ตอนที่ 170 ประลองยุทธ์เลือกคู่ช่วงที่สอง สู้กับ BOSS!

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ตอนที่ 170 ประลองยุทธ์เลือกคู่ช่วงที่สอง สู้กับ BOSS!

เมื่อได้ยินคำตอบที่เยี่ยเว่ยหมิงให้มา หนุ่มน้อยหน้าขาวก็งงเป็นไก่ตาแตก มองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนับถือ

หยิบฉวยของคนอื่นไปโดยเจ้าของไม่ได้อนุญาต ถือว่าเป็นความผิดฐานลักทรัพย์!

ประโยคนี้มาจากตำรา ‘วินัยศิษย์’

วินัยศิษย์ คำปราชญ์คนโบราณสอน คำกล่าวนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน!

รองเท้าอยู่เป็นคู่เคียงกัน หากหายไปข้างหนึ่งแล้ว อีกข้างก็ใช้ไม่ได้แล้ว

หลักการนี้แม้แต่เด็กสามขวบก็เข้าใจ ไม่มีปัญหาเลย

แต่ปัญหาก็คือ…

สิ่งเหล่านี้คือประเด็นสำคัญหรือ

อ๋องน้อยอย่างข้ามาที่นี่เพื่อลวนลามหญิงสาวชาวบ้านอย่างจริงจังนะ!

เรื่องที่ดูดีมีระดับอย่างนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะบอกว่าคือการขโมย ทั้งยังเป็กระจอกที่ขโมยรองเท้าอีก!

หนุ่มน้อยหน้าขาวถูกคำถามประหลาดของเยี่ยเว่ยหมิงเล่นงานจนพูดอะไรไม่ออกตั้งนาน อย่างไรเสียการอบรมสั่งสอนที่เขาได้รับมาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่เคยสอนเรื่องประหลาดอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน!

หลังจากเงียบไปห้าวินาที หนุ่มน้อยหน้าขาวคนนี้ถึงได้ฝืนถามออกมาว่า “เจ้าเป็นใคร”

“ข้าก็ไม่ใช่ใครหรอก!” เยี่ยเว่ยหมิงยื่นมือชี้เก้าอี้ผู้ชนะเลิศที่ตัวเองเคยนั่งชมการต่อสู้อยู่ก่อนหน้านี้ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือแตะจมูกตัวเอง พร้อมถามหนุ่มน้อยหน้าขาวว่า “ข้าเป็นเจ้าของสังเวียนของงานประลองยุทธ์ใหญ่ครั้งนี้ แชมป์เปี้ยนน่ะ! เจ้าเข้าใจไหม”

เขามองป้ายตัวใหญ่ ‘ผู้ชนะเลิศ’ ที่แขวนอยู่บนผนัง แล้วมองผ้าสีแดงที่เขียนว่าประลองยุทธ์เลือกคู่ด้านบนสังเวียนอีก ก่อนจะหันไปมองมู่เนียนฉือผู้งดงามน่าสงสารที่ร้องไห้อย่างปวดใจ สุดท้ายก็ลูบรองเท้าปักลายในอ้อมอกตัวเองโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ ในใจหนุ่มน้อยหน้าขาวก็รู้สึกพิลึกพิลั่นอย่างบอกไม่ถูก

ขณะมองเจ้าหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเจ้าของสังเวียน ในดวงตาของหนุ่มน้อยหน้าขาวก็พลันฉายแววสังหารซึ่งทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ “ถ้าอยากได้รองเท้าข้างนี้ เจ้าก็มาเอาไปเองสิ!”

เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงแสดงท่าที พุ่งเข้ามาใช้ฝ่ามือตบไปทางหน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว

ในขณะเดียวกันนี้เอง เหนือศีรษะของหนุ่มน้อยหน้าขาวคนนี้ ในที่สุดก็เผยให้เห็นชื่อกับค่าพลังชีวิตแล้ว

[หวันเหยียนคัง[1]]

อ๋องหกจากแคว้นจิน บุตรชายคนเดียวของหวันเหยียนหง ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ฝีมือไม่อ่อนด้อย

เลเวล: 45

พลังชีวิต: 48000/48000

กำลังภายใน: 25000/25000

……

นึกไม่ถึงว่าจะเป็นองค์ชายจริงๆ เพียงแต่องค์ชายคนนี้คุณสมบัติประจำตัวไม่ได้เรื่อง กำเริบเสิบสาน คำพูดเชื่อถือไม่ได้ ตรงตามแบบฉบับตัวร้ายในนิยาย

