บทที่ 213 เป็นศัตรู

บทที่ 213 เป็นศัตรู

เมื่อได้ยินเช่นนี้เซี่ยชิงหยวนก็หดหัวกลับเข้าไปในผ้าห่มเหมือนเต่าและไม่ออกมาอีกเลย

พอได้เห็นสิ่งนี้ เสิ่นอี้โจวก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

เขาตบผ้าห่มจุดที่นูนที่สุด “รอผมกลับมานะ”

จากนั้นเขาก็พาเสี่ยวหลิวออกไป

หลังจากได้ยินเสียงปิดประตู เซี่ยชิงหยวนก็รีบลุกออกจากผ้าห่ม

เมื่อรวมกับชาติที่แล้ว เธออายุยืนกว่าเขามากกว่าสิบปี แต่ทำไมทุกครั้งที่เธอต่อสู้กับเขา เธอจึงไม่ค่อยชนะเลย?

หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดจึงมุดเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง พร้อมนอนเอาแรงอีกสักพักหนึ่งเพราะเมื่อคืนเธอได้รับ ‘บทเรียน’ จนถึงเช้าตรู่

เซี่ยชิงหยวนนอนจนเกือบถึงเก้าโมงเช้าก่อนจะลุกขึ้น

เธอตื่นอย่างงัวเงียและลุกไปอาบน้ำ

เสี่ยวหลิวที่อยู่ชั้นล่างก็ได้ยินการเคลื่อนไหว เขาจึงรีบวิ่งขึ้นมาชั้นบน พลางยืนอยู่นอกประตูแล้วถามว่า “คุณนายครับ คุณต้องการอะไรเป็นอาหารเช้าไหมครับ ผมจะได้ออกไปซื้อให้”

เซี่ยชิงหยวนจำได้ว่าเสิ่นอี้โจวขอให้เสี่ยวหลิวซื้ออาหารเช้าให้เธอ เธอเลยตอบเขาว่า “ฉันอยากออกไปเดินเล่นและซื้ออาหารข้างทางเอง คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉันหรอกค่ะ คุณถือโอกาสนี้พักผ่อนให้เพียงพอได้เลย”

พอได้ยินดังนั้น เสี่ยวหลิวก็ไม่ดื้อดึงและตอบกลับว่า “คุณนาย ถ้าคุณต้องการอะไรสามารถเรียกหาผมได้เลยนะครับ”

หลังจากพูดจบ เขาก็ลงไปชั้นล่าง

เซี่ยชิงหยวนเก็บข้าวของเสร็จและกำลังจะออกไป แต่เมื่อเธอเปิดประตู เธอกลับเห็นฉู่ซิงอวี่ที่กำลังจะเคาะประตูพอดี

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนพร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปากของเธอ “คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ?”

ฉู่ซิงอวี่ตกใจเช่นกัน เขารีบเก็บอาการอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ผมมาเอาเอกสารให้เลขาธิการเสิ่นครับ”

เสิ่นอี้โจวมีความสุขมากในตอนเช้าจนลืมเอาเอกสารไปด้วย

สำหรับเขาที่เคร่งครัดมาตลอด นี่เป็นความผิดพลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้นเสิ่นอี้โจวก็สามารถบรรยายในที่ประชุมจบได้โดยไม่มีเอกสาร

ถ้าไม่ใช่เพราะต้องส่งเอกสารรายงานที่เป็นรูปเล่มไปด้วย เรื่องนี้คงผ่านพ้นไปโดยที่ไม่มีใครรู้

เซี่ยชิงหยวนตอบ “งั้นเข้ามาดูสิ”

ขณะที่พูด เซี่ยชิงหยวนเบี่ยงตัวไปด้านข้างและทำท่าทีให้อีกฝ่ายเข้ามา

ฉู่ซิงอวี่พยักหน้า “ขอบคุณครับ”

นี่กลายเป็นการเดินที่เขาอยู่ใกล้เธอมากที่สุด

เมื่อเดินผ่านเธอไป เขาจงใจกลั้นหายใจ เพราะกลัวว่าถ้าเขาไม่ระวัง เขาจะเผยความรู้สึกภายในออกมา

แต่ถึงอย่างนั้น กลิ่นหอมจาง ๆ ของเธอก็ยังโชยเข้าจมูกของเขา ทำให้เขารู้สึกมึนงงเล็กน้อย

