สองข่าวที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่

หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนปิดด่านบ่มเพาะ นอกสำนักจันทร์จรัสแสง กลับมีคนพบศพถูกสังหารอย่างปริศนา…

ที่สำคัญคือบริเวณเอวของศพดังกล่าว กลับห้อยป้ายบ่งบอกฐานะศิษย์ฝ่ายในเอาไว้!

ตอนนี้สำนักจันทร์จรัสแสงที่เงียบมาทั้งเดือนพลันเดือดพล่านขึ้นมาทันที!

กล้าสังหารศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงใกล้ๆสำนัก ทั้งยังเป็นศิษย์ฝ่ายในอีก! นี่ยังต่างใดกับลูบคมสำนักจันทร์จรัสแสง…ใครมันช่างกล้า!?

และในขณะที่สำนักจันทร์จรัสแสงกำลังเดือดเพราะเรื่องนี้

ก็มีข่าวหนึ่งแพร่ไปในสำนักจันทร์จรัสแสง

“เห็นว่าศิษย์ฝ่ายในที่ถูกตายใกล้ๆสำนักเรา…ที่แท้เป็นการฆ่าปิดปาก! เพราะมันดันเป็นพยานในเหตุการณ์ที่อาวุโสจ้าวเฟิงถูกคนฆ่าตาย!”

ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าข่าวนี้มาจากใครและมาได้อย่างไร รู้กันอีกทีทุกคนก็กล่าวถึงเรื่องนี้กันไปทั่วแล้ว ข่าวยังแพ่รไปทั่วสำนักดั่งไฟลามทุ่ง!

เรื่องนี้นับว่าทำให้ฝ่ายในแตกตื่นกันไม่น้อย!

อาวุโสจ้าวเฟิงตายแล้ว!?

กลุ่มแรกที่ตกใจก็คือเหล่าศิษย์ฝ่ายในที่ทำหน้าที่ดูแลรับใช้จ้าวเฟิงในคฤหาสน์ ทั้งหมดพอได้ทราบเรื่องนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง!

“มิน่าแปลกใจเลยว่าวันนั้นไฉนท่านจ้าวสำนักถึงมาถามว่าอาวุโสจ้าวเฟิงไปที่ใด…ท่านเจ้าสำนักอาจล่วงรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าอาวุโสจ้าวเฟิงถูกคนสังหาร!”

เหล่าศิษย์ที่ทำงานในคฤหาสน์จ้าวเฟิง เริ่มตั้งวงหารือกันตาปริบๆ ยิ่งมาก็ยิ่งมั่นใจ เพราะทุกอย่างมันประจวบเหมาะเกินไป!

ขณะเดียวกัน เหล่าอาวุโสฝ่ายในทั้งหลายที่มีสัมพันธ์อันดีกับจ้าวเฟิงก็เร่งรุดไปยังคฤหาสน์จ้าวเฟิงกันยกใหญ่ ด้วยอยากรู้ว่านี่มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่…

และพอพวกมันรับทราบว่าจ้าวเฟิงได้ออกจากคฤหาสน์ไปร่วมเดือน จนบัดนี้ยังไม่ได้กลับมา พร้อมทั้งเดือนที่แล้วจ้าวสำนักก็มาไถ่ถามหาจ้าวเฟิงด้วยตัวเอง…ทั้งหมดก็ตระหนักได้ว่าข่าวลืออาจเป็นความจริง!

หลังจากอาวุโสเหล่านี้ยืนยันแล้วว่าเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นเรื่องอาวุโสจ้าวเฟิงตกตายแล้ว…ก็กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนในสำนักจันทร์จรัสแสงรับทราบกันถ้วนหน้า!

ภายในพื้นที่หวงห้ามของสำนักจันทร์จรัสแสง

เพล๊ง!!

ถ้วยชาถูกปัดตกโต๊ะจนแตก

ผู้ที่ปัดทำลายถ้วยชานี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชายชราแก่หง่อม! ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก! ยังเต็มไปด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด!!

