บทที่ 189 ทำร้ายพวกเดียวกัน
บทที่ 189 ทำร้ายพวกเดียวกัน
เมื่อได้ยินดังนี้ ลู่หยวนขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาเลื่อนสายตา เห็นเพียงแค่ซุนอวิ๋นถิงมีสีหน้าเดือดดาล กำลังสบถออกมาว่า “โจรอย่างเจ้า เข้ามาในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ประตูของสำนักต้องแปดเปื้อน!”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น ร่างของซุนอวิ๋นถิงเต็มไปด้วยเจตจำนงดาบ เพียงหนึ่งอึดใจ ปราณดาบนับล้านก็เข้าถึงลู่หยวนในทันที
“ถ้าเจ้ากลับใจตอนนี้ จงคืนมังกรเจินหลงของหลานชายมา แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป!”
ในตอนนี้ ศิษย์จำนวนมากได้ยินเสียงดังกล่าวเช่นกัน พวกเขาจากสำนักดาบ เมื่อได้ยินคำพูดของซุนอวิ๋นถิง พวกเขาล้วนเดือดดาลขึ้นมา
ถึงแม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ในเมื่ออาจารย์สำนักกล่าวเช่นนั้น พวกเขาย่อมต้องโต้ตอบทันที
หนึ่งในพวกเขาก้าวมาข้างหน้าทันที แสร้งทำเป็นเกรี้ยวกราด และชี้ไปที่ลู่หยวนอย่างเดือดดาล
“ลู่หยวน ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนแบบนั้น เสียแรงที่นึกว่ามาจากตระกูลดี แล้วจะไม่ลอบทำอะไรแบบนี้เสียอีก! ถ้าเป็นเรื่องอื่นยังพอทน แต่เจ้ากล้าขโมยมังกรเจินหลงได้อย่างไร?! เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าไม่มีใครอยู่บนยอดเขาดาบ?!”
คนที่เหลือมองอาจารย์สำนัก พบว่าสีหน้าของเขาอ่อนลงมากหลังจากได้ยินเช่นนี้ พวกเขาจึงยิ่งเห็นพ้องต้องกันมากขึ้น ก่อนจะเข้าใจทุกอย่าง แล้วย่างเท้ามาข้างหน้าเพื่อแสดงความเห็นด้วย
“ลู่หยวน คนอย่างเจ้ากลับทำพฤติกรรมเช่นนี้ ช่างเป็นความอับอายต่อตระกูลลู่ยิ่งนัก!”
“เจ้ายังควรค่าที่จะเป็นศิษย์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์อีกหรือ?!”
หนึ่งในศิษย์ชุดสีดำสบถรุนแรงมากยิ่งขึ้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำลำคอขึงตึง นิ้วชี้มาที่ชายหนุ่ม “ลู่หยวน เจ้ามันหัวขโมย การมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือหายนะ ถ้าข้าเป็นพ่อของเจ้า ข้าจะ…”
ศิษย์ในชุดสีดำยังไม่ทันกล่าวจบ ลู่หยวนก็เงยหน้ามองขึ้นมา แรงกดดันแห่งเผ่ามังกรแผ่ออกไปทันที
ศิษย์สำนักดาบเหล่านั้นอยู่ในสภาพหายใจไม่ออก กลิ่นอายทรงพลังเหมือนกับภูเขาลึกลับจากสวรรค์ทั้งเก้ากดทับที่บ่าของพวกเขา
พรวด! พรวด! พรวด!