หลังจากความมึนงงก็มีความรู้สึกขมขื่นเกิดขึ้นอีกครั้ง

เธอมีสามีแล้ว…

บนโต๊ะทำงานในห้อง เขาพบเอกสารของเสิ่นอี้โจวอย่างรวดเร็ว

ฉู่ซิงอวี่เก็บเอกสารไว้ในกระเป๋าเอกสารที่เขานำมาทันที

จากนั้นพูดกับเซี่ยชิงหยวนที่ยืนอยู่ในห้องโถงเล็ก “ขอโทษที่รบกวนนะครับคุณนาย ผมขอตัวก่อน”

เซี่ยชิงหยวนพยักหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ”

เมื่อฉู่ซิงอวี่เดินไปที่ประตู เขาก็ยืนอยู่ที่นั่น

เขาไม่ได้หันกลับไปมอง แต่เพียงมองลงไปที่ขอบประตูด้านล่าง

เขาพูดว่า “ขอบคุณครับ”

เซี่ยชิงหยวนเข้าใจว่าคำว่า ‘ขอบคุณ’ นี้หมายถึงอะไร

ขอบคุณที่บอกความจริงแก่เขาในแบบที่ทำร้ายความภาคภูมิใจในตนเองของเขาน้อยที่สุดเมื่อเธอสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของเขา

และต่อหน้าเสิ่นอี้โจวเรื่องนี้ไม่ได้ถูกกล่าวถึง ทำให้เขาไม่ต้องลำบากใจ

เซี่ยชิงหยวนมุมปากกระตุก “ฉันก็อยากจะขอบคุณคุณเช่นกันค่ะ”

ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีให้เธอ แต่เพียงแค่เธอไม่สามารถตอบสนองต่อความรู้สึกของเขาได้

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อารมณ์ที่ถูกกักขังของฉู่ซิงอวี่ดูเหมือนจะพรั่งพรูออกมาในทันที แม้แต่อารมณ์ที่ไม่สบายใจก็โล่งใจไปมาก

เขาสูดจมูก กลั้นความขมขื่นไว้แล้วเดินจากไป

เซี่ยชิงหยวนถอนหายใจและส่ายหัว จากนั้นก็ออกไปเช่นกัน

หลังจากฉู่ซิงอวี่ส่งเอกสารแล้วเขาก็ถอนตัวออกไปอย่างเงียบ ๆ

ที่ประตูห้องประชุม เขาบังเอิญพบกับเซี่ยจื่ออี้

เซี่ยจื่ออี้มองเขาด้วยคิ้วขมวด “มาเร็วสหายเก่า ลงไปดื่มกัน”

มีโถงรับรองอยู่ที่ชั้นหนึ่งของศาลากลาง ซึ่งสามารถใช้พูดคุยกันได้

ฉู่ซิงอวี่พยักหน้า “ตกลง”

จากนั้นเขาก็ลงไปข้างล่างพร้อมกับเธอ

ทั้งคู่สั่งชาหนึ่งถ้วยแล้วดื่มช้า ๆ

เซี่ยจื่ออี้จิบแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าชาต้าหงเผ่าที่ลุงฉู่นำกลับมาครั้งก่อนมีรสชาติที่บริสุทธิ์มากเลยนะ”

ฉู่ซิงอวี่ก็จิบด้วยและพูดว่า “ศาลากลางมณฑลใช้มันเพื่อรับรองเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้น ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่จะเอาออกมากินโดยไม่มีงานสำคัญไม่ได้”

ถ้าชาที่ใช้ในโถงรับรองเป็นของเกรดพิเศษ งบประมาณคงพุ่งทะลุฟ้า

เซี่ยจื่ออี้ตบหัวตัวเอง “ดูฉันสิ ฉันพูดผิดไปอีกแล้ว”

เธอยกถ้วยชาขึ้นอีกครั้ง “งั้นเปลี่ยนชาเป็นเหล้าดีไหมนะ? ฉันควรถูกลงโทษจริงๆ แหะ”

เมื่อเห็นเรื่องตลกของเซี่ยจื่ออี้ ฉู่ซิงอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

เขาดูนาฬิกาแล้วพูดว่า “บอกฉันมา เธอมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันกันแน่?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ เซี่ยจื่ออี้ก็แสร้งทำเป็นเศร้า “ซิงอวี่ นายอยู่ที่เมืองเตียนเฉิงนานแค่ไหนแล้ว และดูตอนนี้สิ ทำไมถึงพูดกับฉันด้วยท่าทางแบบนี้? ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อฉันกลับมาครั้งนี้ ฉันไม่เห็นนายมาที่บ้านพ่อของฉันเลย และแม่ของฉันก็ยังพูดถึงนายด้วย”