เมื่อเห็นอีกฝ่ายลงมือแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นท่านอ๋องมาจากไหน ชักกระบี่อาญาสิทธิ์ออกมาอย่างไม่เกรงใจทันที ไม่สนใจฝ่ามือที่โจมตีมาทางหน้าอก ใช่ท่าพเนจรสุดขอบฟ้าแทงไปตรงคอหอยของหวันเหยียนคังแล้ว

อิงตามการคำนวณจากสูตรคณิตศาสตร์ที่เขาตั้งใจศึกษามาหลายวัน เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ทั้งสองร่างกายแตกต่างกันไม่มาก แขนของคนคนหนึ่งบวกกับความยาวของกระบี่ จะต้องยาวกว่าแขนของอีกคนหนึ่งอยู่แล้ว

ดังนั้น หากหวันเหยียนคังไม่เปลี่ยนกระบวนท่า จะต้องถูกกระบี่แทงคอก่อนที่ฝ่ามือจะโจมตีถูกเยี่ยเว่ยหมิงแน่นอน จากนั้นก็จะติดสถานะแช่แข็งหลังจากถูกโจมตี แล้วก็จะถูกเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีต่อเนื่องหลายกระบวนท่าอย่างงดงามถึงอกถึงใจ

ด้วยพลังโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ หากโจมตีต่อเนื่องไปเรื่อยๆ องค์ชายท่านนี้หากไม่ตายก็หนังหลุดอยู่ดี

ทว่า โจทย์คณิตศาสตร์แบบนี้แม้จะล้ำลึกเหนือชั้น แต่หากคิดจะทำอะไรหวันเหยียนคังที่ได้รับการศึกษาระดับสูงมาก่อน ก็เป็นเรื่องที่ยากมากอยู่ดี

ชั่วพริบตานั้นที่เห็นเยี่ยเว่ยหมิงลงมือ สีหน้าเหยียดหยามของเขาก็หายไปทันที แทนที่ด้วยสีหน้าตกตะลึงยากจะปิดบัง

เพียงแต่ความตกตะลึงนี้ผ่านเข้ามาในดวงตาแวบเดียวเท่านั้น หวันเหยียนคังพลันปลีกตัวถอยไปข้างหลัง แล้วกล่าวเสียงเย็นว่า “เคล็ดกระบี่ฉวนเจินหรือ กระบี่จงมา!”

ไม่อย่างนั้นจะพูดได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายเป็นถึงองค์ชาย ต่อให้ทำเรื่องน่าอับอายอย่างการลวนลามหญิงสาวชาวบ้าน แต่ก็ไม่ลืมให้องครักษ์ติดตามข้างกายอยู่แล้ว

หลังจากสิ้นเสียง ‘กระบี่จงมา’ ของเขา ท่ามกลางกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังก็มีชายหน้าตาประหลาดคนหนึ่งโผล่ออกมาทันที แล้วโยนกระบี่ฝักหนึ่งขึ้นไปทางหวันเหยียนคังที่อยู่บนสังเวียน

เยี่ยเว่ยหมิงเหลือบตามอง ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนรู้จัก เป็น BOSS เฝ้าด่านคนหนึ่งที่เข้าร่วมการประลองรอบคัดเลือกก่อนหน้านี้ ขวานดาวร้ายเฉียนชิงเจี้ยน

ก่อนหน้านี้นึกว่าเป็นเพียง BOSS ธรรมดาที่ระบบจัดมาให้ นึกไม่ถึงว่าเป็นตัวละครหนึ่งในเนื้อเรื่องด้วย

เมื่อรับกระบี่มาไว้ในมือ สง่าราศีของหวันเหยียนคังก็เปลี่ยนไปโดบฉับพลัน เห็นเขาชักกระบี่ออกจากฝักด้วยความเร็วปกติ ทิ้งฝักกระบี่ที่ฝังเลี่ยมไปด้วยอัญมณีไว้ข้างๆ จากนั้นใช้ท่า ‘พเนจรสุดขอบฟ้า’ โจมตีเยี่ยเว่ยหมิงก่อน “เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน ข้าก็ใช้เป็นเหมือนกัน!”

จะว่าไปแล้ว ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ นี้ก็เป็นที่แพร่หลายในวงกว้างเหมือนกัน แม้แต้ชนชั้นสูงต่างชาติอย่างหวันเหยียนคังก็ยังฝึกเคล็ดกระบี่นี้ด้วย

เรื่องจริงได้พิสูจน์แล้วว่าหวันเหยียนคังไม่เพียงแค่เคยฝึก ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เท่านั้น ความรู้ที่มีต่อเคล็ดกระบี่ยังลึกซึ้งไม่ธรรมดาอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่าประสบการณ์ของเคล็ดกระบี่หรือค่าสเตตัสโดยรวมของตัวเขา ก็กดอยู่บนศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิงได้อย่างมั่นคง!