ศิษย์สำนักดาบทุกคนกระอักโลหิตออกมา ก่อนถูกแรงกดดันมหาศาลนี้กดทับจนล้มลงกับพื้นคนแล้วคนเล่า หากมองดูดี ๆ จะเห็นสิ่งที่เหมือนกับก้อนเนื้อผสมอยู่ในโลหิต ดูน่าสะพรึงยิ่งนัก
ท่ามกลางผู้ที่กำลังคุกเข่ากับพื้น ศิษย์ในชุดสีดำยืนตัวตรง ถึงแม้แรงกดดันของเผ่ามังกรจะไม่กดทับเขาได้ในทันที แต่มันก็ไม่ต่างจากถูกดาบจ่อเข้าที่คอ จนไม่อาจเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาได้
ศิษย์ทั้งหลายมองบุตรศักดิ์สิทธิ์ด้วยความหวาดกลัว พวกเขารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้ดูเหมือนบุตรที่มาจากตระกูลชั้นสูงอีกต่อไป
ลู่หยวนยืนตัวตรงในความว่างเปล่า กลิ่นอายกดข่มอยู่รอบข้าง พลังมังกรโคจรไปมาราวกับถือกำเนิดพร้อมกับเขา ใบหน้าไม่มีร่องรอยความผันผวน แต่สายตาเหล่านั้นเหมือนกับราชันมังกรกำลังมองดูโลก เหยียดหยามมนุษย์ผู้ต่ำต้อย
ศิษย์คนนั้นมีพลังขั้นเทียมเซียนเช่นกัน เขาในตอนนี้กลับคิดว่าตนเองเป็นเพียงมดปลวกที่สามารถถูกบดขยี้จนตายได้ในสายตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์
ความรู้สึกที่ถูกกดดันและสิ้นหวังนี้ ทำให้ศิษย์คนนั้นรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ต่างจากอาจารย์สำนักที่มีจำนวนน้อยนิด
ก่อนที่ทุกคนจะตอบสนอง ลู่หยวนยกมือขึ้น กลิ่นอายพลันพวยพุ่ง พื้นที่รอบข้างศิษย์ในชุดสีดำสั่นไหว และพริบตาต่อมา ศิษย์ในชุดสีดำก็โผล่มาอยู่ตรงหน้าลู่หยวนพร้อมถูกจับลำคอเอาไว้
ด้วยความเร็วระดับนั้น แม้แต่ซุนอวิ๋นถิงยังมองไม่ทัน!
ลู่หยวนคว้าลำคอของศิษย์ในชุดสีดำ แต่น้ำเสียงยังคงราบเรียบยิ่ง “เมื่อครู่ เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เสียงอันแผ่วเบาเข้าหูของอีกฝ่าย แต่มันเหมือนกับคำสาปมรณะ พลังที่ไม่อาจเพิกเฉยได้ที่อยู่ตรงลำคอของเขากำลังบอกว่า คนตรงหน้าสามารถควบคุมความเป็นความตายได้อย่างง่ายดาย
“ยะ… อย่าฆ่าข้า! อย่าฆ่าข้า!”
ศิษย์ในชุดสีดำสั่นสะท้าน ไม่อาจพูดจาอย่างปกติได้พักใหญ่
ไม่ไกลกันนั้นกลิ่นอายของซุนอวิ๋นถิงเคลื่อนผ่านศิษย์ทั้งหมดในสำนักของตน เขาถึงเข้าใจว่า ลิ้นของศิษย์ที่ล้มลงกับพื้นล้วนถูกบดขยี้ไปหมดแล้ว
มันคือก้อนเนื้อเหล่านั้นที่ผสมกับโลหิตที่กระอักออกมา หัวใจของบรรพชนดาบแข็งทื่อ เขาเงยหน้าขึ้นถามว่า “ลู่หยวน เจ้ากล้าฆ่าศิษย์ของข้าได้อย่างไร?!”
“ฆ่าศิษย์ของเจ้าหรือ?” ลู่หยวนชำเลืองมอง ก่อนมุมปากยิ้มหยันออกมา “อย่างนั้นเองหรือ?”
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็ออกแรงที่มือ เสียง ‘กร๊อบ’ ดังขึ้น ศิษย์ที่ยังตะโกนอยู่ในมือของคุณชายลู่สิ้นลมหายใจทันที
บุตรศักดิ์สิทธิ์โยนร่างนั้นทิ้งอย่างไม่ใส่ใจ ร่างของศิษย์ในชุดสีดำลอยออกไปกระแทกกับหุบเขาที่อยู่ไม่ไกลนัก
หลังจากได้ยินเสียงดัง ‘ตูม’ ควันธุลีพลันอบอวลทุกหนแห่ง ยอดเขายุบลง ร่างของศิษย์ในชุดสีดำร่วงหล่นจากควันธุลี ตกลงไปในหุบเหวไร้ที่สิ้นสุดเบื้องล่าง
ศิษย์จำนวนมากเห็นสภาพเช่นนี้เข้าจึงพากันหวาดกลัว พวกเขาเคยได้ยินมาว่าอีกฝ่ายมีนิสัยโหดเหี้ยมและสังการอย่างเด็ดขาดก็คิดว่าข่าวลือเป็นเรื่องโกหก แต่เมื่อได้เห็นภาพในวันนี้จึงตระหนักได้ว่ามันโหดเหี้ยมยิ่งกว่าที่ข่าวลือว่าไว้เสียอีก!