ครู่ต่อมาชายชราแก่หง่อมนั่นก็ออกจากคฤหาสน์ที่พัก เพื่อไปยังคฤหาสน์อีกหลังข้างๆทันที

“เจ้าสำนัก มิใช่เจ้ากล่าวบอกข้าหรอกหรือว่าการตายของจ้าวเฟิงเป็นปริศนาไร้ผู้ใดล่วงรู้…แล้วไฉนยามนี้ถึงไดมีข่าวเรื่องศิษย์ฝ่ายในถูกฆ่าปิดปากเพราะเป็นพยานรู้เห็นการตายของจ้าวเฟิงแพร่ออกมาได้!?”

ชายชรามองจี้ถามเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงด้วยสายตาคมกล้า ไม่มีทีท่าเคารพในฐานะเจ้าสำนักแม้แต่น้อย

เมื่อเห็นว่าชายชราบุกมาหาความเรื่องนี้ เจียงเว่ยเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงย่อมไม่แปลกใจอะไร ได้แค่ฝืนยิ้มออกไปอย่างขื่นขมค่อยกล่าว “อาจารย์ลุงนี่เป็นเพียงข่าวลือที่มิมีมูลความจริงอันใด…ข้าลองออกไปตรวจสอบมาสองสามวันแล้ว แต่พบว่ามิมีผู้ใดรู้เลยว่าข่าวนี้มาจากที่ใด…”

“เช่นนั้นเป็นได้อย่างยิ่ง ว่าสมควรมีผู้ใดชักใยอยู่เบื้องหลังแล้ว…”

เจียงเว่ยกล่าวตอบไปอย่างมั่นใจ

“จักมีผู้ชักใยอุบาทว์อันใดอยู่เบื้องหลังข้ามิสน ข้าสนว่าเรื่องนี้มันจริงหรือไม่! หากเจ้ามิมีปัญญาตรวจสอบได้ ข้าจักไปตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง! นานแล้วตั้งแต่ผู้ชราเช่นข้ามิได้ทำอันใด…เส้นสายนับว่าตึงไปหมด บางทีข้าอาจใช้โอกาสนี้ยืดเส้นยืดสายเสียหน่อย!”

ชายชรากล่าวออกเสียงเข้ม

“ท่านอาจารย์ลุงเฉียน ข้าจักหาสาเหตุการตายของจ้าวเฟิงให้ท่านเร็วที่สุดเท่าที่ข้าจะทำได้”

เจียงเว่ยกล่าวให้คำมั่นออกมา “ขออาจารย์ลุงโปรดวางใจ แล้วรอคำตอบจากข้าเถอะ”

มันกลัวใจเหลือเกินว่าชายชราจะออกไปอาละวาดด้วยตัวเอง มันเองก็รู้นิสัยชายชราผู้นี้ดี น่ากลัวว่าเพื่อจ้าวเฟิงแล้วไม่มีอะไรที่อีกฝ่ายไม่กล้าทำ!

“เจ้าสำนัก รู้ไว้เสีย…ว่าความอดทนของข้ามีจำกัด!”

ชายชราเพียงมองจี้เจียงเว่ยตาเขม็งอีกครั้งพร้อมกล่าว ค่อยจากไป

หลังจากชายชราออกไป ใบหน้าเจียงเว่ยก็ไม่เหลืออาการปั้นยิ้มเกรงใจอะไรอีก กลับกลายเป็นมืดลงทันใด

ถึงแม้ชายชราจะเป็นอาจารย์ลุงของมัน แต่จะอย่างไรมันก็คือเจ้าสำนัก! การที่ชายชรามาคาดคั้นข่มขู่มันแบบนี้ทำให้มันไม่พอใจนัก คล้ายศักดิ์ศรีเจ้าสำนักของมันถูกท้าทาย!

อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่พลังฝีมือของชายชรามิได้ด้อยไปกว่ามันเลย ความหงุดหงิดในใจของมันก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

นอกจากนี้จะอย่างไรชายชราผู้นี้ก็ทำเพื่อสำนักจันทร์จรัสแสงมามาก

แถมเรื่องของชายชราครั้งนี้ กล่าวไปก็เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของมัน…

“สารเลวตัวใดกันที่หาญกล้าสร้างเรื่อง…เจ้าซ่อนตัวไว้ให้ดีเถอะ! หาไม่แล้วหากถูกข้าพบเมื่อใด ข้าจักให้เจ้าตายอนาถ!!”