หลังจากประมือกันไปสิบกว่ากระบวนท่า เยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกหนุ่มน้อยหน้าขาวที่ดูเหมือนสุภาพเรียบร้อยคนนี้ข่มจนตกอยู่ในฝ่ายเสียเปรียบโดยสิ้นเชิงแล้ว

ทำได้เพียงต้านทานเท่านั้น ไม่มีกำลังโต้ตอบเลย!

ตามสถานการณ์ปกติ ยามเผชิญหน้ากับศัตรูที่เห็นอยู่ชัดเจนว่าสู้ไม่ไหว เยี่ยเว่ยหมิงก็จะตัดสินใจเปลี่ยนจากโจมตีมาเป็นป้องกันอย่างไม่ลังเล เปลี่ยนมาใช้เคล็ดกระบี่ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ เพื่อรับมือกับอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ใช้ความคิดวางแผนเอาชนะศัตรู

แต่ครั้งนี้ เขากลับไม่ได้ทำอย่างนั้น

เพราะเขาพบว่า ตอนกำลังสู้กับศัตรูที่มีค่าตบะของ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เหนือกว่าเขา ค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ของเขาก็เพิ่มขึ้นพรวดพราดแล้วเช่นกัน

อย่าบอกนะว่าต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันก่อน ถึงจะก้าวหน้าได้ง่ายขึ้น

ในเมื่อมีมีข้อดีอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รีบเปลี่ยนกระบวนท่าเช่นกัน ในทางกลับกัน เมื่อดูจากสถานการณ์ตอนนี้ แม้หวันเหยียนคังจะมีเลเวล ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ สูงกว่าเขา แต่เลเวลนี้ก็มีขีดจำกัด

ภายในเวลาอันสั้นนี้ หากหวันเหยียนคังอยากจะทำให้เขาบาดเจ็บก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่หวันเหยียนคังในฐานะที่เป็น BOSS เลเวลสี่สิบห้า ฝีมือก็เหมือนจะอ่อนแอไปหน่อย!

กล่าวโดยสรุปก็คือ แรงกดดันที่หวันเหยียนคังสร้างต่อเยี่ยเว่ยหมิง ก็คล้ายๆ กับตอนที่เขาและอินปู้คุยท้าสู้อ๋าวป้ายเป็นครั้งที่สอง รับมือได้ยากเหมือนกัน แต่กลับดันทุรังสู้ด้วยไหว

แต่อ๋าวป้ายมีจุดแข็งคืออาวุธฟันแทงไม่เข้า ยังช่วยชดเชยกระบวนท่าและพลังโจมตีที่อ่อนด้อยได้

แต่หวันเหยียนคังคนนี้มีจุดแข็งอะไรล่ะ มองไม่ออกเลย!

แล้วก็ดำเนินไปอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยความว่องไวและการเคลื่อนไหวของเขา ใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่เลเวลไม่สูงเท่าของคู่ต่อสู้ ใช้ค่าสเตตัสที่อ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้ ยืนหยัดสู้กับหวันเหยียนคังเป็นเวลาสามนาที

ในระหว่างนั้นแม้จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด แต่กลับไม่มีท่าทีว่าจะแพ้สักที!

เมื่อสามนาทีนี้ผ่านไปแล้ว ข้างหูเยี่ยเว่ยหมิงกลับมีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้น

[ติ๊ง! เนื่องจากหวันเหยียนคังไม่เคารพกติกาการประลอง การประลองยุทธ์เลือกคู่จึงจบลงอย่างเป็นทางการ ตอนนี้เขาสู่โหมดเนื้อเรื่องแล้ว]

[นับตั้งแต่นี้ไป สังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่จะไม่ได้รับการปกป้องจากระบบอีกแล้ว ในฐานะผู้เล่นเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมภารกิจครั้งนี้ คุณใช้วิธีการตั้งทีมเพื่อรับเพื่อนร่วมทีม แล้วร่วมกันสู้นายน้อยอันธพาลที่ใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่นได้]

เป็นอย่างที่คิดไว้ ระบบแค่จะทดสอบว่าตอนที่ถูกหวันเหยียนคังคนนี้โจมตี ฉันจะยืนหยัดได้ถึงสามนาทีหรือเปล่าอย่างนั้นเหรอ

มุมปากเขาเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เยี่ยเว่ยหมิงเรียกสะพานสวรรค์น้อยทันที หลังจากอีกฝ่ายตอบกลับแล้ว เขาก็ส่งคำเชิญตั้งทีมไปให้นาง

เนื้อเรื่องเข้าสู่ช่วงที่สอง ต้องเริ่มตั้งทีมโจมตี BOSS แล้ว!

