ตอนที่ 141 สยบกิเลน
มาสู้กันรึ
เจียงหลินจ้องเด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่รู้อีกฝ่ายเอาความมั่นใจมาจากที่ใด
ตอนอยู่สุสานก้นทะเล หลังตนสำแดงวิชาลับก็กำราบเด็กหนุ่ม เหยียบย่ำมาตลอด เชื่อว่าอีกฝ่ายจะต้องจดจำภาพนี้ไว้ในความคิด
ดูท่าผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์คนนี้เหมือนจะทำลายธรณีประตูที่ใหญ่มาก เจียงหลินยิ้มเยาะลึกๆ ในใจ ขอบเขตที่หกก้าวสู่ขอบเขตที่เจ็ด มีสิทธิ์อะไรถึงมั่นใจได้ขนาดนี้
ที่นี่ผนึกแสงดารา ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ก้าวข้ามขอบเขตพลัง หรือกายและจิตจะยกระดับด้วยกัน
เจียงหลินไม่เคยได้ยินหลักการเช่นนี้มาก่อน
เขาหรี่ตาลง ตนฝ่าค่ายกลมากมายมาตลอด ผนวกกับต่อต้านยันต์เซียนกระบี่หญิงนั่น เสียกำลังไปค่อนข้างมากแล้ว ผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์นี่เกรงว่ายังซ่อนอุบายไว้อีก อย่างเช่นมียันต์มาอีกชุด
เหมือนสู้กับเซียนกระบี่หญิงต้าสุยนั่น เจียงหลินไม่รีบร้อนลงมือ แต่เอ่ยราบเรียบ “ข้าไม่สู้กับเจ้าได้ กระทั่งข้าปล่อยเจ้าไปได้”
หนิงอี้ที่ยืนตรงหน้าสวีชิงเยี่ยนเลิกคิ้วขึ้น พูดด้วยรอยยิ้ม “อ้อ”
เจียงหลินเอ่ยนิ่งๆ “ข้าต้องการเด็กสาวนั่น”
หนิงอี้ยิ้ม “แล้วยังมีอะไรอีก”
เจียงหลินหรี่ตาลง
“เจ้ามาภูเขาแดงก็เพื่อดาบเล่มนั้นบนแท่นบวงสรวงข้างหลังข้าล่ะสิ” หนิงอี้ยิ้ม เขาเอ่ยเสียงเบา “ราชสีห์ขาวของปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ จิ๊ ฟังดูน่าเกรงขามมากเลย…เหยียบค่ายกลมาไม่น้อย กินขี้ไปไม่น้อยเลยสิ ตอนนี้เจ้าเหลือแรงกี่ส่วน ถ้าเจ้าจะปล่อยข้าไปจริงๆ เช่นนั้นข้ากลับต้าสุยแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจะฝืนใจพูดกับผู้บำเพ็ญในเมืองหลวงว่าเลือดกิเลนเป็นรสชาติดีอย่างไร ตัวจริงกิเลนใจกว้างเพียงใด แนะนำให้พวกเขามาขอยืมเลือดเจ้าที่แดนอุดร เจ้าคนดีขนาดนี้ คงจะไม่ถือสากระมัง”
ทุกคำพูดของหนิงอี้เหมือนกับดาบเล่มหนึ่ง
ปักลงกลางใจเจียงหลิน แทงเข้าจุดสำคัญ
ยอดปีศาจหนุ่มคำรามเสียงดังด้วยความโกรธ หน้าอกขยับขึ้น ชักดาบออกมา ในดวงตาขยับประกายดุร้าย
หนิงอี้กับเจียงหลิน สองร่างเงาพุ่งขึ้นจากพื้น ชนกัน
ไม่ต่างอะไรกับตอนสุสานก้นทะเลก่อนหน้านี้ ชนกันอย่างไม่มีชั้นเชิง คลื่นลมหมุนม้วน
ชักดาบยาวล่าวารี ปราณกระบี่พินิจเหมันต์ฟาดลง
ดาบกับกระบี่กดเข้าด้วยกัน ชุดคลุมหยาบสีขาวของเจียงหลินปลิวไสวส่งเสียงดัง เขาหรี่ตาลง เอ่ยถามอย่างเย็นชา “เซียนกระบี่หญิงเมื่อครู่นั่นเกี่ยวอะไรกับเจ้า”
หนิงอี้ไม่เห็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในทางเดิน
แต่เขารู้ว่ายันต์พวกนี้เด็กสาวทำให้เขา กลิ่นอายพลังในตัวยอดปีศาจนี่ไม่มั่นคง ดูท่าเมื่อครู่คงจะเสียเปรียบยันต์ของเด็กนั่น เขาหรี่ตาลงทันที พูดเย้ยเยาะ “หลับนอนเตียงเดียวกับข้าทุกคืน เจ้าว่าเป็นอะไรกันล่ะ”
เจียงหลินมีสีหน้าโกรธ พูดถากถาง “อย่างเจ้ารึ เจ้าคู่ควรจะรู้จักคนเช่นนั้นรึ!”
