ดิ้ง!

[ได้รับสกิล จัดหาช่อง (ชั่วคราว)]

[ได้รับสกิล แทรกแซงช่อง (ชั่วคราว)]

[ได้รับสกิล ค้นหาช่อง (ชั่วคราว)]

[ได้รับสกิล สนับสนุนช่อง (ชั่วคราว)…]

มองไปที่ข้อความจำนวนมากที่เรียงรายกันมาทำให้ฉันสับสนมึนงง

กลุ่มดาว?

ก่อนที่ฉันจะได้ย่อยข้อมูลมากมายที่ได้รับมาว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ราวกับว่ามีถังน้ำแข็งถูกเทมาที่หัวของฉัน

ในตอนที่ข้อความอีกอันก็ได้ปรากฏขึ้นมา

{โน้ต : กลุ่มดาวไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโลกความจริงได้โดยตรง!}

…เออ ถ้างั้นแล้วฉันจะฆ่าตัวเอกคนนี้ได้ยังไงกันหละครับ?