พอคิดถึงคนที่แพร่ข่าวลือจ้าวเฟิง สีหน้าเจียงเว่ยก็คล้ายจะกลายเป็นมารร้ายทันที

“จนถึงตอนนี้ผู้ที่รู้เรื่องราวการตายของจ้าวเฟิง สมควรมีอาจารย์ลุงเฉียน ข้า แล้วก็หลิวฮ่วน…นอกจากนี้ก็มีแต่ฆาตกรที่ลงมือฆ่าจ้าวเฟิง!”

ในฐานะเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสง ความคิดอ่านของเจียงเว่ยย่อมมิได้มืดบอดหลงกลข่าวลือที่จงใจแพร่ออกมาแบบนี้ได้โดยง่าย

ดังนั้นผู้ต้องสงสัยแรกในใจของมันย่อมเป็น ‘หลิวฮ่วน’

ต้องกล่าวเลยว่าเจียงเว่ยนั้นมิใช่ชนชั้นโง่งม มันกลับตระหนักได้ว่านี่เป็น ‘ข่าวลือ’ ที่จงใจแพร่ออกมาทันที กระทั่งการตายของศิษย์ฝ่ายในคนนั้นสมควรเป็นการจัดฉาก!

อย่างไรก็ตาม ผู้บงการเรื่องราวอย่างหลิวฮ่วน ไหนเลยจะทิ้งร่องรอยใดๆ ให้สาวมาถึงตัวได้โดยง่าย! กระทั่งยามถูกซักถามก็ไม่เผยพิรุธใดๆให้เห็น!

ดังนั้นแม้เจียงเว่ยจะพยายามทดสอบหลิวฮ่วนหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล

‘ได้เวลาที่ข้าจะปล่อยอีกข่าว ที่จักสร้างผลกระทบครั้งใหญ่แล้ว…’

เมื่อเห็นเจียงเว่ยออกจากคฤหาสน์ไป ยิ้มเย็นเยือกก็ยกแสยะขึ้นที่มุมปากหลิวฮ่วนทันที

‘ต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หง…ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกมา ข้าไม่เชื่อว่าพวกเจ้าจักสามารถนิ่งเฉยอยู่ได้! โดยเฉพาะเจ้าต้วนหลิงเทียน!!’

หลังจากบ่นในใจ ลูกตาหลิวฮ่วนก็ทอแววอาฆาตมาดร้ายออกมาทันที

และไม่กี่วันหลังจากที่ข่าวการตายของจ้าวเฟิงทั้งการฆ่าศิษย์ฝ่ายในปิดปากแพร่กระจายไปทั่ว ก็มีอีกข่าวลือหนึ่งที่แพร่ออกมาทับข่าวแรก ทำให้สำนักปั่นป่วนอีกครั้ง!

“เห็นว่าที่อาวุโสจ้าวเฟิงออกไปวันนั้นเพราะคิดล้างแค้นให้ศิษย์ส่วนตัวอย่างเฝิงฟ่าน…แต่ผู้ใดจักไปรู้ ที่กล่าวกันว่า ‘เหนือฟ้ายังมีฟ้า’ กลับมิผิด อาวุโสจ้าวเฟิงกลับเตะเข้าตอเหล็ก ไม่เพียงล้างแค้นมิสำเร็จยังถูกฆ่าตายเสียเอง!!”

นี่คืออีกข่าวลือหนึ่งที่แพร่กระจายขึ้นมาในสำนักจันทร์จรัสแสง

เช่นเคย ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าข่าวนี้มาจากผู้ใดและมาจากไหนกันแน่ คล้ายอยู่ๆก็ผุดขึ้นมาพร้อมกันทั้งสำนัก!

ทว่าข่าวนี้กลับเป็นประเด็นร้อนยิ่งกว่าข่าวก่อนหน้าเสียอีก! ถึงกับทำให้สำนักจันทร์จรัสแสงโกลาหลกันยกใหญ่!!

“ที่แท้เฝิงฟ่านเป็นศิษย์ของอาวุโสจ้าวเฟิง!”

“มิน่าแปลกใจเลยว่าไฉนมันเป็นศิษย์ฝ่ายนอกแท้ๆถึงได้มีวรยุทธ์เซียนมนุษย์โดดเด่น ทั้งศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 2 ดาวเช่นนั้นไว้ใช้งาน…ถึงว่าล่ะ มิมีอาวุโสฝ่ายในคนใดมารับตัวมันไปเป็นศิษย์เลย ถึงแม้จะติดอันดับในรายนามปฐพีแบบนั้น!”