ดาบยาวล่าวารีหมุนม้วนขึ้น ฟาดที่ตัวกระบี่พินิจเหมันต์ ประกายไฟมันวาวสาดกระจาย
หนิงอี้พลันรู้สึกหนักบ่า ยอดปีศาจนี่มีพละกำลังแข็งแกร่งจริงๆ ตนทะลวงขอบเขตที่เจ็ดก็ยังไม่อาจกำราบเจียงหลินได้ กายและจิตของเผ่าปีศาจ ต่อให้มีวิชาลับพรสวรรค์ก็ต้องใช้แสงดาราพลังปีศาจค้ำจุน หากการผนึกแสงดาราที่นี่ไม่ได้เข้มงวดมาก เกรงว่ายอดปีศาจคงเผยกายและจิตเหนือกว่าตนหลายขั้น
หากไม่ใช่เพราะเจียงหลินเสียกำลังไปมาก ตนก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ยอดปีศาจที่ใช้วิลาลับตนนี้
หนิงอี้เพ่งสายตามอง จุดอ่อนมากมายปรากฏบนตัวเจียงหลิน นี่เป็นเรื่องดีสำหรับตน อีกฝ่ายเป็นผู้บำเพ็ญสามอันดับแรกใต้ฟ้าเผ่าปีศาจ รู้ตัวดีว่าตนยังห่างจากคุณชายครามขั้นหนึ่ง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับอย่างมังกรจู๋หลงน้อยเฉาหลัน รับมือได้ยากจริงๆ ศึกในวันนี้ แค่ประสบการณ์ต่อสู้ก็เป็นสมบัติมหาศาล!
หนิงอี้ใช้มือข้างหนึ่งจับด้ามกระบี่พินิจเหมันต์ไว้แน่น อีกมือเอาฝ่ามือกดตัวกระบี่ ยกล่าวารีขึ้นช้าๆ
เจียงหลินใช้มือเดียวกดลงมาอีกครั้ง
สองคนเข้าสู่การประชันกำลังกัน
หนิงอี้ยิ้มเย็นชา “อะไรกัน อิจฉาริษยารึ ก่อนหน้านี้นางยังห่มผ้าให้ข้าทุกคืน อย่างเจ้าจะทำอะไรได้”
เจียงหลินโกรธขึ้นสมอง เพิ่มแรงไปอีก อีกมือกดตัวดาบล่าวารี อยากจะปราบหนิงอี้
ทว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีความอึดสูงเหมือนกับฟางข้าวที่กดอย่างไรก็งอไม่ได้
“นางยังซักผ้าให้ข้า ทำกับข้าว ต้มน้ำ ยกน้ำชา…”
แต่ละคำ หนิงอี้พูดด้วยรอยยิ้ม จงใจพูดช้ามาก
ซักผ้า
ทำกับข้าว
ต้มน้ำ
ยกน้ำชา
จากนั้นเขาแสร้งทำเป็นไม่รู้ ก่อนจะถามอย่างไม่เกรงใจ “เหตุใดเจ้าตาแดงล่ะ”
เจียงหลินถลึงตามองด้วยความโกรธ เส้นเลือดฝอยหลายเส้นลุกลามไปในดวงตา
เขาตาแดงจริงๆ แล้ว
แม้จะพบหน้ากันครั้งเดียว แต่ยอดปีศาจหนุ่มก็ถูกความสง่างามของเซียนกระบี่หญิงในยันต์นั้นกำราบ จิตใจโคลงเคลง ตอนนี้จึงยอมรับคำพูดของหนิงอี้ไม่ได้!
