บทที่ 178 เล่ห์เหลี่ยม 6 (1)

ท่าทางของเชวฮันในตอนนี้ดูเหมือนกำลังวิ่งไปตามพื้นราบมากกว่าจะเป็นการวิ่งกระโดดไปตามหลังคามิหนำซ้ำยังมีร่างของคาร์ลอยู่บนหลังเขาอีกด้วย

‘อ่า..สบายกว่าตอนนั่งรถม้าเสียอีก’

คาร์ลชื่นชมความแข็งแรงและความนิ่งของเชวฮัน ในขณะที่ปากก็อ้ารับพายแอปเปิ้ลที่ราอนป้อนให้เป็นระยะๆ กลิ่นและรสชาติของพายแอปเปิ้ลช่างหวานหอมและอร่อยยิ่งนัก คาร์ลเลียริมฝีปากของตนหลังจากพายแอปเปิ้ลหมดไปชิ้นหนึ่ง ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม

‘ดีกว่าเยอะเลย’

ปัญหาเดียวหลังจากการใช้อัคนีทำลายล้างคือความหิวโหยที่พุ่งเข้าจู่โจมตัวเขา

‘แต่คราวนี้ดีกว่าตอนที่อยู่ภูเขาสิบนิ้วมากนักเพราะฉันไม่ได้กระอัก–’

เขาไม่สามารถคิดต่อจนจบได้

แค่ก!!

คาร์ลเริ่มกระอักเลือดออกมาและมันก็ค่อยๆซึมเข้าไปในเสื้อของเชวฮัน

‘ให้ตายเถอะ!’

คาร์ลตระหนักได้อย่างหนึ่งเมื่อเห็นตัวเองกระอักออกมาเป็นเลือด

‘มีการกระอักออกมาเป็นเลือดทุกครั้งเมื่อพละกำลังแห่งดวงใจเริ่มทำงานอย่างกะทันหัน’

มันเหมือนกับตอนที่เกิดเหตุก่อการร้ายในจัตุรัสกลางเมืองและภูเขาสิบนิ้ว แม้แต่ครั้งล่าสุดที่เขาใช้โล่นิรันดร์กาลในจักรวรรดิก็เกิดอาการแบบนี้เช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่เขาใช้พลังเป็นจำนวนมากหรือเกินขีดจำกัดของร่างกาย พละกำลังแห่งดวงใจก็จะเริ่มทำงานอย่างเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูร่างกายของเขาโดยเร็ว มันทำให้เขากระอักออกมาเป็นเลือดหนึ่งครั้งเสมอ

‘แต่มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น’

เขารู้สึกดีขึ้นทุกครั้งหลังจากกระอักเลือดออกมา

คาร์ลโล่งใจที่การกระอักเลือดออกมาไม่ได้มีอะไรร้ายแรงกว่าที่คิด เขาเริ่มทานพายแอปเปิ้ลต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นจากนั้นก็หันไปมองราอน

“…เจ้าเป็นอะไร?”

“..เ..เปล่า!..ไม่มีอะไรเลยมนุษย์!”

คาร์ลมองเห็นพายแอปเปิ้ลกลายเป็นชิ้นส่วนเล็กๆปลิวลอยไปตามลม เขายังเห็นหมอกพิษที่เริ่มออกมาจากร่างของออนและฮงอีกด้วย

เขารู้สึกไม่แน่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเริ่มตบไปที่หลังของเชวฮันเบาๆ อย่างน้อยการที่เขากระอักเลือดออกมาเปื้อนเสื้อของเชวฮัน เขาก็ต้องขอโทษไม่ใช่หรอกเหรอ?

“ขอโทษ”

“….ไม่เป็นไรขอรับ”

เชวฮันเอ่ยตอบเขาหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นั่นทำให้คาร์ลคิดว่าเชวฮันรู้สึกหงุดหงิดที่เลือดเปื้อนเสื้อแถมร่างของคาร์ลยังเกาะหนึบที่หลังเช่นนี้

แน่นอนว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคาร์ลหรือคนอื่นๆก็ต้องรู้สึกโกรธเช่นกัน

คาร์ลต้องการย้ายร่างตัวเองลงจากหลังของเชวฮัน ท้องของเขาถูกเติมเต็มด้วยพายแอปเปิ้ลแล้วซึ่งมันทำให้เขาสามารถเดินทางต่อด้วยกำลังของตนเองได้

“ข้าไม่เป็นไรแล้ว เจ้าวางข้าลงก่อนเถอะเดี๋ยวข้าจะไปต่อเอง”

“ไม่เป็นไรขอรับ”

‘ไม่เป็นไร?’