เมื่อเซี่ยจื่ออี้พูดเช่นนี้ ฉู่ซิงอวี่ก็รู้สึกกระอักกระอ่วน

เขาพูดว่า “เธอก็เห็นว่าฉันไม่ว่างไม่ใช่เหรอ? แม้แต่ที่บ้านฉันก็ทำได้แค่กลับไปนอนแล้วรีบออกมาทำงานเลย ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับพ่อของฉันเองด้วยซ้ำ หลังจากการประชุม เลขาธิการเสิ่นและฉันยังต้องจัดการอย่างอื่นอีก”

เมื่อฟังเขาพูดเช่นนี้เซี่ยจื่ออี้ก็หัวเราะ

เธอพูดว่า “ก็ได้ ๆ ฉันจะยกโทษให้นายอย่างไม่เต็มใจแล้วกัน”

เธอจำได้ว่าเมื่อกี้ที่ฉู่ซิงอวี่รีบออกไปและกลับมาโดยที่ถือกระเป๋าเอกสารอยู่ในมือ เขาน่าจะไปเอาของบางอย่างมาให้เสิ่นอี้โจว

เธอเลยพูดว่า “นายได้พบกับภรรยาของเลขาธิการเสิ่นตอนที่นายไปเอาของให้เขาเมื่อกี้นี้หรือเปล่า? ฉันเจอเธอเมื่อวานนี้ด้วย และฉันคิดว่าเธอสวยมากเลยนะ”

หลังจากพูดจบ เซี่ยจื่ออี้ก็มองเขาอย่างมีความหวัง

ฉู่ซิงอวี่ไม่รู้ว่าทำไมเซี่ยจื่ออี้ถึงพูดถึงเซี่ยชิงหยวน

กลิ่นหอมที่แทรกเข้าไปในจมูกของเขาในตอนเช้าโดยไม่ได้ตั้งใจดูเหมือนจะยังคงอยู่ในหัวใจของเขา เขาพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว “ใช่ เธอดูดีมาก”

จากนั้นเขาก็ตระหนักว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่เหมาะสม และกังวลว่ามันจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็นต่อเซี่ยชิงหยวน ดังนั้นเขาจึงอธิบายว่า “ฉันหมายถึงจากภายนอก เธอดูดี”

แต่เขาไม่ได้สังเกตเลยว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยจื่ออี้นั้นกว้างยิ่งกว่าเดิม

เธอพูดว่า “จริงเหรอ? ที่แท้นายก็หวังสูงกับเธอเช่นกันสินะ”

ก่อนหน้านี้ หนุ่ม ๆ ทุกคนที่รุมล้อมเธอ จะบอกว่าเธอสวยที่สุด

เมื่อฉู่ซิงอวี่ได้ยินเช่นนี้ เขาคิดว่าเธอเข้าใจผิดและพูดว่า “ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย เธอได้ยินมาจากไหนว่าฉันหวังสูงกับภรรยาของเลขาธิการเสิ่น? นี่เป็นความจริงต่างหาก และเธอจะไม่สวยขึ้นหรือขี้เหร่เพราะการประเมินส่วนตัวของฉันนะ”

เมื่อเซี่ยจื่ออี้ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ริมฝีปากสีชมพูซีดของเธอเม้มแน่น ช่างน่าสมเพชเสียจริง

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็พูดว่า “ฉันแค่ถามเฉย ๆ เอง ไม่คิดเลยว่านายจะปกป้องเธอขนาดนี้ แต่นายควรรู้ไว้อย่างนะ ซูอวี้เคยถูกปั่นหัวโดยผู้หญิงคนนั้น ถ้าผู้หญิงคนนั้นใสซื่อบริสุทธิ์จริง ๆ อย่างที่นายคิด ซูอวี้คงไม่ถูกส่งกลับมายังเมืองหลวงของมณฑลหรอก”

เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยจื่ออี้ ฉู่ซิงอวี่ก็ขมวดคิ้วโดยไม่ตั้งใจ เขาเกิดความสงสัยในใจ “จื่ออี้ ถ้าว่ากันตามหลักเหตุผล เธอเคยเจอภรรยาของเลขาธิการเสิ่นแค่ครั้งเดียว แต่ทำไมเธอทำตัวเป็นศัตรูขนาดนี้?”