“ลู่หยวน! เจ้ากล้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ได้อย่างไร?!”
ดวงตาของซูอวิ๋นถิงแทบจะถลนออกมา เขาคืออาจารย์ดาบแห่งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์! เขาคือคนที่ก้าวเข้าสู่รากฐานการบ่มเพาะของจ้าวยุทธ์! เป็นหนึ่งในปรมาจารย์ดาบของแผ่นดินหยวนหง!
ไม่ว่าใครที่เห็นเขาต่างตะโกนด้วยความเคารพว่า ‘อาจารย์ซุน’ ไม่ใช่หรือ?!
ลู่หยวนคนนี้ช่างอาจหาญนัก เขาทรมานและสังหารศิษย์ต่อหน้าต่อตา ทำขนาดนี้ไม่เท่ากับเป็นการเหยียบหน้าของตนลงกับพื้นหรือ?!
หากกล้ำกลืนฝืนทนกับเรื่องในวันนี้ ในอนาคตเขาจะยังอยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ต่อไปได้อย่างไร?!
ในแผ่นดินหลัก ใครเล่าจะหวาดกลัวเขา?!
ลู่หยวนหนอลู่หยวน เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าเป็นบุตรของตระกูลลู่จึงคิดจะไว้ชีวิต!
แต่วันนี้เจ้าทำตัวโอหังจนถึงขั้นกล้าเหยียบหัวของข้า เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่หันดาบใส่เจ้า!
ขอเพียงฆ่าเจ้าหนุ่มนี่ แล้วฉวยมังกรเจินหลงมาได้ ต่อให้ผู้เฒ่าอมตะจากตระกูลลู่ไล่ล่าเขาทั่วทั้งแผ่นดินก็นับว่าคุ้มค่าเช่นกัน!
ซุนอวิ๋นถิงตัดสินใจเสร็จ กลิ่นอายรอบข้างพวยพุ่งทันที หมู่เมฆนับไม่ถ้วนเคลื่อนลงมาจากเหนือท้องนภา แรงกดดันของวิถีแห่งสวรรค์เริ่มกระจายไปทั่วท้องนภา
สายลมพัดพา ความว่างเปล่าบิดเบี้ยว
ศิษย์จำนวนมากรู้สึกแน่นหน้าอกทันที พวกเขาใช้อาวุธวิเศษพาตนเคลื่อนที่คนแล้วคนเล่า เพียงพริบตาก็มุ่งหน้าไปที่สุดขอบของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นโคจรพลังวิญญาณเพื่อทำให้ตัวเองผ่อนคลาย
ซุนอวิ๋นถิงยกมือขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ ปราณดาบนับไม่ถ้วนหมุนไปมา ก่อตัวเป็นดาบยาวตั้งตระหง่านเหนือศีรษะ “ลู่หยวน ข้าจะฆ่าเจ้าเพื่อหลิงอวิ๋นในวันนี้เอง!”
สายตาของชายหนุ่มพลันเคร่งขรึม แสงสีแดงปกคลุมทั่วทั้งนัยน์ตา แรงกดดันที่อยู่ไกลออกไปปะทุขึ้นทันที
มังกรเจินหลงบนปลายนิ้วยืดตัวขึ้นเช่นกัน พลังของมังกรเจินหลงหนักอึ้งยิ่ง
อาณาเขตที่ใช้เนตรเทวะและเผ่ามังกรร่วมสร้างแผ่ออกไปทันที ครั้นแสงสว่างวาบไหว มันก็ปกคลุมทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์จนมองไม่เห็นด้านนอก
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มมุมปาก หากมองดี ๆ จะพบว่า ดวงตาของลู่หยวนและมังกรเจินหลงในตอนนี้ดูแปลกประหลาด รูม่านตาทั้งสองบ้างตั้งตรงเหมือนงู บ้างก็กลมเหมือนปกติ
ตูม! ตูม! ตูม!