เรื่องนี้ก็ทำให้ความสงสัยในใจของศิษย์ฝ่ายนอกทั้งหลายคลี่คลายเช่นกัน

เรื่องนี้เป็นอะไรที่ในกาลก่อนพวกมันสงสัยกันนัก

“คิดไปล้างแค้นให้เฝิงฟ่าน…เฮ่ย! มิใช่ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเป็นคนฆ่าเฝิงฟ่านหรอกเหรอ?”

ไม่นานก็มีบางคนกล่าวออกมาด้วยความตกใจ

“มิผิด! ผู้ที่ลงมือสังหารเฝิงฟ่านเป็นศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน! อย่างไรก็ตามนี่เพราะเฝิงฟ่านเป็นฝ่ายส่งสารท้าประลองเป็นตายให้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเอง…ถึงแม้จักตายไปก็เป็นเพราะอ่อนแอกว่าผู้อื่น เรื่องนี้มิอาจโทษศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนได้มิใช่หรือไร?”

“หากอาวุโสจ้าวเฟิงออกไปล้างแค้นให้เฝิงฟ่านและคิดฆ่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจริง…เช่นนั้นก็มิคู่ควรเป็นผู้อาวุโสฝ่ายในแล้ว!”

“ข้าเองก็เห็นด้วย! ตั้งแต่ที่เฝิงฟ่านกล้าส่งสารท้าประลองเป็นตายให้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นก็อยู่ที่ลิขิตฟ้าแล้วว่าผู้ใดจะอยู่ผู้ใดจะตาย…นี่เป็นกฏเหล็กของสำนักจันทร์จรัสแสง ต่อให้อาวุโสจ้าวเฟิงเป็นอาวุโสฝ่ายในก็มิใช่จักละเมิดกันได้ง่ายๆ! กฏต้องเป็นกฏ!!”

“ข้าเองก็ได้ยินว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากสำนักไปช่วงหนึ่ง…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าช่วงเวลาที่อาวุโสจ้าวเฟิงถูกสังหาร กลับเป็นช่วงนั้นพอดี?!”

“ข้ากลัวว่าเรื่องนี้ สมควรมีคนแพร่ข่าวลือเพื่อหวังผลอันใดบางอย่าง ข้าคิดว่าแรงจูงใจของมันคือชี้นำให้ผู้คนคิดว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้สังหารอาวุโสจ้าวเฟิง!”

“เหลวไหล! ถึงแม้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนจักเป็นยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนแล้ว แต่เป็นไปมิได้เลยที่ศิษย์พี่ต้วนจะลงมือฆ่าอาวุโสจ้าวเฟิงได้”

“นั่นสิ…อาวุโสจ้าวเฟิงจะอย่างไรก็เป็นอาวุโสฝ่ายในที่มีพลังฝีมือติดอันดับ 1 ใน 3 …ไม่เพียงแต่เป็นยอดฝีมือสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ยังบรรลุสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่แล้วด้วยซ้ำเพราะเห็นว่าพึ่งออกจากการปิดด่านบ่มเพาะมา!”

“เหอๆ พวกเจ้าอย่าได้ลืมกันไปเสียเล่า…ว่าเบื้องหลังศิษย์พี่ต้วนคืออาวุโสป๋ายลี่! แถมพลังฝีมือของผู้อาวุโสป๋ายลี่ยังเทียบได้กับครึ่งก้าวเซียน!”

“เฮอะ! เจ้ากล่าวออกมาเช่นนี้…หรือเจ้าสงสัยว่าอาวุโสป๋ายลี่เป็นคนสังหารอาวุโสจ้าวเฟิง?”

……

แตกต่างจากข่าวก่อนหน้าไม่น้อย เพราะข่าวนี้กลับเกี่ยวพันถึงต้วนหลิงเทียนที่กำลังมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากสำนักจันทร์จรัสแสง ด้วยเหตุนี้เรื่องราวยิ่งมาจึงยิ่งร้อนระอุขึ้น!

สุดท้ายจึงกลายเป็นทุกคนสงสัยว่าจ้าวเฟิงอาจจะตกตายด้วยฝีมือป๋ายลี่หง!