ก่อนหน้านี้เจียงหลินพูดเชื้อเชิญเซียนกระบี่หญิงนั้นมาสนทนามรรคที่แดนอุดรด้วยน้ำเสียงจริงใจ คำพูดนี้ไม่ใช่คำโกหก หากหญิงคนนั้นมาแดนอุดรจริงๆ ด้วยฐานะใต้ฟ้าเผ่าปีศาจของเขา จะไม่กลืนคำพูดเด็ดขาด จะตั้งใจเตรียมลานมรรค บุกเบิกภูเขา นั่งสนทนามรรคกัน
แต่หากหนิงอี้พูดความจริง…
เจียงหลินไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าหญิงเช่นนี้จะซักผ้า ทำกับข้าว ต้มน้ำและยกน้ำชาให้คนอื่น…น่าจะเป็นแบบใดกัน
แต่ยันต์ของหนิงอี้ ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ฝีมือของเขาเอง
“อ๊าก”
เจียงหลินคำรามเสียงดัง ดวงตาแดง สองมือจับล่าวารี ยกขึ้นอย่างรวดเร็ว
หนิงอี้รู้สึกตัวกระบี่เบาขึ้น
จากนั้นกระบี่ยาวนั้นฟันลงมาอีกครั้ง เสียงสายลมคำราม เกิดเสียงดังวิ้งไปทั้งตัวหนิงอี้ เหมือนถูกค้อนใหญ่ทุบ พลังเลือดลมส่งเสียงครึกโครม ใบหน้าแดงก่ำ
ลมหายใจเฮือกเดียวไม่ขาด
ทุกครั้งที่เจียงหลินฟันดาบจะเสียกำลังของตนอย่างมาก วิชาดาบนี้ไม่เน้นทักษะ เป็นการใช้หนึ่งกำลังสยบหมื่นวิชา ปกติฟันหนึ่งดาบก็เพียงพอแล้ว
น่าเสียดายที่มาเจอหนิงอี้
หนิงอี้กลั้นหายใจ ใบหน้าแดง จ้องร่างเงาดาบยาวนั้นเขม็ง บ้างก็ฟันลงมาตรงๆ บ้างก็ฟันขวางเข้ามา หนิงอี้จะใช้พินิจเหมันต์กันเอาไว้
ประกายไฟแตกกระจายทีละระลอก
สายลมรุนแรงรู้หญ้าแกร่ง
เจียงหลินเหมือนสายลมรุนแรง
หนิงอี้เหมือนหญ้าแกร่ง
ปล่อยให้สายลมเหนือใต้ออกตกเข้ามา ข้าก็ยังแน่นิ่งไม่ล้มลง
“เจ้ามันก็แค่มดปลวก คู่ควรขวางหน้าข้ารึ”
ลายวิชาลับสีทองอมดำบนแก้มเจียงหลินซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ลึกล้ำขึ้นเรื่อยๆ หลังจากไฟโทสะพุ่งสู่หัวใจ เขาก็เริ่มปล่อยพลังที่ไม่ใช่ของขอบเขตพลังตนออกมา
เจ้าไม่อยากล้ม ไม่ล้ม ไม่ยอมล้ม
เช่นนั้นข้าก็จะกดจนกว่าเจ้าจะต้องล้ม
“คุกเข่าให้ข้า!”
ใบหน้าไร้สีเลือด เป็นลายสีทองกับดำตัดสลับกันทั้งหมด เจียงหลินถือดาบด้วยสองมือ เล็งไปที่หนิงอี้
หนึ่งดาบฟันลง
หนิงอี้หน้าซีดขาว เข่างอเล็กน้อย จะคุกเข่ากับพื้นแต่ก็ยังถูกเจตจำนงยิ่งใหญ่ต้านไว้ ภายในกายหลั่งไหลพละกำลังออกมาไม่ขาดสาย
“คุกเข่าลง!”
ดาบที่สอง!
ใต้เท้าหนิงอี้ หลังแตกเป็นใยแมงมุมก็ขยายเป็นใยแมงมุมใหญ่กว่าเดิม
“คุกเข่าลง!”
ดาบที่สาม!
ดินหินกระจาย สองขาหนิงอี้เหยียบเป็นหลุมลึกลง พลังลุกลามออกไป หมอกร้อนพวยพุ่ง
แต่จนถึงตอนนี้ เจียงหลินยังให้เด็กหนุ่มตรงหน้าคุกเข่าลงไม่ได้
ตอนที่เขายกดาบขึ้นอีกครั้ง เขาพลันเห็นแสงสีขาวหิมะ
แสงกระบี่แคบยาวนั้นขยับวูบขึ้น ไม่ใช่การยอมจำนนและยอมทนอีก แต่จะลุกขึ้น ท้าสู้กับแรงกดดันที่ฟาดลงมาแต่ละครั้ง
ครั้งนี้ล่าวารีจะฟันลงมาอีก กลับไม่ได้ข้ามกระดูกสันหลังของหนิงอี้
นี่เป็นครั้งแรกที่ดาบเรียบทองเงินของเจียงหลินถูกปัดป้องไว้
ดังนั้นจึงเกิดช่องว่างช่วงสั้นยิ่ง
……
วางอยู่นอกความเป็นตายและวัตถุ
ลืมโลกภายนอก คงเจตนาเดิมไว้
นี่คือหนิงอี้ตอนที่ต่อสู้เป็นตาย
คำพูดนั้นของเคียงกระบี่ดังกึกก้องในความคิดหนิงอี้
‘หนึ่งกระบี่ทุกสรรพสิ่ง ตามหาคำว่า ‘หนึ่ง’ ของทุกสรรพสิ่ง เช่นนั้น ‘หนึ่ง’ ของเขาไท่ซานกับ ‘หนึ่ง’ ของเมล็ดข้าวก็ไม่ต่างกัน’
หนิงอี้ขบคิดมาตลอดก็ยังไม่เข้าใจ จนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเส้นทางใหญ่ที่ยากจะสอดส่อง
แต่ทุกครั้งที่ล่าวารีฟันลงมา ทุกครั้งที่เสียงของเจียงหลินดังขึ้น จะมีเปลวเพลิงไร้นามลุกโชนในตันเถียน ทำให้หนิงอี้อดใจอยากจะชักกระบี่ขึ้นไปไม่ได้
อยากจะระบายความโกรธนี้ออกมา
เจียงหลินจะให้เขาคุกเข่า!