[ติ๊ง! ผู้เล่นสะพานสวรรค์คริสตัลเข้าสู่ทีมของคุณแล้ว]

“พเนจรสุดขอบฟ้า!” ทันทีที่ตั้งกลุ่มเสร็จ เยี่ยเว่ยหมิงก็สั่งทันที จากนั้นเขากับสะพานสวรรค์น้อยที่เพิ่งกระโดดขึ้นสังเวียนก็ต่างคนต่างชักกระบี่ออกมา โจมตีตรงไปยังหวันเหยียนคัง!

ทว่ากระบี่คู่ผนึกรวมที่ไม่สมบูรณ์ของพวกเขา เพียงชั่วพบหน้ากันก็ถูกหวันเหยียนคังโจมตีพังแล้ว หนุ่มน้อยหน้าขาวเพียงแทงกระบี่ออกมาด้วยท่าง่ายๆ ก็ตัดขาดการเชื่อมต่อปราณแท้ของพวกเขาได้แล้ว!

เกิดเหตุไม่คาดคิดแล้ว! เยี่ยเว่ยหมิงแทนที่จะเผยสีหน้าตกใจ กลับเผยสีหน้าดีใจด้วยซ้ำ

ตามที่เหมียวเหรินเฟิ่งบอกก่อนหน้านี้ ถ้าอยากทำลายการเชื่อมต่อปราณแท้ของพวกเขาแบบซึ่งๆ หน้า นอกเสียจากจะเป็น BOSS ที่เลเวลสูงกว่าพวกเขามาก ก็ต้องเป็น BOSS โหมดปกติที่ไม่ถูกลดทอนพลังให้อ่อนแอเท่านั้นถึงจะทำได้

แต่หวันเหยียนคังคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเลเวลไม่ได้สูงถึงระดับที่จะบดขยี้พวกเขาได้ เช่นนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา ก็เป็น BOSS ร่างสมบูรณ์ที่อยู่ในสภาพแท้จริงแล้ว!

BOSS ร่างสมบูรณ์คืออะไร

ก็คือบอสที่ฆ่าตายแล้วจะฟื้นชีพอีกไม่ได้ ทั้งยังดรอปไอเทมดีๆ มากมายก่ายกองอย่างไรล่ะ!

ขณะมองหวันเหยียนคังที่ดูเหมือนจะรับมือได้ไม่ยาก จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่า เรื่องนี้ควรค่าแก่การรอคอย!

เมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ การที่กระบี่คู่ผนึกรวมถูกโจมตีพังเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะจะถูกคู่ต่อสู้ฉวยโอกาสโจมตีจนทำอะไรไม่ถูก ถึงขั้นใช้กระบวนท่าผิดด้วย พลาดก้าวเดียว แพ้ทั้งกระดาน

แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับแตกต่างออกไป เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนมาใช้เคล็ดกระบี่ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ก็ป้องกันตัวเองได้อย่างแน่นหนาไร้ช่องโหว่ ทำเอาหวันเหยียนคังเกิดความรู้สึกว่าตัวเองไร้ความสามารถ ไม่รู้ว่าจะลงมือตรงไหนดี

แต่ยังดีที่จุดอ่อนและจุดแข็งของเคล็ดกระบี่ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ นั้นชัดเจนเหมือนกัน ขณะที่มีพลังป้องกันสุดโรคจิต พลังโจมตีของมันกลับเล็กน้อยจนมองข้ามไปได้เลย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หวันเหยียนคังที่มีศักยภาพและสติปัญญาของบอสร่างสมบูรณ์ย่อมนึกถึงหนทางรับมืออย่างอื่นได้อยู่แล้ว

ในฐานะตัวร้ายที่เดิมทีบทบาทก็ไม่ได้ดีอะไรอยู่แล้ว หวันเหยียนคังตัดสินใจทำเรื่องไร้ยางอายโดยไม่รู้สึกหนักใจแม้แต่น้อย ใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่เลเวลสูงปรี๊ดของตัวเองรังแกสตรีผู้อ่อนแอจากสำนักสุสานโบราณอย่างสะพานสวรรค์น้อย!

ข้า! หวันเหยียนคัง หน้าด้านไร้ยางอาย!

[1] หวันเหยียนคัง 完颜康 หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อเอี๊ยคังจากนิยายมังกรหยก