คาร์ลพบว่าคำตอบของเชวฮันดูแปลกๆก่อนที่ประโยคต่อมาของเชวฮันจะลอดเข้ามาในหู

“มันไม่ต่างจากการแบกไม้กวาดขึ้นหลังเลยขอรับ! หากให้กระผมพูดตามตรงท่านคาร์ลตัวเบากว่าหญ้าแห้งเสียอีก ตอนนี้กระผมสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วและสามารถหลบสายตาจากคนอื่นๆได้ดีแล้ว หากท่านคาร์ลทำมันเอง กระผมเกรงว่ามันจะยิ่งช้าไปกันใหญ่”

‘นี่เขากำลังเปรียบเทียบฉันเป็นไม้กวาดกับหญ้าแห้งอยู่หรือเนี่ย?’

คาร์ลรู้ว่าสิ่งที่เชวฮันพูดเป็นความจริงแต่เขาก็อดเสียใจไม่ได้ ราอนยัดพายแอปเปิ้ลใส่ในปากคาร์ลทันทีเมื่อเห็นเขาอ้าปากจะพูดบางอย่างก่อนจะเอ่ยเสียงเข้มใส่คาร์ล

“ฟังเชวฮันพูด..เจ้ามนุษย์อ่อนแอ!”

“แต่–”

ราอนดันพายแอปเปิ้ลที่อยู่ในปากคาร์ลเข้าไปอีกครั้งเมื่อเห็นคาร์ลขยับปากจะค้านอีกรอบ คาร์ลมองไปที่ราอนด้วยความตกใจแต่สายตาของมังกรดำเต็มไปด้วยความจริงจัง

“มนุษย์! ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าเจ้าจะพูดอะไร..ตอนนี้เจ้าแค่ทำตามที่เราต้องการก็พอ”

‘หมอนี่หมายความว่าอย่างไร?’

คาร์ลรู้สึกงุนงงแต่ก็ไม่ได้พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไปเช่นกัน สิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้คงไม่ต่างจากสิ่งที่ราอนต้องการจะทำหรอกกระมัง?

‘ฉันไม่มีปัญหาอะไรเพราะมันทำให้ฉันสะดวกกว่าเดิม’

เขารู้สึกสบายด้วยซ้ำหากมีคนให้ขี่หลังและป้อนพายแอปเปิ้ลให้กินตลอดระยะทางที่มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ดยุก

อย่างไรก็ตามถนนด้านล่างตกเข้าสู่ความวุ่นวายโดยสมบูรณ์

คาร์ลก้มลงไปมองถนนด้านล่าง

ถนนเต็มไปด้วยความวุ่นวายแม้จะดึกเพียงใดก็ตาม เสาไม้ยังคงลุกไหม้แต่กลับไม่มีแม้กระทั่งเสียงหัวเราะหรือเสียงดนตรี

สายตาของผู้คนในจัตุรัสกลางเมืองต่างหันไปยังทิศเดียวกัน

พวกเขากำลังมองไปที่ทะเลสาบในตำนาน พวกเขาไม่สามารถมองเห็นทะเลสาบได้แต่สามารถมองเห็นเสาเพลิงขนาดใหญ่ที่พุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า

“น..นั่นไฟไหม้..ที่..ท..ทะเล..สาบ!..ไฟไหม้!”

ขุนนางคนหนึ่งที่กำลังเพลิดเพลินไปกับมื้ออาหารแสนอร่อยรีบเดินไปยังระเบียงร้านอาหารด้วยความตกใจ

เขาไม่คิดที่จะสนใจเสาไม้ที่ตั้งเด่นอยู่ในจัตุรัสกลางเมืองอีกต่อไปเมื่อเสาเพลิงยักษ์ที่กำลังโหมกระหน่ำในทะเลสาบมีความรุนแรงจนสามารถลุกไหม้จัตุรัสกลางเมืองนี้ได้ในชั่วพริบตา ความรุนแรงของเปลวเพลิงทำให้เขานึกกลัว

ภาพของสายฟ้าสีแดงที่พุ่งลงทะเลสาบยังคงติดตาเขาอยู่

หรือว่ามันจะเป็น—

“…พระเจ้า”

ดูเหมือนมันจะเกิดจากความโกรธของพระเจ้า! มือของขุนนางเริ่มสั่นระริก

‘ทำไมทะเลสาบที่พระเจ้าสร้างเอาไว้ถึงเกิดไฟไหม้–’

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถคิดต่อจนจบได้

“อ๊ากกกกก!!!”

“ไฟ..ไฟไหม้!”

“ไฟไหม้!!!!”