“โชคร้ายที่ตอนป๋ายลี่หงออกจากคฤหาสน์ข้าไปวันนั้นมันสมควรสวนกับเจ้าสำนัก…หาไม่แล้วเจ้าสำนักคงสงสัยมันมากที่สุด”

ในขณะที่กำลังพึงพอใจกับผลกระทบของข่าวลือ หลิวฮ่วนก็ลอบเสียดายเรื่องนี้เสียไม่ได้

“อย่างไรเสียแม้เจ้าสำนักจะรู้ว่าเรื่องนี้อาจไม่ใช่ฝีมือป๋ายลี่หง แต่เรื่องราวคงมิจบลงง่ายดายนัก…ผู้ใดจะไปรู้อาจเป็นยอดฝีมือที่ป๋ายลี่หงจ้างวานให้ปกป้องต้วนหลิงเทียนเป็นคนลงมือฆ่าจ้าวเฟิงใช่หรือไม่?”

หลิวฮ่วนแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย “จะอย่างไรก็มิมีทางใดที่ต้วนหลิงเทียนจะรอดพ้นจากเรื่องนี้ไปได้ในเวลาอันสั้น…ข้าหวังว่ามันจะถูกข่าวลือนี้รบกวนจนไร้กะจิตกะใจบ่มเพาะ จำต้องออกมาเดินเล่นด้านนอกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์!”

คิดถึงตอนสุดท้าย หลิวฮ่วนก็แสยะยิ้มเย็นเยือก ประกายตายังสว่างวาบขึ้นมา

นี่เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน!!

ในขณะเดียวกัน ที่เขตหวงห้ามของสำนักจันทร์จรัสแสง สถานการณ์ก็ยากจะสงบลงได้

“อาจารย์ลุงเฉียน ข้าสามารถสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าได้ ว่าวันนั้นพอท่านมาแจ้งข้าเรื่องการตายของจ้าวเฟิง ข้าก็ไปหาหลิวฮ่วนทันที และข้าพบว่าผู้อาวุโสป๋ายลี่เองก็พึ่งออกมาจากคฤหาสน์ของหลิวฮ่วน!”

เจียงเว่ยไม่รอคำตอบ เลือกที่จะสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าทันที ค่อยกล่าวสืบต่อ “หากอาวุโสป๋ายลี่สังหารจ้าวเฟิงจริง คงมิมีทางที่จะย้อนกลับมาที่สำนักเร็วถึงเพียงนี้…นอกจากนั้นเท่าที่ข้ารู้ ช่วงนั้นอาวุโสป๋ายลี่เองก็พักอยู่ที่คฤหาสน์ของหลิวฮ่วนตลอด…”

“เช่นนั้นกล่าวได้ว่าตอนที่จ้าวเฟิงถูกสังหาร อาวุโสป๋ายลี่สมควรอยู่ที่คฤหาสน์ของหลิวฮ่วน จึงเป็นไปมิได้เลยที่อาวุโสป๋ายลี่จะเป็นคนลงมือสังหาร นอกเสียจากอาวุโสป๋ายลี่จะสามารถแยกร่างอยู่ 2 ที่ได้พร้อมกัน”

ตอนนี้เจียงเว่ยเป็นกังวลนัก ข่าวแรกไม่ทันหาตัวคนลงมือได้…ข่าวที่สองกลับแพร่ออกมาสร้างความปวดหัวให้มันอีกครั้ง! นี่ใครมันขยันหาเรื่องนักหนากัน คิดเล่นงานมันให้ปวดหัวตายหรือ?!

“บางทีมันอาจมิใช่ผู้ลงมือเอง แต่เป็นคนที่มันจ้างวานไปคุ้มครองต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นลงมือก็เป็นได้!”

ชายชราหยีตาลง ยังเผยประกายคมกล้ากล่าวออกเสียงเย็น “มิว่าอันใดเรื่องนี้ข้าจักออกไปไถ่ถามมันซึ่งๆหน้าด้วยตัวข้าเอง!”

“อาจารย์ลุงเฉียน…ท่านอย่าได้ทำให้ข้าลำบากใจเลย”

ได้ยินคำนี้ของจ้าวเฉียน เจียงเว่ยอดไม่ได้ที่จะชักสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่ฝืนยิ้มออกมาอย่างขื่นขม