เจียงหลินจะใช้ดาบฟันผ่านเขา!
หนิงอี้มีเพียงความคิดเดียว
สู้กลับไป!
กระโดดขึ้นไป!
ฟาดลงไป!
ภายในดวงตาหนิงอี้จุดแสงสว่างความเป็นเทพ เส้นผมขาวปลิวไสว มุมปากมีเลือดไหลเพราะแรงกดดันมหาศาล ทว่าสีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนไป ในดวงตามีความเหี้ยมโหดที่จะผงาดขึ้น
“เจียงหลิน…”
“เจ้าคุกเข่าให้ข้า!”
……..
เด็กหนุ่มที่คว้าช่องว่างเสี้ยวนี้กระโดดลอยขึ้นสูง
สองมือจับพินิจเหมันต์ไว้แน่น
ตอนนี้เหมือนเทพสวรรค์มาเยือนโลกมนุษย์
นี่คือกระบี่ของเขาสู่ซาน กระบี่จากฟ้า และเป็นกระบี่ที่ไร้เหตุผลที่สุดในโลกหล้า
เหมือนกระบองหนักพันชั่ง หุ้มด้วยสายฟ้าหมื่นชั่ง ควงฟาดลงมา!
เจียงหลินยกล่าวารีขึ้นตามจิตใต้สำนึก อยากจะใช้ตัวดาบต้านกระบี่นี้
หนิงอี้กลางอากาศ
ถือกระบี่เหมือนกระบอง
กระบี่ฟาด!
เส้นยาวขาวหิมะ เหมือนหิมะข้ามผ่านดินแดน ลากเข้ามาอย่างฉับพลัน
ตัวกระบี่ยาวพินิจเหมันต์ฟาดที่หน้าดาบล่าวารีของเจียงหลินอย่างแรง เกิดสะเก็ดไฟร้อนแรงขึ้น
ด้านนั้นของหน้าดาบ เป็นเด็กหนุ่มถือกระบี่ฟันลง ฟาดใส่เงาสะท้อนบนพื้นอย่างแร
ด้านนี้ของหน้าดาบ เป็นดวงตาหรี่แคบของเจียงหลิน ใบหน้าซีดขาว
หนิงอี้ลงบนพื้น ซวนเซถอยไปสองก้าว
ดวงตาเขาสว่างไสวยิ่ง แต่สีหน้ากลับเหนื่อยล้า…กระบี่นี้ใช้พลังของเขาทั้งหมด สูบความเป็นเทพทั้งหมดในที่ราบกระดูก ใช้ความเป็นเทพเกินขีดจำกัดไม่ใช่เจตนาเดิมของเขา เพียงแค่ออกกระบี่เช่นนี้ ภายใต้การเหนี่ยวนำของเจตจำนงกระบี่ เขาจึงเป็นคนตัดสินใจไม่ได้
นี่เป็นดวงจิตของพินิจเหมันต์
หากตนถอย เช่นนั้นก็จะไม่มีกระบี่เช่นนี้
หนิงอี้มองยอดปีศาจหนุ่มนั่นที่เหม่อลอย สองมือยกดาบขึ้นเหมือนถวายสวรรค์
เขาเอ่ยนิ่งๆ “จำนามของข้าไว้ ข้าชื่อหนิงอี้”
เสียงข้ามผ่านดินแดน
ชุดคลุมหยาบสีขาวของเจียงหลินส่งเสียงพึ่บพั่บหลังเสียงดังผ่านไป เส้นตรงกลางแหวกไปสองด้านซ้ายขวา
เจียงหลินมีสีหน้าเหม่อลอย เหม่อมองดาบเรียบทองเงินในมือตน
หน้าดาบสั่นไหวเบาๆ เกิดเสียงดังซ้อนทับกันไม่หยุดตรงจุดที่ปะทะพินิจเหมันต์
ดาบยาวล่าวารีนั้นนำมาจากสุสานจักรพรรดิโบราณกิเลน ได้รับขนานนามว่าแข็งแกร่งทนทาน
ทว่าหลังจากเสียงดังลุกลามออกไปก็เกิดเสียงดังกึก ก่อนจะแตกกระจายออก