ซุนอวิ๋นถิงสัมผัสได้ หลังจากผ่านไปสักพักแสงสว่างสีแดงพลันปกคลุมทุกสิ่งในอาณาเขต บริเวณรอบข้างเริ่มพังทลาย แม้กระทั่งเจตจำนงดาบในมือก็เริ่มสลายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
บรรพชนดาบตั้งสติ สงบความโกรธในใจลง เหลือเพียงดวงตาที่แสดงถึงความไม่อยากเชื่อ
เขาคือผู้บ่มเพาะขั้นจ้าวยุทธ์ มีเจตจำนงดาบสูงสุด!
แต่พออยู่ในอาณาเขตของคนอย่างลู่หยวนเช่นนี้ ปราณดาบกลับพังทลายงั้นหรือ?!
ซุนอวิ๋นถิงเงยหน้าขึ้น ด้วยเหตุผลบางอย่าง ในสายตาเขา บุตรศักดิ์สิทธิ์ดูน่าหวาดกลัวขึ้นมา ทุกสิ่งรอบข้างสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งสิ่งปลูกสร้างทั้งหลายของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มพังทลาย จากนั้นจึงตกลงไปในหุบเหว
บรรพชนดาบตัดสินใจอย่างเด็ดขาด รวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดด้วยพละกำลังที่เหลืออยู่ในร่างกาย ปราณดาบรวมตัวขึ้นอีกครั้ง ก่อนดาบหนักเล่มหนึ่งจะเคลื่อนลงมาอยู่ในมือ
เขาเล็งไปที่ลู่หยวน กวัดแกว่งดาบด้วยพละกำลังทั้งหมด จนปราณดาบสูงสุดกวาดออกไปชั้นแล้วชั้นเล่า อากาศรอบข้างถูกบดขยี้ทันที
ปราณดาบมาถึงตรงหน้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ เจตจำนงดาบอันบ้าคลั่งแยกโลกทั้งใบออกจากกัน อาณาเขตของชายหนุ่มพังทลายภายใต้ปราณดาบในเวลาไม่นานเช่นกัน ก่อนจะกลายเป็นเถ้าธุลี
“ลู่หยวน เจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่?!”
มุมปากของซุนอวิ๋นถิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ภายใต้ปราณดาบดังกล่าว บุตรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ขั้นเทียมเทพไม่มีทางขัดขืนได้อย่างแน่นอน!
ตูม! ตูม! ตูม!
ปราณดาบฟาดฟันออกไปชั้นแล้วชั้นเล่า พื้นที่สีแดงค่อย ๆ หายไป ท้องนภาสดใสปรากฏขึ้นอีกครั้ง ปราณดาบพุ่งเข้าถึงใบหน้าของชายหนุ่มเช่นกัน
ตอนนี้ลู่หยวนเงยหน้าขึ้น เขายังยืนนิ่งกลางอากาศไม่ขยับไปไหน เพียงยิ้มออกมา “เจ้าโง่”
สิ้นเสียงดังกล่าว ร่างของชายหนุ่มพลันหายไปทันที ซุนอวิ๋นถิงเห็นชัดเจนว่าพลังปราณดาบของเขาถูกฟาดฟันออกไปแล้ว ส่วนที่ปราณดาบกำลังเผชิญหน้าอยู่นั้น คือยอดเขาดาบที่อยู่ภายใต้การดูแลของตนเอง!
ตูม!
ปราณดาบฟาดฟันลงไป หุบเขาทั้งหลายแยกออกจากกันทันที เจตจำนงดาบไร้ที่สิ้นสุดยังคงบดขยี้ทุกคนที่อยู่บนหุบเขาดังกล่าว
โผละ! โผละ! โผละ!
เสียงเหมือนกับเนื้อตกกระแทกพื้นลอยเข้าหูทุกคน เหนือยอดเขาดาบ เลือดเนื้อกระจายไปทั่ว ศิษย์นับไม่ถ้วนถึงแก่ความตาย
“ซุนอวิ๋นถิง ทีนี้เจ้าก็ฆ่ามากกว่าข้าแล้ว!”