เขาก้มไปมองพื้นด้านล่างระเบียง ในที่สุดชาวเมืองที่พากันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นก็ได้สติและเริ่มมีปฏิกิริยาตอบโต้กับสิ่งที่เกิดขึ้น บางคนก็พากันวิ่งหนี บางคนก็คุกเข่าและเริ่มสวดอ้อนวอน บางคนก็กรีดร้องอย่างทำอะไรไม่ถูก เขามองเห็นปฏิกิริยาต่างๆของเหล่าชาวเมืองได้อย่างถนัด ผู้คนเหล่านี้อาจได้รับบาดเจ็บหากทั่วพื้นที่เต็มไปด้วยความโกลาหลเช่นนี้

แน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็นห่วงในประเด็นนี้

ซู่!!!!!

เขามองเห็นควันไฟที่ลอยสูงขึ้นก่อนที่ไฟบนเสาไม้จะมอดดับลง

เสียงดับไฟทำให้ผู้คนส่วนใหญ่หยุดการเคลื่อนไหวทันที นักเวทย์ใช้น้ำวิเศษดับไฟบนเสาไม้เหลือทิ้งไว้เพียงตอตะโกเท่านั้น

ตอนนั้นเองที่มีเสียงของคนผู้หนึ่งดังก้องไปทั่วบริเวณจากการใช้เครื่องเวทย์ขยายเสียง

“ไฟสามารถดับได้!”

ขุนนางหันศีรษะของตนไปมองทันที เขาได้ยินข่าวมาว่าดยุกเซคก้าจะเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองในค่ำคืนนี้

ดยุกคนปัจจุบันของตระกูลเซคก้ายืนอยู่ริมระเบียงบนร้านอาหารและเริ่มพูดคุยกับเหล่าชาวเมืองที่อยู่ในจัตุรัสกลางเมืองให้คลายความกังวล ในที่สุดเหล่าชาวเมืองก็มีโอกาสได้พบท่านดยุกตัวเป็นๆแล้ว

‘ร็อค เซคก้า’ นอกจากจะเป็นดยุกคนปัจจุบันแล้วยังเป็นที่รู้จักกันในนามของ‘อัศวินผู้พิทักษ์’อีกด้วย เขาพูดขึ้นอีกครั้งด้วยท่าทางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

“นี่คืออาณาจักรพารัน! ไฟไม่สามารถเอาชนะอาณาจักรพารันของเราได้!”

อาณาจักรพารันตั้งอยู่ในส่วนที่หนาวที่สุดของทวีป ความจริงข้อนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดับไฟแต่การที่มีอากาศในลักษณะนี้มันง่ายต่อการที่จะเกิดไฟไหม้ได้ง่ายมากกว่า อย่างไรก็ตามผู้คนเริ่มสงบลงหลังจากได้ยินสิ่งที่อัศวินผู้พิทักษ์พูด

“ไฟไม่สามารถเอาชนะน้ำได้!”

ดยุกร็อคชี้ไปยังเสาไม้ที่ดำเป็นตอตะโกเพื่อให้เหล่าชาวเมืองเห็นความจริงในข้อนี้

“ทุกคนจงฟังสิ่งที่อัศวินบอกและจงอยู่ในความสงบ! ในไม่ช้าไฟก็จะดับลง!”

ทหารและอัศวินที่ประจำการในจัตุรัสกลางเมืองเช่นเดียวกับอัศวินที่ดยุกร็อคนำติดตัวมาด้วยรีบมุ่งหน้าไปจัดการเรื่องต่างๆอย่างรวดเร็ว

คาร์ลพึมพำออกมาเบาๆเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะที่กลุ่มของเขากำลังเคลื่อนผ่านจัตุรัสกลางเมืองออกไป

“โล่งอกไปที”

เขารู้สึกแบบที่พูดออกมาจริงๆ เขาตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นสิ่งนี้

‘ฉันไม่คิดว่าดยุกคนปัจจุบันจะมาที่จัตุรัสกลางเมืองในวันนี้ด้วย’

เขารู้ว่าจะมีขุนนางผู้มีสติที่สุดและสามารถรับมือในสถานการณ์เช่นนี้ได้แต่เขาไม่คิดว่าขุนนางผู้นั้นจะเป็นดยุกเซคก้า

“น่าสนใจจริงๆ”

ราอนเอ่ยถามคาร์ลขึ้นเมื่อเห็นเขากำลังตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง

“มนุษย์!ทำไมเจ้าถึงยิ้มแบบนั้นล่ะ?”

คำถามของราอนทำให้เชวฮันสะดุ้งโหยงเป็นเพราะเขาสามารถจินตนาการถึงรอยยิ้มของคาร์ลได้ แน่นอนว่าคาร์ลไม่สนใจกับปฏิกิริยาของพวกเขาเพราะกำลังครุ่นคิดถึงสิ่งที่ดยุกเซคก้าประกาศก้องต่อชาวเมือง

เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นราวกับสิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริง

‘ในไม่ช้าไฟก็จะดับลง!’

‘ในไม่ช้าอย่างนั้นหรือ?’